World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 205 ความลับเล็กๆของวงการวิชายุทธ
แฮ่ก แฮ่ก…
ฟางผิงหอบหายใจ ในที่สุดเขาก็ตามชายชราผมขาวที่หล่อเหลาทัน อีกฝ่ายความเร็วไม่ธรรมดา แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นสามอย่างเขายังแทบตามไม่ทัน
อีกฝ่ายย่อมสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฟางผิงไล่ตามมา เมื่อรู้สึกได้ว่าฟางผิงตามมาติดๆแล้ว เขาจึงหันไปพูดเชิงหยอกล้อ อยากบินอีกรอบเหรอ?
ฟางผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ผมจะรอสัมผัสกับการบินเองตอนเป็นปรมาจารย์ อาจารย์จะไปไหนเหรอ? ผมจะไปส่ง
เธอ?
ชายคนนั้นยิ้มอย่างเฉยชา บอกมา เธอวางแผนอะไร?
ดูอาจารย์พูดเข้าสิ ผมจะไปทำอะไรได้?
ฟางผิงปฏิเสธทันทีก่อนจะพูดเสริม อาจารย์กับอาจารย์ผม…
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้พูดถึงฉันเลยเหรอ? ชายคนนั้นยิ้มบางๆ มันก็ปกติแหละนะ
กลับกันแล้วเธอน่ะ จากที่ฉันได้ยินมา เธอคงอยากขุดหาผลประโยชน์บางอย่างจากฉันอยู่สินะหืม?
ชายคนนั้นส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ อย่าคิดว่ามันจะง่ายดายปานนั้น ไม่มีของดีตกลงมาจากท้องฟ้าหรอกนะ
ขณะที่เขาเดินอยู่ ฟางผิงก็กล่าวอย่างดื้อรั้น อาจารย์เข้าใจผมผิดแล้ว ก็แค่ตอนที่อาจารย์ผมหยิบจดหมายฉบับนี้ออกมา อาจารย์หยุดพูดแถมยังดูอารมณ์เสีย มันต่างจากท่าทีปกติของอาจารย์
อาจารย์ผมปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นลูกชาย ในฐานะลูกศิษย์ ผมควรตอบแทนอาจารย์ ช่วยแก้ปัญหาให้อาจารย์…
ฮ่าๆๆ น่าสนใจ
ชายผมขาวหัวเราะ เขาหันมามองฟางผิง ใจกล้าเสียจริงเจ้าหนู ตั้งใจฝึกถึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง อย่าเอาแต่หมกมุ่นเรื่องพวกนี้ มันเป็นแค่การแสดงปาหี่ที่เหลือจากตอนที่ฉันเล่นในยุคฉัน
เมื่อเขาพูดจบ ร่างกายของชายคนนั้นก็เคลื่อนไหวในพริบตา เขาหายวับไปจากสายตาของฟางผิง
ฟางผิงถอนหายใจ เขาไม่ได้อะไรเลย น่าเสียดาย!
…
เกี่ยวกับตัวตนของชายคนนั้น ฟางผิงอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยและยังพอคาดเดาได้นิดหน่อย
อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่กล้าถามหลู่เฟิ่งโหรว และยังไม่กล้าไปพบชายคนนั้นอีกครั้ง
กระทั่งสองวันต่อมา ฟู่ชางติ่งก็มาพร้อมกับข่าวบางอย่างด้วยท่าทางลึกลับ
ณ หอพัก
ฟู่ชางติ่งเคาะประตูแล้วเปิดประตูห้องฟางผิง แอบเข้ามาราวกับเป็นหัวขโมย เมื่อเขาเข้ามาในห้อง เขาก็กระซิบเบาๆ มีการค้นพบครั้งใหญ่!
