World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 164.2 ความจริงในโลกของผู้ฝึกยุทธ (2)
หลังสิ้นสุดการประลองระหว่างจิงอู่กับโม๋อู่ ฟางผิงก็กลายเป็นดาวดัง
ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด!
จิงอู่พ่ายแพ้ให้กับโม๋อู่ หัวหน้าทีมโม๋อู่ฟางผิงจัดการจิงอู่ด้วยตัวคนเดียว!
อันดับหนึ่งในหมู่มหาลัยชั้นยอด ใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย?
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธหวังพลิกสถานการณ์!
…
มีข่าวถูกเขียนมากมาย ไม่มีข่าวไหนที่ไม่มีชื่อฟางผิง
หัวหน้าทีมนักศึกษาใหม่โม๋อู่ฟางผิงทำผลงานได้ดีกว่าใครในการประลองครั้งนี้
ผู้ฝึกยุทธเพียงคนเดียวที่ขึ้นเวทีและลงเวทีโดยไม่ได้รับบาดแผล
นอกจากนี้ยังมีคนแย้งด้วยเช่นกัน ฟางผิงไม่ได้เจอกับผู้ฝึกยุทธขั้นสองกับหานซวี่ ถ้าเขาเจอกับพวกเขา ก็พูดยากแล้วว่าเขาไร้บาดแผลแบบนี้ไหม
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของฟางผิงเป็นที่ยอมรับ
บางคนก็คิดว่า ฟางผิงไร้พ่ายแบบนี้ได้เพราะการใช้เม็ดยาเข้าช่วย
เขากินเม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งไม่ต่างกับขนมเยลลี่ นี่ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกอิจฉา
…
ในขณะเดียวกัน
ณ สถานพยาบาลในถ้ำใต้ดินโม๋อู่
หวังจินหยางกับฉินเฟิ่งชิงกำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล พวกเขากำลังดูถ่ายทอดสดอยู่เช่นกัน
ฉินเฟิ่งชิงยิ้ม เจ้าหมอนี่น่าสนใจ เขามีร่างกายแบบไหนนะ? เหล่าหวัง บอกฉันหน่อย ถ้าเขาบรรลุขั้นสามแล้วฝึกกระบวนท่าไม้ตายขั้นสาม ควบคู่กับกินยาไปด้วย เขาจะสำแดงกระบวนท่าไม้ตายหลายครั้งโดยไม่มีข้อจำกัดเลยไหม?
ถ้าเป็นแบบนั้น แม้แต่ขั้นสี่ก็ถูกเขาหวดตายใช่ไหม?
หวังจินหยางครุ่นคิด อาจมีข้อจำกัดอยู่ นอกจากนี้ ร่างกายและพลังกายของมนุษย์ยังมีข้อจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีขีดจำกัด…
แต่สักสิบถึงยี่สิบดาบไม่ควรเป็นปัญหาใช่ไหม?
บางทีนะ
หวังจินหยางไม่มั่นใจจริงๆ วันนี้ฟางผิงใช้กระบวนท่าไม้ตายไปหกเจ็ดดาบ ถ้าเขาบรรลุขั้นสาม พูดยากว่าเขาจะใช้กระบวนท่าไม้ตายได้มากกว่าสิบดาบไหม
ถ้าเป็นแบบนั้น แม้แต่ขั้นสี่ก็ล้มแทบเท้าเขา
แน่นอน มันใช้ได้ผลกับผู้ฝึกยุทธขั้นสี่ที่อ่อนแอเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธขั้นสี่ที่ทรงพลังสามารถสังหารฟางผิงได้ในกระบวนท่าเดียว คุณฟันได้เป็นหมื่นครั้ง แต่จะมีโอกาสไหมก็อีกเรื่อง
ฉินเฟิ่งชิงพูดต่อ พอจบนี่ ดูเหมือนขั้นสองจะไม่เป็นปัญหา ในความเห็นฉัน แม้แต่ขั้นสาม เขาก็คงใช้เวลาไม่นาน ก่อนเริ่มปีสอง เขาคงบรรลุขั้นสาม
ถ้าฉันไม่พยายามเพิ่ม เจ้าหมอนี่คงตามฉันทันแน่
เหล่าหวัง เราตั้งทีมไหม? พามาสักสองสามคนไปสำรวจถ้ำใต้ดินด้วยกัน นายคิดยังไง?
หวังจินหยางถอนหายใจ มันอันตรายเกินไป
มันไม่ใช่ถ้ำใต้ดินที่อันตราย แต่การตามพวกเขาไปมันอันตราย
ไม่ต้องพูดถึงขั้นสองขั้นสาม แม้แต่ขั้นสี่ทั่วๆไปก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง
หวังจินหยางคิดมาตลอดว่าที่ฉินเฟิ่งชิงรอดชีวิตมาได้ก็เพราะพลังชีวิตดุจแมลงสาบของเขา
ไม่กี่วันก่อน หลังเขาถูกยอดยุทธขั้นห้าโจมตี ฉินเฟิ่งชิงก็ยังวิ่งหนีได้ด้วยความเร็วสูงสุด แม้แต่หวังจินหยางยังอึ้ง เขาคิดว่าฉินเฟิ่งชิงคงตายด้วยการโจมตีนั้นไปแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงยิ้มอย่างไม่แยแส ไม่เสี่ยงแล้วจะได้รางวัลได้ยังไง!
