World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 173 มีเพียงผู้ที่คิดคำนวณเท่านั้นที่จะได้เงิน
- Home
- World’s Best Martial Artist
- ตอนที่ 173 มีเพียงผู้ที่คิดคำนวณเท่านั้นที่จะได้เงิน
ฟางผิง เธอก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว แปลว่าตอนนี้เธอมี 520 คะแนนแล้วสินะ?
เฒ่าหลี่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเร่าร้อน เธอบรรลุขั้นสองแล้ว เธอควรได้รับ 100 คะแนนแล้ว…
ฟางผิงขัดจังหวะ อาจารย์หลี่ถึงกับรู้ว่าผมมี 520 คะแนน มีนักศึกษามาที่นี่มากมาย อาจารย์ตรวจสอบคะแนนของทุกคนจริงสิ?
เฒ่าหลี่พูดแย้งบ่งบอกว่าไม่พอใจ ลองคิดดูสิ ในฐานะอาจารย์ผู้รับผิดชอบแผนกโลจิสติกส์ ฉันต้องเข้าใจข้อมูลพื้นฐานพวกนี้อยู่แล้ว!
ฟางผิงพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็เอ่ยถาม อาจารย์มียาชำระร่างกายไหม?
มีสิ! มีแน่นอนอยู่!
เฒ่าหลี่สีหน้าสดใสขึ้นมาทันที ฟางผิงเป็นลูกค้าชั้นยอดของแท้!
เขาอยากซื้อเม็ดยาที่ไม่ค่อยมีใครต้องการ!
การซื้อเม็ดยาสองเม็ดล่วงหน้าก่อนเป็นขั้นสองเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขากลับมาซื้อเม็ดยาเพิ่มอีกหลังบรรลุขั้นสองแล้วเป็นความจริง คนมีเงินทำอะไรก็ได้เป็นเรื่องจริง!
สำหรับผู้ฝึกยุทธ การขัดเกลาร่างกายเป็นเพียงส่วนเสริม
จุดประสงค์หลักของผู้ฝึกยุทธคือการขัดเกลากระดูก เมื่อกระดูกแข็งแกร่งพอ ร่างกายจะแข็งแกร่งตามเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตรงกันข้าม การขัดเกลาร่างกายโดยไม่ขัดเกลากระดูกนั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
อาจารย์หลี่ ใช่แล้วผมมี 520 คะแนนแล้ว ผมอยากแลกเม็ดยาชำระร่างกายสักหน่อย อาจารย์ให้ส่วนลดผมหน่อยได้ไหม?
เอ๊ะ? เธออยากจะ…
20 คะแนนต่อเม็ด ผมจะแลกทั้งหมด!
เฒ่าหลี่ดูสงสัย เธอใช้คะแนนแลกหมดเลยเหรอ? เธอต้องการยาชำระกระดูกมากขนาดนั้นไปทำไม?
ฟางผิงพูดทันที อาจารย์ไม่รู้เหรอว่าผมดูดซับยาได้เร็วมาก? แต่ผมพึ่งพบข้อเสีย ผมขัดเกลากระดูกเร็วมาก แต่กายผมตามไม่ทัน
เฮ้อ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากเสียเงินไปกับยาชำระร่างกายไปเปล่าๆ
มันมีข้อเสียแบบนี้นี่เอง…
เฒ่าหลี่รู้เรื่องร่างกายพิเศษของฟางผิง เขาทอดถอนใจ เข้าใจแล้ว ก็นะ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
หลังฟังคำอธิบาย เขาก็รู้สึกเห็นใจฟางผิง
การซื้อยาชำระร่างกายเป็นการเสียเงินไปเปล่าๆโดยแท้
แต่เมื่อพิจารณาทุกอย่าง การดูดซับผลของยาได้เร็วและขัดเกลากระดูกได้เร็วต่างก็เป็นเรื่องดี ทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อเสีย
แต่สำหรับเฒ่าหลี่ จากเหตุการณ์ล่าสุดแล้ว ข้อดีมีมากกว่าอย่างชัดเจน
20 คะแนนเป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นคนตัดสินใจในที่แห่งนี้ 520 คะแนน ฉันให้ยาชำระร่างกาย 18 เม็ด นั่นเป็นขีดจำกัด!
