World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 68
ตอนที่ 68 ข่าวดีมากเกินไป
เมืองหยางเฉิง
รถบัสมุ่งหน้าตรงไปยังหน้าประตูโรงเรียน
เมื่อรถบัสมาถึงหน้าโรงเรียน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
พอฟางผิงลงรถ เขาก็ได้ยินเสียงคนเรียก
เขารู้ตัวคนเรียกทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
และเขาก็คิดถูก ฟางหยวนกระโดดเหยงมาหาเขาด้วยความตื่นเต้น สีหน้าเธอดูมีความสุข “ฟางผิง นายกลับมาแล้ว!”
เดิมทีหลังถูกโจมตี ฟางผิงค่อนข้างอัดอั้นตันใจ
แต่หลังเห็นฟางหยวน อารมณ์เขาก็ดีขึ้นมากทันตา เขาบีบหน้ากลมๆของเธอแล้วหัวเราะ “ทำไมน้องถึงมานี่ล่ะ?”
ฟางหยวนบุ้ยปากและส่ายหน้า สลัดหน้าจากการบีบของฟางผิง หลังเธอสลัดหลุด เธอก็กลับมามีความสุขเหมือนเดิม “หนูมารับนาย! ฟางผิง นายรู้ไหมว่าตอนนี้ชื่อนายดังแล้ว…”
เด็กสาวพูดไม่หยุด สีหน้าเธอดูภาคภูมิใจ
ปราณและเลือดของฟางผิงคือ 149แคล อันดับหนึ่งของเมืองรุ่ยหยาง
ผู้ใหญ่อาจไม่ค่อยสนใจข่าวนี้ แต่นักเรียนรู้เรื่องนี้กันมาก
โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งประกาศข่าวนี้ด้วยเช่นกัน 149แคลเป็นผลสอบสูงสุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน
ถ้าผลสอบวัฒนธรรมศึกษาของฟางผิงไม่ย่ำแย่เกินไป เขาจะเข้ามหาลัยวิชายุทธทั่วๆไปได้อย่างง่ายดาย สองมหาลัยดังก็อาจไม่ยากนัก
โรงเรียนมัธยมต้นของฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งนัก
ที่โรงเรียนฟางหยวน ตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่รู้แล้วว่าพี่ชายของหน้ากลมจากมัธยมปีสองมีปราณและเลือดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองรุ่ยหยาง เขามีความเป็นไปได้เกือบ 100% ที่จะเข้ามหาลัยวิชายุทธ
การชื่นชมนักศึกษามหาลัยวิชายุทธถูกสลักอยู่ในกระดูกของเด็กนักเรียนพวกนี้ไปแล้ว
นี่ทำให้ฟางหยวนกลายเป็นจุดสนใจเช่นกัน นอกจากนี้อาจารย์ยังใจดีกับเธอมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ฟางหยวนเล่าไปยิ้มไปไม่หยุด เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ตอนนี้ถ้ามีคนเรียกหนูหน้าอ้วน หนูบอกพวกเขาว่าหนูจะส่งพี่ชายไปจัดการพวกเขา จึงไม่มีใครกล้าเรียกหนูแบบนั้นอีก!”
ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ คำขู่ของเธอทำลายศักดิ์ศรีของเขานัก!
‘ตัวฉันที่จะเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว จะให้ไปช่วยน้องจัดการเพื่อนร่วมห้องงั้นเหรอ?’
เมื่อเห็นน้องสาวมีความสุข เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาขนของฝากที่ซื้อมาลงจากรถโดยไม่ได้พูดอะไร
ตอนแรกฟางหยวนมีความสุขที่ได้เห็นถุงใหญ่หลายใบ แต่จากนั้นเธอก็บ่น “นายรู้จักแต่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย!”
ฟางผิงไม่ได้ฟังคำบ่นของเธอ เขาโบกมือลาคนอื่นแล้วเดินถือข้าวของในมือด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ฟุ่มเฟือยสักหน่อย ตอนนี้พี่รวยแล้ว”
“นายขายลายเซ็นเหรอ?”
ฟางผิงรู้สึกพูดไม่ออก เขาถามอย่างเคืองๆ “น้องเลิกคิดเรื่องขายลายเซ็นตลอดเวลาได้ไหม? ลายเซ็นมันราคาเท่าไหร่เชียว?”
“น้องเพิ่มวิสัยทัศน์หน่อยไม่ได้รึไง?”