อย่ามาจงใจพูดให้มันฟังดูลึกลับ ถ้านายมีอะไรจะพูดก็พูดมา
ในสองวันนี้ ฟางผิงใช้ปราณและเลือดของตัวเองขัดเกลากระดูกอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขามีเวลา เขาก็จะฝึกวิชายุทธ เขากำลังเตรียมตัวก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเดือนหน้า เขาไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระของฟู่ชางติ่งหรอก
ไม่ใช่ว่ารอบก่อนนายถูกคนอื่นทุบตีเหรอ?
ฉันถูกคนอื่นทุบตีมาหมายความว่ายังไง? ฉันไม่เห็นจำได้เลย?
ชิ!
ฟู่ชางติ่งทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วกล่าว มันเป็นการค้นพบครั้งใหญ่จริงๆ มีความลับมากมายในแวดวงวิชายุทธ เด็กใหม่อย่างเรา ครั้งหน้าเราต้องระวังให้มากขึ้น ไม่งั้นเราคงตายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
นายรู้ไหมอาจารย์ผมขาวที่นายเจอคืนนั้นคือใคร?
ใคร?
ราชาอสรพิษ!
ใครกัน?
ฟางผิงประหลาดใจ ฟู่ชางติ่งพูดไม่ออก เขาอุทานออกมา นายไม่เคยเห็นอันดับปรมาจารย์รึไง? อันดับที่ 47 ปรมาจารย์ ‘ราชาอสรพิษ’ อู๋ขุยซาน ขั้นแปดชั้นสูง!
รองอาจารย์ใหญ่เหรอ?
ฟางผิงอึ้งไปชั่วครู่ เขาเอ่ยปากถาม นายพูดถึงรองอาจารย์ใหญ่โม๋อู่ อู๋ขุยซานงั้นเหรอ?
ส่วน ‘ราชาอสรพิษ’ มันเป็นเพียงฉายา และฟังดูไม่ค่อยดีนัก แต่คำว่า ‘ราชา’ ก็เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งแล้ว
ถ้าถึงวันที่สิงโตใหญ่กลายเป็น ‘ราชาราชสีห์’ ถ้าฟางผิงยังรักชีวิต เขาก็คงไม่ยั่วยุอีกฝ่ายอีก
อืม คนนั้นแหละ
ฟู่ชางติ่งยิ้มกว้าง โม๋อู่เราเมื่อเทียบกับจิ่งอู่ รองอาจารย์ใหญ่อู๋มีความสำคัญอย่างยิ่ง
อาจารย์ใหญ่ของจิงอู่ติดอันดับ 36 ของอันดับปรมาจารย์ อาจารย์ใหญ่ของเราติดอันดับที่ 41 แต่รองอาจารย์ใหญ่อู๋ของเราอยู่ที่ 47 ติด 50 อันดับแรกเช่นกัน นี่แหละคือความมั่นใจของโม๋อู่ ในอันดับปรมาจารย์ 50 อันดับแรก มหาลัยของเรามีถึงสองคน!
ปรมาจารย์ในอันดับปรมาจารย์ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศ
ผู้ที่อยู่ในห้าสิบอันดับแรกเป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่
ที่จริงแล้วโม๋อู่เป็นเพียงหนึ่งในมหาลัยวิชายุทธที่อยู่ภายใต้กระทรวงศึกษา แม้ว่าจะเป็นมหาลัยชั้นยอด แต่ถ้าให้พูดตามหลักเหตุผล มันไม่ง่ายเลยที่อาจารย์ใหญ่จะเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ห้าสิบอันดับแรกของประเทศ ยิ่งกว่านั้นในโม๋อู่ยังมียอดฝีมืออีกคนที่ติดอยู่ในรายชื่อนั้น
รัฐบาลกลาง กองทัพ คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ กรมสืบสวน กระทรวงศึกษา โลกธุรกิจ สำนัก มหาลัยวิชายุทธ…
มีกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย มีกองกำลังไหนบ้างที่ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่?