แค่ 18 เม็ด? อาจารย์ ผมซื้อยาจำนวนมากนะ… ฟางผิงแย้ง
เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเรียกร้องได้ นี่เป็นราคาที่ต่ำที่สุดที่ฉันให้ได้แล้ว อย่าคิดว่าจะเอาเปรียบฉันได้ทุกครั้งนะเจ้าหนู
ฟางผิงสลดเล็กน้อย ตาแก่นี่เอาเปรียบไม่ง่ายเลย
ก่อนหน้านี้ค่าทรัพย์สินเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ล้าน
แต่ตั้งแต่ช่วงวันหยุดจนถึงตอนนี้ เขาขัดเกลาไป 70 ชิ้นแล้ว รวมกับกระดูกแขน 8 ชิ้นด้วย หลังเพิ่มเงินห้าแสนหยวนที่เมืองหยางเฉิงมอบให้เป็นรางวัล เขาก็เหลือเพียง 18.5 ล้าน
ตอนนี้เขาได้รับมาอีก 100 คะแนน ค่าทรัพย์สินพึ่มขึ้นเป็น 20.5 ล้านอีกครั้ง
หลังซื้อยาชำระร่างกาย 18 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดมีราคา 1 ล้าน ส่วนระบบตีราคาให้เม็ดละ 7 แสน รวมเป็น 12.6 ล้าน
หลังหัก 10.4 ล้านที่ได้จาก 520 คะแนน เขาก็จะได้ค่าทรัพย์สิน 2.2 ล้าน
ฟางผิงกัดฟันและกำลังจะยอมรับราคาของเฒ่าหลี่ แต่จู่ๆเขาก็กล่าว อาจารย์ ผมอยากซื้อยา 18 เม็ดด้วยเงินสด อาจารย์ช่วยขายให้ผมเม็ดละ 8 แสนได้ไหม?
หือ?
เฒ่าหลี่มองเขาอย่างแปลกใจ จากนั้นเขาก็เอ่ยถาม เธอแน่ใจนะ?
ผมแน่ใจ!
เป็นไปได้ เธอเป็นศิษย์ของโม๋อู่ ถ้าเธออยากซื้อด้วยเงินสดจริงๆ ฉันควรลดราคาให้ 10%…แต่ 20% นี่เป็นไปไม่ได้ 18 เม็ดมีค่าใช้จ่ายมาก ถ้าฉันขายให้เธอเม็ดละ 9 แสน ทั้งหมดก็จะเป็น 16.2 ล้าน
อาจารย์คำนวณเป็นไหม? ถ้าผมแลกเงิน 9 แสนเป็นคะแนน ผมก็ยังได้ 30 คะแนน มันเท่ากับผมซื้อยาชำระร่างกายโดยไม่มีส่วนลด ตอนนี้ผมซื้อด้วยเงินสดแทน อาจารย์ควรให้ส่วนลดผมอีก 10% สิ เม็ดละ 8 แสนสมเหตุสมผลดีใช่ไหมล่ะ?
ถ้าราคานี้ ทั้งหมดก็จะเป็นเงิน 14.4 ล้านใช่ไหม?
หลังปัดเป็นเลขกลมๆ มันก็จะเหลือ 14 ล้าน ไม่มีปัญหาใช่ไหมอาจารย์?
…
เฒ่าหลี่พลันรู้สึกหมดคำจะพูด
ลูกค้าเขามาแลกเปลี่ยนเม็ดยาด้วยคะแนน แต่แล้วจู่ๆก็ตัดสินใจจ่ายด้วยเงินสด ตอนนี้เขาอยากได้ส่วนลดอีก
เฒ่าหลี่จ้องตากับฟางผิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างสงสัย เธอจะเก็บคะแนนไว้ทำไม?
ผมจะเอาไว้ใช้ทีหลัง บอกผมก่อนว่าได้ไหม
เอ่อ…
เฒ่าหลี่ลังเลสักครู่ ในที่สุดเขาก็พยักหน้า ฉันยอมครั้งนี้ครั้งเดียวนะ อย่าบอกใครล่ะ
พูดตามตรง ฟางผิงเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสียยาชำระร่างกายก็ไม่ใช่สินค้าขายดี
ขอบคุณครับอาจารย์! ฟางผิงตื่นเต้นยินดี จากนั้นเขาก็พูดต่อ ’งั้นผมขอยาปราณและเลือดสามัญ 180 เม็ดก่อน…
เฒ่าหลี่สับสนและพูดไม่ออกปนๆกัน อะไรกันเนี่ย?