“พี่ชายของน้องเป็นครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธที่มีปราณและเลือดไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ พี่จำเป็นต้องขายลายเซ็นหาเงินด้วยเหรอ?”
หลังพูดว่าเด็กน้อย เขาก็หัวเราะ “มีย่านที่อยู่อาศัยที่ชื่อกวนหูหยวนอยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมต้นของน้อง น้องรู้จักใช่ไหม?”
“หนูรู้จัก! หนูมีเพื่อนอยู่ที่นั่น มันเป็นย่านที่สวยมาก…”
ฟางหยวนค่อนข้างอิจฉา ย่านจิ่งหูหยวนของพวกเขาทั้งเก่าและทรุดโทรม พื้นที่ก็คับแคบ
ย่านกวนหูหยวนใหม่กว่า แค่ความสวยงามอย่างเดียวก็ดีกว่าย่านจิ่งหูหยวนเป็นสิบเท่าแล้ว
“น้องรู้ก็ดีแล้ว พี่ประเมิณปราณและเลือดได้ที่หนึ่ง!”
“ทั้งเมืองรุ่ยหยางและเมืองหยางเฉิงต่างก็มอบรางวัลให้พี่”
“รางวัล?”
ฟางหยวนถามอย่างสงสัย “รางวัลอะไร?”
“เมืองหยางเฉิงได้มอบห้องชุดในย่านกวนหูหยวน…”
“อะไรนะ?”
ฟางหยวนแข็งทื่อไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ มีคนได้ห้องชุดเป็นรางวัลด้วยเหรอ?
ฟางหยวนได้ยินว่าผู้มีอำนาจของเมืองจะมอบรางวัลให้แก่คนที่สอบได้ที่หนึ่ง
ส่วนใหญ่รางวัลจะเป็นเงินสด ซึ่งเป็นเงินสดจำนวนพอประมาณ แต่นั่นเป็นรางวัลแก่นักเรียนที่ได้ที่หนึ่งเกาเข่า
ตอนนี้เกาเข่ายังไม่จบเลย แต่พวกเขาก็มอบห้องชุดให้แล้ว?
เมื่อเห็นน้องสาวอ้าปากค้าง ฟางผิงก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ทำไม น้องดีใจจนเอ๋อไปแล้วเหรอ?”
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ พี่จะพาน้องไปดูบ้านใหม่”
“ย่านกวนหูหยวนอยู่ใกล้โรงเรียนน้องมากกว่า หลังเราย้ายไปอยู่บ้านใหม่ น้องก็นอนที่บ้านใหม่ได้เลย…”
“ฟางผิง…”
ฟางหยวนกล่าวอย่างงุนงง “ที่นายพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“แน่นอน!”
ฟางผิงกล่าวหยอกล้อ “ตอนที่พี่บอกว่าพี่ปราณและเลือด 149แคล น้องก็ไม่เชื่อพี่”
“ตอนนี้พี่บอกว่าพี่ได้รางวัลเป็นห้องชุด น้องก็ไม่เชื่อพี่อีก”
“เอาแบบนี้ไหม? เรามาเดิมพันกัน ใครแพ้โดนบีบแก้มร้อยทีเอาไหม?”
ฟางหยวนไม่ได้โง่ถึงขนาดไปเดิมพันกับเขา แม้ทุกอย่างจะดูเกินจริง แต่มันก็อาจเป็นความจริงก็ได้…
เมื่อเธอคิดได้แบบนั้น ฟางหยวนก็ถามอย่างมีความสุข “ฟางผิง พวกเขาให้ห้องชุดนายจริงเหรอ?”
“เราไปดูตอนนี้เลยได้ไหม?”
“มันใหญ่ไหม?”
“มีกี่ห้อง?”
“ห้องนั่งเล่นกว้างมั้ย?”