ความจริงที่ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่ติดอันดับสองคนอยู่ในโม๋อู่ย่อมเพิ่มความมั่นใจให้มหาลัย
เป็นเขาจริงๆ…
สำหรับรองอาจารย์ใหญ่ท่านนี้ ทุกคนเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไมเคยพบ
พูดได้ว่าเขาไม่ค่อยโผล่เข้ามาในมหาลัยนัก เขาอยู่ข้างนอกแทบตลอดเวลา
ถ้าไม่ใช่ถ้ำใต้ดิน งั้นก็เป็นเมืองหลวงหรือไม่ก็เป็นต่างประเทศ แต่มหาลัยเขาไม่ค่อยได้มา
มันเกือบหนึ่งปีแล้วที่ฟางผิงกับคนอื่นๆเข้ามหาลัยมา แต่พวกเขาไม่เคยพบกับรองอาจารย์ใหญ่เลย อาจารย์ใหญ่ก็ไม่ต่างกัน พวกเขาได้เจอน้อยมาก ปรมาจารย์ท่านเดียวที่พวกเขาพบเจอบ่อยๆนั่นก็คือคณบดีสาขาศัตราวุธ หวงจิ่ง
ปัจจุบันโม๋อู่มีปรมาจารย์ที่รู้จักกันทั่วไปอยู่สี่ท่าน มีอาจารย์ใหญ่ผู้เฒ่า รองอาจารย์ใหญ่อู๋ขุยซาน คณบดีสาขาศัตราวุธหวงจิ่ง อีกคนเป็นปรมาจารย์ผู้เฒ่าที่อาศัยอยู่ในเขตใต้ของโม๋อู่และไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำ
สองคนหลังเป็นปรมาจารย์ขั้นเจ็ด
ก่อนหน้านี้อู๋ขุยซานได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่ขั้นเจ็ดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟางผิงกับเพื่อนๆเข้ามหาลัยได้ไม่นาน รองอาจารย์ใหญ่ท่านนี้จู่ๆก็กลายเป็นขั้นแปดชั้นสูง ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเพราะเขาปกปิดความแข็งแกร่งของตนเอง หรือเขาทะลวงอย่างฉับพลัน
ฟางผิงไม่เข้าใจคนๆนี้จริงๆ
นายไม่เคยคิดเลยใช่ไหม!
ฟู่ชางติ่งยิ้มกว้าง มีเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นอีก ลุงนายเหอะ นายหลอกฉัน บอกว่าเขาเป็นพ่อของอาจารย์หลู่ เชื่อไหม ฉันจะไปฟ้องอาจารย์หลู่แล้วให้อาจารย์หลู่สับนายทั้งเป็น!
ครั้งก่อนฉันโชคดีที่อาจารย์ใหญ่อู๋ไม่ได้จริงจัง ไม่อย่างนั้นเขาคงสับฉันเป็นสองท่อน!
เขาไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดทั้งหมดของฟางผิง ที่บอกว่าลูกสาวคิดถึง เวลานั้นเขาคิดว่าหลู่เฟิ่งโหรวเป็นลูกสาวของอู๋ขุยซาน เขาจึงพูดชื่อของอาจารย์หลู่ไปโดยตรง
นี่เป็นเหตุผลที่เขายังปลอดภัยอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกเขาคงถูกฆ่าตายสภาพแย่กว่าฟางผิงอีก
เวลานั้นอู๋ขุยซานยังจับต้นชนปลายไม่ถูก พอคิดถึงเรื่องนี้ ฟู่ชางติ่งก็อดกลัวไม่ได้
พ่อก็บ้าแล้ว อาจารย์ใหญ่อู๋เป็นสามีของอาจารย์หลู่
อะไรนะ?
ฟางผิงอ้าปากค้างตาเบิกกว้าง เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ?