ครั้งนี้ฉันจะขัดเกลากระดูกลำตัวเสร็จแน่นอนแล้วบรรลุขั้นสามสูงสุด
พอฉันบรรลุขั้นสามสูงสุด จะทะลวงขั้นสี่ก็เป็นแค่เรื่องของเวลา
ขณะที่เขาพูด เขาก็ลืมเรื่องทีมกับเรื่องฟางผิงไปแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็เป็นแค่ขั้นหนึ่ง เขาแค่ยกมาพูดแก้เบื่อ ไม่จำเป็นต้องพาพวกเขาไปตายหรอก
…
วันที่ 14 มกราคม
จิงอู่ปะทะพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ
วันนี้ฟางผิงมาชมการประลองกับฟางหยวนอีกครั้ง
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จิงอู่มีหลี่หรานกับจางเจิ้งกวง สมาชิกอีกสามคนเป็นคนจากทีมสำรอง
กลับกัน พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธส่งเฉินเจียเซิงผู้ฝึกยุทธขั้นสองขึ้นสนาม แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ ซุนหมิงยวี่ที่มือถูกตัดขาดตัดสินใจขึ้นประลองทั้งที่บาดเจ็บ!
นอกจากซุนหมิงยวี่แล้ว เหลียงเว่ยเย่าที่แขนหักก็ขึ้นประลองด้วย!
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธหมดหนทางต้องสู้ตายอย่างเดียว!
จากห้าคนที่อยู่บนสังเวียน สองคนบาดเจ็บ สองคนเป็นขั้นหนึ่งชั้นสูง และมีเฉินเจียเซิงอีกคน
จิงอู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน จางเจิ้งกวงยังคงมีผ้าพันแผลพันอยู่ทั่วแขน มันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด สีหน้าของหลี่หรานยังคงซีดขาวไม่ต่างกับภูติผี อาการบอบช้ำภายในยังไม่หายดี
ส่วนผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดอีกสามคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์
เมื่อเห็นผู้ประลองของทั้งสองฝ่าย ฟางผิงก็รู้สึกเห็นใจพวกเขา เพื่อทรัพยากรสามสิบเปอร์เซ็นต์ของจิงอู่ พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธเข้าตาจนหนัก ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ส่งสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บมาประลองต่ออีกรอบแน่
แล้วจิงอู่ล่ะ?
จิงอู่แค่พยายามปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของมหาลัยในฐานะมหาลัยชั้นยอด การรักษาศักดิ์ศรีของจิงอู่ในฐานะมหาลัยวิชายุทธอันดับหนึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกต่อสู้จนไม่คิดชีวิต
การพ่ายแพ้ให้กับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธและทรัพยากรที่ลดลงไม่ได้ส่งผลต่อพวกเขาเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงอันดับหนึ่งของจิงอู่จะหายไปตลอดกาล
การประลองครั้งนี้ เมื่อเทียบกับตอนแปดมหาลัยพันธมิตรเจอกับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ มันไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ดีไม่ดีมันน่าเศร้ายิ่งกว่าด้วยซ้ำ
…
ความเป็นจริงที่ฟางผิงได้คาดการณ์ไว้แม่นยำมาก การประลองโหดเหี้ยมถึงขีดสุด
แต่สุดท้ายพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธก็พ่ายแพ้ไป!
ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นสูงสองคนแลกกับขั้นหนึ่งสูงสุดคนนึง
ซุนหมิงยวี่ที่เหลือแขนข้างเดียวเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุด ขวานเขาจามใส่หลังคู่ต่อสู้ ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่เขาก็แลกมาด้วยแผลที่เอว เลือดไหลทะลักไม่ต่างกับสายน้ำไหล
เหลียงเว่ยเย่าใช้แขนเดียวตอกคู่ต่อสู้ แต่เขาก็เอาชนะผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดคนที่สามของจิงอู่ไม่ไหว เขาต้องออกจากการประลองหลังได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นครั้งที่สอง
ผู้ประลองคนสุดท้าย เฉินเจียเซิง แทบบ้าคลั่ง
ดาบคู่เขาแทบคร่าชีวิตผู้ฝึกยุทธที่ได้รับบาดเจ็บมาจากเหลียงเว่ยเย่า กรรมการต้องดึงเขาออกเพื่อรักษาชีวิต
หลี่หรานประลองเป็นคนที่สี่ หญิงสาวก็ต้องสู้จนถึงขั้นบ้าคลั่ง สุดท้ายเธอก็หยุดกระอักเลือดออกมาไม่ได้เพราะอวัยวะภายในบอบช้ำ เธอถูกบังคับให้ถอนตัวหลังยอดยุทธจิงอู่ประกาศยอมแพ้
แม้ว่าเฉินเจียเซิงจะเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสอง แต่เขาก็มีปราณและเลือดจำกัด ในการประลองรอบสุดท้ายกับจางเจิ้งกวง จางเจิ้งกวงยังมีสภาพดี เขาเน้นหลบหลีกการโจมตี ทำให้เฉินเจียเซิงหมดแรง
ในช่วงสุดท้าย เฉินเจียเซิงหักแขนอีกฝ่ายข้างนึง ส่วนจางเจิ้งกวงแทบหักคอเฉินเจียเซิง เป็นอีกครั้งที่กรรมการต้องเข้ามาช่วยชีวิตเฉินเจียเซิง
เวลานี้ คนจากทั้งสองทีมแทบจะพิการกันทุกคน
…
หลังเฝ้าดูการประลอง ฟางผิงก็พึมพำเบาๆ พรุ่งนี้เราต้องสู้กับใคร?