“…”
สาวน้อยยิงคำถามใส่ฟางผิงแทบนับไม่ถ้วน
ฟางผิงปวดหัว เขาขี้เกียจตอบคำถามเธอ
พอกลับถึงบ้าน เขาจะได้ฉวยโอกาสนี้บอกเรื่องอพาร์ทเม้นใหม่แก่พ่อแม่และมอบเงินส่วนหนึ่งให้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน
เงินของหวงปินเป็นของผิดกฏหมาย ดังนั้นเขาจึงอธิบายไม่ได้ว่าได้เงินมาอย่างไร
ครั้งนี้มันต่างกัน เงินสองล้านที่จินเค่อหมิงมอบให้เขาถือได้ว่าเป็นเงินกึ่งเปิดเผย
ถานเจิ้นผิงก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ถ้าพ่อแม่ถามเรื่องเงินจริงๆ ฟางผิงก็ขอให้ถานเจิ้นผิงรับรองให้ได้
ถานเจิ้นผิงไม่ก้มหัวประจบฟางผิง แต่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ เขาไม่ปฏิเสธแน่นอน
โดยเฉพาะกับตอนนี้!
มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องฟางผิงถูกโจมตี แต่ถานเจิ้นผิงที่เป็นบุคคลสำคัญของเมืองหยางเฉิงย่อมต้องรู้
เขารู้อีกเช่นกันว่าฟางผิงประมือกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งได้พักใหญ่เลย
ก่อนหน้านี้ฟางผิงมีปราณและเลือด 149แคล เขาเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธ
ตอนนี้เขาพิสูจน์ความสามารถด้วยการประมือกับผู้ฝึกยุทธ เห็นได้ชัดว่าเขาขัดเกลากระดูกไปมากและยังทะลวงผ่านขีดจำกัดแล้ว เขาถือได้ว่าเป็นครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธแล้ว
(ผู้แปล : ขอแก้ไขนะครับ ต่ำกว่า 149แคลเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธ ส่วน 150แคลที่ยังไม่ได้ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวเป็นครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธนะครับ อนาคตอาจมีแก้ไขอีก เพราะผู้แปลไม่ได้อ่านล่วงหน้าครับ แปลไปอ่านไป (ทางอิงก็มีแก้ไขบ่อยเหมือนกันครับ ระบบพลังเรื่องนี้ค่อนข้างต่างจากเรื่องอื่น))
เมื่อมีโอกาส และมีผู้ฝึกยุทธขั้นสี่มาช่วยเหลือ เขาจะเลือกทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธได้
ด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิดของฟางผิง ถานเจิ้นผิงรู้สึกว่าเขาจะทะลวงสำเร็จในครั้งเดียว และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นเดียวกับตัวเขา
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ถานเจิ้นผิงย่อมยินดีอย่างยิ่งที่ได้ช่วยฟางผิง
…..
เมื่อฟางผิงกลับมาบ้าน ฟางหมิงหรงก็ยังไม่กลับมา ส่วนหลี่อวี้อิงกำลังเตรียมมื้อเย็น
พอฟางหยวนเข้ามาในบ้าน เธอก็โพล่งเรื่องบ้านใหม่ทันที
หลี่อวี้อิงก็ตกใจเช่นกัน
แค่ไปสอบ เมืองหยางเฉิงก็มอบห้องชุดให้ลูกชายเธอแล้ว?
ไม่นานหลี่อวี้อิงก็ร่วมกองทัพกับฟางหยวน กลายเป็นสองแม่ลูกยิงคำถามไม่หยุด
พอพ่อเขากลับมา มันก็จะกลายเป็นทั้งครอบครัวระดมยิงคำถาม…
ฟางผิงนับไม่ได้แล้วว่าเขาอธิบายทุกอย่างไปกี่ครั้ง สุดท้ายเขาก็ได้แต่พูดว่า “ผู้อำนวยการถานจากกระทรวงศึกษาเมืองหยางเฉิงเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”
“ผมมีเบอร์เขา พ่อแม่ ผมจะโทรหาเขาแล้วให้พ่อแม่ถามเขาเองดีไหม?”
หลี่อวี้อิงเหล่ตามองไปด้านข้าง ฟางหมิงหรงหัวเราะแห้งๆ
พวกเขาเป็นคนธรรมดามาทั้งชีวิต ตอนนี้ฟางผิงจะให้พวกเขาถามรองผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาเอง พวกเขาจะกล้าถามได้ไง?
แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ฝึกยุทธด้วย
ลูกชายตอบทุกคำถามด้วยความมั่นใจ แม้ว่าสำหรับพวกเขา ทุกอย่างจะยังดูเกินจริง แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อเขา
ฟางผิงโล่งอกเมื่อเห็นพ่อแม่หยุดถามคำถาม เขาพูดเสียงเบา “พ่อ แม่ อย่าเอาไปบอกคนอื่นล่ะ มันเป็นรางวัลพิเศษ ผู้มีอำนาจไม่ได้ประกาศสาธารณะ”
“ถ้าคนอื่นรู้เข้าแล้วอิจฉา ผู้มีอำนาจอาจยึดบ้านคืน มันไม่คุ้มเลย”
ฟางหมิงหรงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มันก็จริง มั่นใจได้ พ่อกับแม่จะไม่เอาไปบอกใคร หยวนหยวน ลูกก็อย่าเอาไปบอกใครล่ะ!”
ฟางหยวนหดหู่เล็กน้อย เธอพึมพำ “หนูก็อยากบอกเพื่อนเหมือนกัน! ฟางผิง เราย้ายไปอยู่บ้านใหม่เลยไม่ได้เหรอ?”
ฟางผิงกล่าวหยอกล้อ “เราย้ายได้เลย แต่พี่ลองมาคิดดูแล้ว น้องเก็บความลับไม่ได้ ดังนั้นมีแต่พ่อกับแม่ที่ไปพร้อมกับพี่ ส่วนน้องจะอยู่ที่นี่และเฝ้าบ้านคนเดียว”
“ไม่นะ!”
ฟางหยวนหน้ามุ่ยพูดอย่างงอนๆ “พี่ชาย พาหนูไปด้วย หนูจะไม่บอกเพื่อนแล้ว โอเคมั้ย?”
พ่อแม่ฟางอมยิ้ม ทั้งสองถามรายละเอียดห้องโดยไม่สนใจฟางหยวน
ฟางผิงอธิบายง่ายๆว่าบ้านตกแต่งแล้วย้ายเข้าไปได้ทุกเมื่อ ทั้งสองตกลงกันเป็นเอกฉันท์ว่าพรุ่งนี้จะลาหยุดไปดูห้อง
ถ้าไม่ใช่เพราะฟางผิงพึ่งกลับถึงบ้าน พวกเขาคงออกเดินทางทันทีด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นครอบครัวพูดเรื่องบ้านกันอย่างตื่นเต้น ฟางผิงก็กระแอมแห้งๆแล้วพูด “พ่อ แม่ ผมยังพูดไม่จบ”
“ห้องชุดเป็นรางวัลจากเมืองหยางเฉิง เมืองรุ่ยหยางก็มอบรางวัลให้เหมือนกัน แต่มันเป็นเงินสดแทนอสังหาริมทรัพย์”
“รุ่ยหยางก็มอบรางวัลให้ลูกด้วย?” หลี่อวี้อิงประหลาดใจ
ฟางหมิงหรงกล่าวอย่างทอดถอนใจ “พ่อรู้ว่าผู้ฝึกยุทธแตกต่างจากพวกเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้ขนาดลูกยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ ลูกก็ได้รางวัลมามากมายแล้ว พอลูกกลายเป็นผู้ฝึกยุทธจะฟุ่มเฟือยขึ้นมากแค่ไหนนะ…”
จากที่ลูกชายเขาบอก เขาก็ประเมิณว่าห้องชุดย่านกวนหูหยวนอย่างเดียวก็มีราคาเจ็ดแปดแสนหยวนแล้ว!
นี่มันมากกว่าเงินเดือนทั้งปีของทั้งคู่รวมกันอีก!
ตอนนี้เมืองรุ่ยหยางก็มอบรางวัลให้ลูกชายอีก มันทำให้ฟางหมิงหรงมีความสุขและภาคภูมิใจ แต่เขาก็รู้สึกเศร้าในเวลาเดียวกัน
ลูกชายเขายังไม่จบการศึกษา ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่ แต่ลูกชายก็มีความสามารถเหนือกว่าเขาไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกด้อยกว่าลูกชายไหม
ทั้งสองลืมถามเรื่องเงิน แต่ฟางหยวนผู้รักเงินย่อมไม่ลืม เธอถามทันที “พี่ชาย เมืองรุ่ยหยางให้รางวัลพี่เท่าไหร่?”
ฟางผิงใช้หางตามองเธอ เขากล่าวอย่างเคืองๆ “ตอนนี้น้องเรียกพี่ได้เต็มปากเชียว! เฮอะ เด็กน้อยหน้าเงิน!”
“พี่จ๋า…”
ฟางหยวนกอดแขนเขาแล้วพูดอย่างออดอ้อน “หนูทำพี่ไม่พอใจหรอ?”