ก่อนหน้านี้เขาก็คาดเดาเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่กล้ายืนยัน เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
อืม มันเป็นเรื่องจริง ฟู่ชางติ่งพูดเบาๆ พ่อบอกฉันมา เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ฝึกยุทธรุ่นก่อน
ก็แค่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน
ตอนนี้ อาจารย์หลู่กับอาจารย์ใหญ่อู๋เจอหน้ากันก็ทำท่าเหมือนเป็นศัตรูกัน
แน่นอน อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังนัก ถ้ามีคนมาข่มเหงอาจารย์หลู่ อาจารย์ใหญ่อู๋จะมาทันที ฉันได้ยินมาว่าเขาเดินทางเป็นพันไมล์ ไล่ล่าปรมาจารย์จากตงหูจนอีกฝ่ายเลือดทะลักออกมาถึงสามลิตร…จิ๊ จิ๊ เผด็จการมาก
ปู่ของฟางเหวินเสียง?
ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ
ฟางผิงฟังอย่างกระตือรือร้น เรื่องซุบซิบนี่มีเยอะจริง
แล้วตอนนี้อาจารย์ฉันกับอาจารย์ใหญ่อู๋เป็นยังไง?
ให้พูดสั้นๆหรือเอาเรื่องเต็มล่ะ…
งั้นเอาสั้นๆก็พอ
ฟู่ชางติ่งกลอกตามองบน เขาคิดอยู่สักครู่แล้วพูด อันที่จริงมันเป็นเรื่องเก่าเหมือนกัน ฉันคิดว่าคงเป็นช่วงเกือบสิบปีที่แล้ว
ตอนนั้น อาจารย์หลู่กับอาจารย์ใหญ่อู๋มีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
อาจารย์หลู่เป็นขั้นห้า ส่วนอาจารย์ใหญ่อู๋ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์แล้ว!
เวลานั้นมันสุดยอดมาก อาจารย์ใหญ่อู๋ยังอายุไม่ถึงห้าสิบ แต่เขาเป็นคนที่หนักแน่นจริงจังมีคุณสมบัติครบพร้อมในการเป็นปรมาจารย์ แถมอาจารย์หลู่ยังมีหวังเป็นปรมาจารย์ด้วยเช่นกัน
ลองคิดดูสิ พ่อกับแม่แข็งแกร่งแบบนี้ พวกเขาจะโอ๋ลูกขนาดไหน?
พูดตามตรงแม้แต่เฉินหยุนซีก็เทียบไม่ได้ มันห่างกันคนละโลกเลย
ปู่ของเฉินหยุนซีเป็นปรมาจารย์ แต่พ่อแม่เธอไม่ใช่ ยิ่งกว่านั้นยังมีคนอื่นๆอยู่ในตระกูลเฉินอีก เธอไม่ได้เป็นลูกหลานเพียงคนเดียว
แต่ลูกสาวของอาจารย์ใหญ่อู๋เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว
เพราะงั้นพวกเขาจึงค่อนข้างเอาใจเธอจนเกินไป แถมอาจารย์ใหญ่อู๋ยังมั่นใจตัวเองเกินไป ตอนที่เขาไปทำภารกิจที่ถ้ำใต้ดิน เขาพาลูกสาวไปด้วย
สุดท้ายพวกเขาก็เจอปัญหาในถ้ำใต้ดิน อาจารย์ใหญ่อู๋ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งพัวพัน มีข่าวลือว่าตอนนั้นอาจารย์ใหญ่อู๋เบิกตากว้าง ดูลูกสาวตัวเองถูกยอดฝีมือในถ้ำใต้ดินสังหาร…
มันก็น่าจะประมาณนี้แหละ พ่อฉันก็ไม่ได้เล่าให้ฟังชัดเจน
หลังการต่อสู้ครั้งนั้น อาจารย์หลู่กับอาจารย์ใหญ่อู๋ก็เปลี่ยนไป พ่อฉันบอกว่าตอนนี้ทั้งสองดีขึ้นมากแล้ว ตอนนั้นพวกเขาทะเลาะกันใหญ่โต
ตอนนั้น มียอดฝีมือไม่น้อยเลยที่ไปถ้ำใต้ดินกับอาจารย์ใหญ่อู๋ อาจารย์หลู่ไปหาเรื่องพวกเขาถึงหน้าบ้าน เธอทำตัวราวกับเป็นบ้า ไล่ถามคนพวกนั้นว่าทำไมถึงไม่ช่วยลูกสาวของเธอ
อันที่จริง ถ้ามีคนตายในถ้ำใต้ดิน ใครผิดถูกก็พูดยากแล้ว
แต่อาจารย์หลู่พึ่งเสียลูกสาวไป คนอื่นเลยไม่ว่าอะไร ถ้าเธออยากสู้ก็ปล่อยเธอทำไป
สุดท้ายดูเหมือนอาจารย์ใหญ่อู๋จะออกมาหยุดเธอ…จากนั้นอาจารย์หลู่ก็ประกาศกร้าวว่าจะหย่ากับเขา อาจารย์ใหญ่อู๋ไม่อยากหย่า แต่สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจารย์หลู่ถึงกับพยายามฆ่าเขาหลายครั้งตอนดึกๆดื่นๆ…
ฟางผิงกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ เขาถามอย่างระวัง จริงเหรอ?