ฟางผิงไม่สนใจปฏิกิริยาของเฒ่าหลี่ ยาชำระร่างกายขายไม่ได้ง่ายๆ เพราะมีคนน้อยมากที่ต้องการ
กลับกันถ้าเขาแลกยาปราณและเลือดซึ่งเป็นที่นิยมกว่า เขาสามารถขายเป็นเงินสดเพื่อเอามาใช้ซื้อยาชำระร่างกายได้ นอกจากนี้เฒ่าหลี่ยังมอบส่วนลดให้เขา 20% เขาจึงมีเงินพอซื้อ
ด้วยวิธีนี้ เขาจะได้กำไรบางส่วนเป็นค่าทรัพย์สินหลายล้าน แถมเงินสดยังเหลือด้วย
เขาต้องทำเพื่อประโยชน์สูงสุด!
แต่ฟางผิงต้องอาศัยคะแนนเพื่อทำตามแผน ถ้าไม่มีคะแนน เขาก็ทำตามแผนไม่ได้
เฒ่าหลี่ส่ายหน้าแม้จะยังสับสน 520 คะแนนไม่พอแลก 180 เม็ด…
อาจารย์พึ่งบอกไม่ใช่เหรอว่าจะให้ส่วนลด? นี่ไงยาชำระกระดูกเม็ดนึง 30 คะแนน ดังนั้น 18 เม็ดจะเท่ากับ 540 คะแนน ซึ่งเท่ากับยาปราณและเลือดสามัญ 180 เม็ดถูกไหม? ผมไม่ได้จ่ายน้อยลง ผมแค่เปลี่ยนยาชนิดนึงไปเป็นอีกชนิดนึง…
แต่…
อาจารย์ ฟางผิงขัดจังหวะ อาจารย์บอกผมหน่อย ผมพูดผิดเหรอ? มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ได้ขอส่วนลดไร้เหตุผลใช่ไหมล่ะ?
เฒ่าหลี่ยังคงสับสนไม่หาย มันฟังดูแปลกๆไหม?
‘ฉันให้ส่วนลดยาชำระร่างกายก็เพราะมันไม่เป็นที่นิยม แต่ยาปราณและเลือดเป็นยาขายดี!’
เฒ่าหลี่สับสนมึนงงจ้องมองฟางผิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นสักครู่เขาก็พูดขึ้นมา เธออยากขายยาปราณและเลือดที่ซื้อมาเผื่อจะได้เงินมากกว่า 14 ล้านกินส่วนต่างใช่ไหม?
อาจารย์ฉลาดมาก! ฟางผิงพูดยกยอเฒ่าหลี่ พูดตามตรงการหาเงินไม่ใช่จุดประสงค์หลัก มีแต่ส่วนต่างของราคาเท่านั้นที่ทำให้เขาได้ค่าทรัพย์สินเพิ่ม
แน่นอน ยังไงเขาก็ได้เงินเพิ่ม ต่อให้เขาขายยาเม็ดละ 88,000 แต่ถ้าเขาขายยาทั้ง 180 เม็ด เขาก็ยังได้เงินถึง 15.84 ล้าน ซึ่งมากกว่า 14 ล้าน
ฟางผิง! เฒ่าหลี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม มหาลัยไม่ได้ให้เม็ดยาเพื่อเอาไปขาย! ก่อนหน้านี้ฉันยอมหลับตาข้างหนึ่ง แต่ถ้าเธอทำต่ออีก เธอจะถูกลงโทษ!
การขายยาปราณและเลือดกว่าร้อยเม็ดแก่คนนอกมหาลัยเป็นเรื่องใหญ่…
ฟางผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์เต็มที่ อาจารย์ ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่ได้อยากทำให้ชื่อเสียงของผู้ฝึกยุทธมัวหมอง แต่มหาลัยก็รู้เรื่องฐานะของผม ครอบครัวผมไม่มีปัญญาสนับสนุนผม
ผมต่างจากจ้าวเหล่ย ต่างจากคนอื่น ผมต้องระวังค่าใช้จ่าย นักศึกษาอย่างผมไม่มีวิธีหาเงิน ผมจึงได้ติดคิดเรื่องที่ผมทำได้ในมหาลัย
ผมพยายามอย่างหนักเพื่อหาคะแนน ผมใช้ได้เท่าที่หามา
ถ้าผมหาคะแนนไม่ได้ บอกผมหน่อยผมยังจะหาเม็ดยาไปขายได้เหรอ? ผมพูดถูกไหม?