ดูเหมือนจะไม่มีการประลองแล้ว!
หลังต่อสู้กันอย่างโหดร้าย จิงอู่เกือบพิการกันทุกคน นอกจากหานซวี่ที่อาจยังประลองต่อไหว ที่เหลือไม่เหลือความแข็งแกร่งแล้ว
ผู้นำของจิงอู่ก็เงียบไปเช่นกัน
พวกเขาจะประลองต่อได้ยังไง?
โม๋อู่ยังเหลือผู้ฝึกยุทธที่ยังไม่ได้สู้อีกหลายคน!
แต่ตอนนี้จิงอู่ประลองกับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธไปสองครั้ง โม๋อู่ไปหนึ่งครั้ง สมาชิกส่วนใหญ่ถูกกวาดล้าง พวกเขายังต้องประลองรอบสุดท้ายอีก
พวกเขาจะรวบรวมคนห้าคนได้ไหม?
หานซวี่เป็นคนนึง ส่วนฟางเหวินเสียงก็แทบตายแล้ว เหมือนกับหลิวฮ่าวหมิง ส่วนลับของเว่ยซู่เจี๋ยก็ยังไม่หายดี หลงเทาก็ขาหักเพราะถูกหอกยาวตอกติดกับพื้น…
ห้าคนที่ประลองวันนี้ก็ย่ำแย่พอกัน แม้แต่จางเจิ้งกวงที่ประลองเป็นคนสุดท้ายก็แขนหักข้างนึง
…
ฟางผิงไม่ต้องคิดเรื่องเตรียมการสำหรับการประลองวันพรุ่งนี้ มันไม่ใช่เรื่องของเขา
การประลองมาถึงจุดนี้ รัฐบาลก็บรรลุจุดประสงค์เช่นกัน ทุกคนได้เห็นความโหดร้ายเมื่อผู้ฝึกยุทธเผชิญหน้ากัน ได้เห็นความกล้าหาญที่จะต่อสู้จนไม่คิดชีวิต ได้เห็นถึงลักษณะอันน่าเกรงขามของผู้ฝึกยุทธ!
โม๋อู่บรรลุเป้าหมายเช่นกัน เพราะชัยชนะของพวกเขาเป็นที่แน่นอนแล้ว
อันที่จริงแม้แต่พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธก็บรรลุจุดประสงค์ พวกเขาแย่งทรัพยากรจากแปดมหาลัยพันธมิตรได้สำเร็จ
แม้ว่าจิงอู่จะจบลงด้วยอันดับสอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียไปมาก ความสูญเสียเพียงอย่างเดียวคือ ความอับอายที่ต้องแพ้โม๋อู่
หลังคำนวณเพิ่มไปอีก นอกจากผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่ร่วมประลอง ส่วนใหญ่ไม่ได้สูญเสียมากนัก อย่างไรก็ตามแปดมหาลัยพันธมิตรนั้นขาดทุนไปมากโข
ที่จริงผู้ฝึกยุทธที่ร่วมประลองยังได้รับทรัพยากรมากมายเป็นค่าชดเชย ขอแค่พวกเขาไม่ตาย แม้แต่ซุนหมิงยวี่ก็ไม่กลัวเสียมือไปถาวร
สรุปพอใจทุกฝ่ายงั้นเหรอ?
ฟางผิงหัวเราะให้ตัวเองเมื่อก้าวออกจากโรงยิม
วิชายุทธไม่ใช่เรื่องง่าย
ผู้ฝึกยุทธก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ส่วนความโหดร้ายของการประลอง จะตำหนิใครก็พูดยากนัก รัฐบาลต้องการ โลกผู้ฝึกยุทธต้องการ มหาลัยวิชายุทธต้องการ…แม้แต่ตัวผู้ฝึกยุทธก็ต้องการ!
เลือดเนื้อของผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งกลุ่มหนึ่งถูกเสียสละเพื่อแลกกับการกระตุ้นคนธรรมดา และกระตุ้นผู้ฝึกยุทธที่มีดีแค่ปราณและเลือด!
โลกไม่ได้สงบสุขเสมอไป
ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่ รับได้หรือไม่ แต่นี่แหละคือความจริงของโลกผู้ฝึกยุทธ
��