จริงสิ ฟู่ชางติ่งก็พูดออกมาเบาๆ นายต้องระวังให้มากขึ้น ตอนนั้นอาจารย์ของนาย เอ่อฉันจะพูดยังไงดี…อารมณ์ไม่ดีแล้วเกือบฆ่าอาจารย์ใหญ่อู๋ ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้ว เธอจะบ้าคลั่งเล็กน้อยเมื่อถึงวันครบรอบวันตายของลูกสาว
ตอนนี้ก็เกือบถึงเวลานั้นแล้ว อาจารย์ใหญ่อู๋กลับมารอบนี้ก็อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน
ยังไงก็ตาม ตอนนี้นายอย่าพึ่งสร้างปัญหาให้อาจารย์นายจะดีกว่า มัน…อันตรายเกินไป
ฟางผิงตัวสั่น เขากลัวมาก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาพึ่งรู้เลยว่าอาจารย์มีลูกสาว แต่เธอเสียชีวิตในถ้ำใต้ดินแล้ว
‘เป็นไปได้ไหม…ศัตรูที่แข็งแกร่งในครั้งนั้นจะเป็นเจ้าเมืองเมืองเทียนเหมิน?’
ฟางผิงขบคิดอยู่ในใจ หลังเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ส่วนท่าทีที่อาจารย์มีต่อเฉินหยุนซี…เป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์นึกถึงลูกสาวตัวเอง?
เห็นได้ชัดว่าฟู่ชางติ่งยังเล่าข่าวสั้นๆของตัวเองไม่จบ เขาจึงพูดต่อ ใช่แล้ว ฉันลืมบอกไปเลย เบื้องหลังของอาจารย์นายน่าตกใจมาก นายจริงจังเรื่องนี้หน่อยดีกว่า
เธอยังมีพ่อแท้ๆอยู่…ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่อู๋ที่นายพูดจาเหลวไหลให้ฉันฟัง!
พ่อของเธอก็เป็นปรมาจารย์!
เขาเป็นปรมาจารย์ผู้เฒ่าขั้นเจ็ดสูงสุด หลายปีมานี้เขาไม่เคยปรากฏให้เห็นเลย แต่ชื่อของเขายังติดอันดับอยู่ ซึ่งแปลว่าเขายังมีชีวิตอยู่
พ่อฉันบอกว่าเขาอาจอยู่ในพื้นที่ข้างในของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ เขาไม่ได้ออกมาหลายปีแล้ว แต่เขาควรมีชีวิตอยู่
หนึ่งประตูสองปรมาจารย์…ไม่สิ ถ้าตัวอาจารย์หลู่ทะลวงเป็นปรมาจารย์เมื่อไหร่ มันก็จะเป็นสามปรมาจารย์
ด้วยเบื้องหลังแบบนี้ ใครจะกล้าตอแยเธอ?