ผมไม่มีทางเลือก ถ้าอาจารย์ไม่พูด ใครจะมาฟ้องผมเรื่องนี้? แถมผมก็ไม่ได้เอาไปขายนอกมหาลัย ผมพูดถูกไหม?
คำพูดที่น่าสงสารส่งผลต่อเฒ่าหลี่ ฟางผิงพูดถูก เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้เลยถ้าเขาไม่มีคะแนนที่เขาหามา
เฒ่าหลี่ถอนหายใจ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไป ถ้าเธอขายยาปริมาณมากอีก สักวันต้องถูกจับแน่!
เฒ่าหลี่ไม่ได้ขู่ให้ฟางผิงกลัว ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อ จะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
ถ้าเขาขายให้เพื่อนร่วมชั้นอย่างที่ทำอยู่ก็ยังไม่มีปัญหา แต่ถ้าเขาขายให้กับคนนอกมหาลัยแล้วถูกจับขึ้นมา เขาไม่เพียงจะถูกลงโทษเท่านั้น เขาจะถูกฟ้องจนล้มละลายหรือเจออะไรที่แย่กว่านั้นอีก
ผมจะระวัง! ฟางผิงมีความสุขมาก เขาจะได้รับความมั่งคั่งอีกมหาศาล
เฒ่าหลี่ไม่เสียเวลาอีก เขาเอายาปราณและเลือดสามัญ 180 เม็ดให้ฟางผิง พอทำการแลกเปลี่ยนเล็กๆครั้งนี้เสร็จ ค่าทรัพย์สินของฟางผิงก็เพิ่มขึ้นมา 2.2 ล้าน ตอนนี้รวมแล้วฟางผิงมีค่าทรัพย์สินถึง 22.7 ล้านแล้ว
เยี่ยม!
ฟางผิงยินดีมาก เขาไม่รอช้า วิ่งหนีไปพร้อมเม็ดยาทันที
เด็กน้อย ยาชำระร่างกายล่ะ… เฒ่าหลี่เรียก
หลังขายยาเสร็จผมจะกลับมา! ฟางผิงตะโกนกลับมาโดยไม่หยุดฝีเท้า ไม่ช้าร่างเขาก็หายลับสายตาไป
เฒ่าหลี่ส่ายหน้า เวลานั้นพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็กระซิบถาม เหล่าหลี่จะดีเหรอ? เขาแลกยาปราณและเลือดไปหลายร้อยเม็ดแล้ว…
เฒ่าหลี่โบกมือปัดความกังวลของพวกเขา เพราะเขามีความสามารถ เขาถึงทำแบบนั้นได้ ขอแค่ไม่รบกวนถึงตลาด เม็ดยาหลายร้อยเม็ดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
แต่…
ฉันรู้ขีดจำกัดตัวเอง!
พนักงานไม่กล้าพูดอะไร เฒ่าหลี่ถอนหายใจ ฐานะครอบครัวของฟางผิงย่อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขายอมให้เด็กน้อยนี่ทำ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กจากครอบครัวธรรมดาจะเงยหน้าอ้าปากได้
ฟางผิงหาคะแนนได้มากมาย เขาถึงแลกเม็ดยาแล้วเอาไปขายกินส่วนต่างได้…นั่นเป็นผลมาจากความสามารถของเขา
ถ้าเขาไม่มีความสามารถเช่นนี้ ด้วย 50 คะแนนที่มหาลัยมอบให้ ฟางผิงย่อมไม่มีทางกินส่วนต่างได้
…
เฮ้ ฟู่ชางติ่ง ตระกูลนายต้องการยาปราณและเลือดไหม?
อะไรนะ?
ยาปราณและเลือด นายต้องการไหม?
ขออีกที! ฟู่ชางติ่งพูดน้ำเสียงฟังดูประหลาดใจ อย่าโง่น่า! นายเอาคะแนนไปแลกยาอีกแล้วเหรอ?
นายคิดถูกแล้ว! นายอยู่มหาลัยไหม?