ถึงอย่างนั้น พ่อฉันก็บอกว่า…
ฟู่ชางติ่งพูดเสียงเบาลงอีกจนแทบไม่ได้ยิน อันที่จริงอาจารย์ใหญ่อู๋กับคนอื่นๆกำลังสะกด ไม่ปล่อยให้อาจารย์หลู่ทะลวง ถ้าเธอทะลวงสู่ปรมาจารย์ มันจะเกิดหายนะครั้งใหญ่
หายนะอะไร?
ฉันไม่รู้ พ่อฉันบอกมาแค่นี้ ฉันถามอีก พ่อก็ไม่ยอมพูดแล้ว
ฟางผิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หรือเขากำลังพูดถึงเจ้าเมืองเมืองเทียนเหมิน?
เจ้าเมืองเมืองเทียนเหมินพึ่งเข้าสู่ขั้นเก้า ใช่ว่าจะไม่มีใครในประเทศที่ฆ่าเขาได้
อย่างไรก็ตามถ้าอีกฝ่ายถูกสังหาร เมืองเทียนเหมินจะตกอยู่ในอันตราย เบื้องหลังของพวกมัน 12 เมืองในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา
ตลอดหลายปีมานี้ พวกเขาประคองสถานการณ์กับเมืองเทียนเหมินไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเกิดเมืองเทียนเหมิน คู่ต่อสู้หลักถูกเปลี่ยนไปเป็นเมืองที่อยู่ด้านหลังล่ะก็…
มันอาจเป็นหายนะครั้งใหญ่ของจริง
‘พวกเขากลัวว่าพอเธอทะลวงเป็นปรมาจารย์ เธอจะไปหาอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้น? ปรมาจารย์ขั้นเจ็ดย่อมทำไม่สำเร็จ แต่เมื่ออาจารย์ลงมือ อาจารย์ใหญ่อู๋กับพ่อของอาจารย์จะเฝ้าดูเธอตายได้เหรอ?’
‘ถ้าสามปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ร่วมมือกัน ไม่พวกเขาฆ่าอีกฝ่ายได้ก็ตายในเงื้อมมือของศัตรูแทน…’
‘สรุปแล้ว ไม่มีดีสักทาง’
ฟางผิงพึมพำอยู่ในใจ ถ้าพวกเขาฆ่าศัตรู หายนะก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้าสามปรมาจารย์ใหญ่ตาย ประเทศชาติย่อมไม่สามารถแบกรับความสูญเสียนี้ได้
ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ปล่อยให้หลู่เฟิ่งโหรวทะลวงขั้น ถ้าเธอไม่ได้ทะลวงขั้น อาจารย์ใหญ่อู๋กับพ่อของอาจารย์หลู่ที่ใจเย็นมากกว่าย่อมคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โดยรวม
หลู่เฟิ่งโหรว…อาจไม่คำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ถ้าแก้แค้นได้ เธอคงแก้แค้นไปนานแล้ว
ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะมีเรื่องราวเบื้องหลังมากมาย
ฟางผิงรำพึงก่อนจะถอนหายใจออกมา ถ้าศิษย์พี่หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็คงดี ปรมาจารย์สามคน มีคนหนุนหลังแบบนี้ เตรียมผู้ฝึกยุทธก็คงทุบตีกลุ่มผู้ฝึกยุทธขั้นกลางได้
ดูเหมือนฉันต้องประจบอาจารย์ให้ดีๆแล้วสิ หรือฉันควรทำให้อาจารย์เป็นแม่ทูนหัวดี?
ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง ฟู่ชางติ่งสีหน้าปั้นยาก ‘นายมีศิลธรรมบ้างไหม?’
เมื่อเห็นฟางผิงพึมพำไม่หยุด ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยเตือน อย่าพูดเรื่องนี้กับอาจารย์หลู่เชียว ตอนนี้มันแทบเป็นเรื่องต้องห้ามแล้ว หากนายถูกทุบตีจนตายก็ไม่มีใครเรียกร้องความยุติธรรมให้นายหรอกนะ แล้วอย่าพูดเชียวว่าฉันเป็นคนเล่าให้นายฟัง ฉันกลัวตาย
เห็นฉันโง่ขนาดนั้นเลยรึไง?
ฟางผิงกลอกตามองบน หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย เห็นได้ชัดว่าเธอก็ไม่อยากให้คนอื่นพูดถึงเช่นกัน
ถ้าเขาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเธอแล้วกระตุ้นให้เธอบ้าคลั่ง ต่อให้มีฟางผิงเป็นร้อยก็ไม่พอให้เธอระบายอารมณ์
…
ข่าวซุบซิบของฟู่ชางติ่งจะมาไวกว่าฟางผิงเสมอ
ปลายเดือนเมษายน ขณะที่ฟางผิงมีสมาธิอยู่กับการฝึก เขาก็ได้ข้อมูลบางอย่างจากฟู่ชางติ่งเป็นครั้งคราว
ยกตัวอย่าง ในเดือนนี้มีผู้ยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจทะลวงสู่ปรมาจารย์็น็น
หรืออีกตัวอย่าง ไม่นานมานี้ มีดาราดังเสียชีวิตด้วยอาการป่วยอย่างกะทันหัน…พูดเป็นเล่นน่า ดาราดังคนนั้นมีความแข็งแกร่งถึงขั้นสี่ จะไปมีอาการป่วยอะไร? พวกเขาต้องถูกเกณฑ์ไปทำภารกิจในถ้ำใต้ดินแล้วสิ้นชีพไปเป็นแน่
ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางต้องเข้าถ้ำใต้ดินทุกปี ทำภารกิจให้สำเร็จตามจำนวนที่กำหนด พวกเขาถึงจะกลับมาบนผืนโลกได้
นี่เป็นข้อจำกัดและหน้าที่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมีคนดังเสียชีวิตจากอาการป่วยอย่างกะทันหันในทุกๆปี
สำหรับข่าวนี้ ฟางผิงแค่ฟังอยู่เงียบๆ ณ ตอนนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
สิ่งที่ฟางผิงกังวลจริงๆเป็นต้นเดือนหน้า ช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม ทางมหาลัยจะพาทุกคนไปประเมินประจำเดือน
เนื้อหาการประเมินยังไม่มา แต่รางวัลมีมากมาย ทางมหาลัยแจ้งทุกคนให้เตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่พวกเขาทำภารกิจประเมินในรูปแบบทีมใหญ่
ฟางผิงที่ได้ข่าวนี้ไม่อาจมาห่วงเรื่องอื่นได้อีก เขาเตรียมตัวดูว่าเขาจะขัดเกลากระดูกซี่โครงได้เสร็จก่อนวันประเมินไหม
เวลานี้หลังฝึกฝนมาหนึ่งเดือน ค่าสถานะของฟางผิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 48 ล้าน
ปราณและเลือด : 650แคล (659แคล)
จิตใจ : 450เฮิรตซ์ (469เฮิรตซ์)
ขัดเกลากระดูก : 134 ชิ้น (90%) 72 ชิ้น (30%)
ยังเหลืออีก 17 ชิ้นถึงจะขัดเกลากระดูกเสร็จ…
ฟางผิงคิดคำนวณ ก่อนการประเมินจะเริ่ม อย่างมากเขาคงมีเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่อย่างน้อยก็มีถึงสามวันห้าวัน เขายังพยายามขัดเกลากระดูกซี่โครงชิ้นที่ 17 ได้
ส่วนสิ่งที่ทางมหาลัยประเมินครั้งนี้…ตอนที่ถังเฟิงประกาศข่าว สีหน้าเขาดูชั่วร้ายนัก เกรงว่ามันคงไม่ใช่ข่าวดี