ไม่ แล้วฉันก็ไม่ซื้อแล้ว ต่อให้อยากได้ แต่ตระกูลฉันมียาพอแล้ว
บ้าเอ้ย งั้นฉันจะมาเสียเวลากับนานทำไม? ฉันจะไปหาคนอื่นแทน
…
หลังวางสาย ฟางผิงก็คิดอยู่ชั่วครู่แล้วโทรหาจ้าวเสวี่ยเหมย หลังเอ่ยถามไม่กี่คำ จ้าวเสวี่ยเหมยก็ปฏิเสธ เธอเป็นคนเดียวในตระกูลที่ใช้ยาในการบ่มเพาะ
ฟางผิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอเบอร์หยางเสี่ยวม่านกับเฉินหยุนซี ทั้งสองร่ำรวยเช่นกัน
เมื่อเขาโทรหาหยางเสี่ยวม่าน เขาก็พบว่าเธอกลับมามหาลัยแล้ว
ฟางผิงไม่รอช้าเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆทันที
…
ยาปราณและเลือดสามัญ 180 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 6 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 3 เม็ด
ตามราคาตลาดรวมแล้ว 21.9 ล้าน ฉันจะลดให้เหลือ 21.5 ล้าน หยางเสี่ยวม่านเธอคิดว่าไง?
หยางเสี่ยวม่านรู้สึกแปลกใจกับจำนวนเม็ดยาที่ฟางผิงมีอยู่ เธอดูถูกคำข้อเสนอของฟางผิง เธอกล่าวอย่างเคืองๆ นายคิดว่าฉันโง่เหรอ? ราคาตลาดคือราคาตลาด นายคิดว่าฉันเหมือนนายต้องซื้อยาราคาตลาดหรอ?
ฉันรู้ว่านายลดราคาให้ฟู่ชางติ่ง 12% งั้นมันต้องเป็น 19 ล้าน…
ฟางผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ฉันโง่? มันต้องเป็น 19.27 ล้านต่างหาก…
ฟางผิง ต้องคำนวณละเอียดขนาดนั้นเลย? 19 ล้าน เอาหรือไม่เอา นายไม่ขายฉันก็ไม่ได้เดือดร้อน
หยางเสี่ยวม่าน ตระกูลของเธอร่ำรวย เธอรู้ไหมว่าเงินสองแสนมีความหมายต่อเด็กจนๆอย่างเราแค่ไหน?
มันหมายถึงแม่ฉันต้องทำงานไปอีก 30 กว่าปี เราเปรียบเทียบกับคนที่มาจากตระกูลร่ำรวยอย่างเธอไม่ได้… ฟางผิงพูดน้ำตาซึม
สุดท้ายหยางเสี่ยวม่านก็ยอมจ่าย 19.3 ล้านซื้อยาของฟางผิง
หลังทำการแลกเปลี่ยน ค่าทรัพย์สินของฟางผิงก็เพิ่มขึ้นมา 4 ล้าน
ระบบตีราคายาปราณและเลือดสามัญเม็ดละ 7 หมื่น ขั้นหนึ่งเม็ดละ 2 แสน ขั้นสองเม็ดละ 5 แสน แปลว่าทั้งหมดรวมแล้วเป็น 15.3 ล้าน
เมื่อแลกเปลี่ยนต่อเนื่องสองสามครั้ง หลังบวกลบกับราคาที่ระบบตีไว้ ฟางผิงก็ได้ค่าทรัพย์สินมา 4 ล้าน ทำให้ค่าทรัพย์สินเขาเพิ่มเป็น 26.7 ล้าน
หลังเขาได้เงินมา ฟางผิงก็ตรงไปแผนกโลจิสติกส์โดยไม่ลังเล
…
เวลานี้ฟางผิงมีเงินกว่า 28.3 ล้าน
อาจารย์ ผมเอายาชำระร่างกาย 20 เม็ด 15 ล้านพอไหม?
เฒ่าหลี่มองฟางผิง จากนั้นเขาก็กล่าว ถ้าเธอพยายามต่อรองอีกก็ไสหัวไปได้แล้ว!
ฮ่าๆ…ผมไม่ต่อรองแล้ว อาจารย์สัญญาว่าจะขายให้ผม 18 เม็ด 14 ล้าน ถ้าผมเอาเพิ่มอีก 10 เม็ด 22 ล้านได้ไหม?
28? ต้องใช้มากขนาดนั้นเลย?
เฒ่าหลี่ขมวดคิ้ว ต่อให้ร่างกายของฟางผิงแข็งแกร่งตามกระดูกไม่ทัน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชำระร่างกายมากขนาดนั้น
อาจารย์ ผมไม่ได้หวงเงิน มั่นใจได้เลย รอบนี้ผมไม่ขาย ยังไงก็ไม่มีใครอยากได้อยู่แล้ว
เฒ่าหลี่ส่ายหน้า ฟางผิงพูดไม่ผิด ยาชำระร่างกายไม่เป็นที่นิยม มันไม่เพียงราคาแพงเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้อีกด้วย
หลังใช้เงินไป 22 ล้าน ได้ยาชำระร่างกายมา 28 เม็ด ความมั่งคั่งของฟางผิงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
…
หลังออกจากแผนกโลจิสติกส์ ฟางผิงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ฉันไม่มีคะแนนเหลือแล้ว แต่ฉันยังมีเงินเหลือ 6.3 ล้าน ส่วนยา ฉันมียาชำระร่างกาย 28 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 1 เม็ด กับยารักษาเล็กน้อย
เขาดูค่าสถานะอีกครั้งและรู้สึกพึงพอใจกับค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น
ทรัพย์สิน : 26,700,000
ปราณและเลือด : 350แคล (366แคล)
จิตใจ : 310เฮิรตซ์ (319เฮิรตซ์)
ขัดเกลากระดูก : 70ชิ้น (90%) 6 ชิ้น (40%) 130 ชิ้น (30%)
ถ้าฉันขัดเกลากระดูกทั้งหมดด้วยระบบ ฉันต้องใช้ค่าทรัพย์สิน 33 ล้าน
แต่เดือนก่อนฉันขัดเกลากระดูกด้วยตัวเอง มันประหยัดค่าทรัพย์สินได้มากเลย
ฉันจะใช้ยาชำระร่างกายเม็ดละวัน จิ๊ ฉันฟุ่มเฟือยมาก ใช้ยา 28 เม็ดในเดือนเดียว หลังผ่านเดือนนี้ไป ฉันควรขัดเกลาแขนเสร็จนะ?
ฟางผิงคิดคำนวณในใจ สุดท้ายเขาก็อดรู้สึกจนปัญญาไม่ได้
ถ้าเขาอยากทำตามแผนจริงๆ พอบรรลุขั้นสองสูงสุด เขาก็จะแทบไม่เหลือค่าทรัพย์สินเลย
เงินสดที่เหลือไม่กี่ล้านบวกกับยาปราณและเลือดขั้นสองหนึ่งเม็ดอาจไม่พอให้เขาทะลวงสู่ขั้นสาม
เคล็ดวิชาต่อสู้ก็ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน
ฉันใช้เงินแบบนี้…ถ้าบริษัททำกำไรไม่ได้ ฉันจะล้มละลาย!
ฟางผิงพยายามแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเพราะคำพูดไป๋จิ่นซาน ทางเข้าถ้ำใต้ดินอาจปรากฏในหนานเจียงในไม่ช้า
แม้ถึงเวลานั้นจะไม่มีใครบังคับให้เขากลับหนานเจียง แต่ถ้าเขาช่วยได้ ฟางผิงก็ไม่อยากดูดายปล่อยให้หนานเจียงบาดเจ็บล้มตาย
เขาอาจช่วยเหลืออะไรมากไม่ได้ในฐานะผู้ฝึกยุทธขั้นต่ำ แต่เขาก็ยังพอช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
บางครั้ง ฟางผิงก็อารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหว
…
เงินและความมั่งคั่งไม่เคยพอจริงๆ เฮ้อ ชีวิตช่างยากลำบาก! ฟางผิงทอดถอนใจอีกครั้ง เขาคาดการณ์ว่า ถ้าเขาฝึกเองจนถึงขั้นหนึ่งสูงสุด เขาจะเหลือค่าทรัพย์สินพอฝึกวิชาต่อสู้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างเร่งรีบ เพื่อให้เวลาน้อยที่สุด เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงทุนค่าใช้จ่ายก้อนโต
ส่วนค่าใช้จ่ายฝึกวิชาต่อสู้ เขาต้องดูว่าเขาต้องหลอกล่อหลู่เฟิ่งโหรวได้ไหม ยังไงอาจารย์เขาก็รวยมาก
ฟางผิงไม่ได้กลับหอ แต่ออกนอกมหาลัยแทน เขายังต้องไปซื้อรถ แถมเขายังอยากแวะไปดูที่บริษัทด้วย
หลังผ่านมาหลายวัน บริษัทเขาต้องมีการปรับปรุงบ้างอย่างแน่นอน
ตอนนี้ฟางผิงเริ่มดัง ไม่มีใครในเมืองมหาวิทยาลัยที่มีเจตนาตอแยเขา
จนถึงตอนนี้บริษัทยังทำเงินไม่ได้เลยแม้จะลงทุนไปมากกว่าสิบล้านแล้วก็ตาม ฟางผิงเริ่มเป็นกังวล