“นอกจากนี้ เงินของพี่ก็เป็นเงินของหนู เงินของหนูก็เป็นเงินของพี่”
“สมมุติ…สมมุติว่าหนูควักกระปุกทั้งหมดแล้วพาไปเลี้ยงเคเอฟซีทั้งบ้านล่ะ?”
“คำนวณเงินเก่งนักนะ…”
ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ‘หลังฉันกินเคเอฟซี เงินทั้งหมดของฉันจะเป็นของเธอ ดีดลูกคิดตีตารางเก่งจริงๆ!’
เขาไม่ได้พูดอะไรในหัวข้อนี้อีก ฟางผิงกระแอม “เมืองรุ่ยหยางให้รางวัลผม…ให้รางวัลผมสี่แสนหยวน”
“ผมจะเก็บไว้หนึ่งในสี่เตรียมไว้ตอนเข้ามหาลัยวิชายุทธ”
“ที่เหลือผมจะให้แม่ ครอบครัวเราไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างประหยัดอีก”
“แล้วเรื่องงานของพ่อ พ่อทำงานในโรงงานเครื่องปั้นดินเผามันไม่เหมาะ ทำไปนานๆมันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย”
“ผมคุยกับผู้อำนวยการถานแล้ว เขาบอกว่ากระทรวงขาดแคลนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พ่อไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก พ่อแค่กรอกข้อมูลคนมาเยือนก็พอ”
“งานเริ่มแปดโมงครึ่ง เลิกงานตอนหกโมงเย็น พ่อจะมีวันหยุดทุกสัปดาห์ เงินเดือนห้าพันหยวน”
“พ่อ ถ้าพ่อไม่ขัดข้อง พ่อเริ่มงานได้ในไม่กี่วัน”
ฟางผิงไม่กล้าบอกจำนวนเงินจริง ถ้าเขาบอกพวกท่านไปว่าได้มาสองสามล้าน พ่อแม่เขาอาจช็อคตาย
แถมเขายังต้องเก็บเงินไว้ด้วย ผู้ฝึกยุทธใช้เงินเหมือนไม่ต่างน้ำ แม้เขาจะมีระบบ แต่เขาก็ต้องการเงิน
หลังเข้ามหาลัย ฟางผิงอยากลองเปิดธุรกิจ จะให้เขาหวังเจอเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทุกครั้งก็คงไม่ได้
หลังพูดจบ คนอื่นในบ้านก็แข็งทื่อด้วยความตกใจ
สี่แสนหยวน!
เงินหาง่ายขนาดนี้เลย?
นอกจากนี้ยังมี…งานในกระทรวงศึกษา!
กระทรวงศึกษาเป็นมากกว่าเปลือกที่ว่างเปล่า มันเป็นหนึ่งในหน่วยงานของเมืองที่มีอิทธิพลอย่างแท้จริง แม้แต่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังเป็นที่ต้องการของคนนับไม่ถ้วน
ไม่มีใครรับตำแหน่งงานนี้ได้หากปราศจากเส้นสาย
ลูกชายเขามีความสัมพันธ์กับผู้อำนวยการกระทรวงศึกษา!
ฟางหมิงหรงไม่อยากจะเชื่อเรื่องงานมากกว่าเรื่องห้องชุดเสียอีก
เขาเป็นแค่พนักงานโรงงานธรรมดาสามัญ เขาทำงานหนักทุกวันในโรงงานเครื่องปั้นดินเผา เขามีวันหยุดสองวันต่อเดือนและเงินสามพันหยวนต่อเดือน
ตอนนี้เขาจะได้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มีเงินเดือนห้าพันหยวนต่อเดือน มันเป็นงานที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งเขียนตัวหนังสือไม่กี่ตัว
ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องเงินเดือนสูง เมื่อเขาทำงานกับกระทรวงศึกษา เขาก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่เขาก็ยังเป็นกึ่งข้าราชการ ตัวเขาฟางหมิงหรงในที่สุดจะได้เห็นวันที่รัฐบาลจ่ายเงินให้เขางั้นหรือ?
ขณะฟางหมิงหรงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ หลี่อวี้อิงก็ตกใจ
ส่วนฟางหยวนไม่ได้คิดมากเรื่องนี้เหมือนพ่อแม่ สิ่งที่เธอคิดในใจตอนนี้คือ
“รางวัลสี่แสนหยวน”
“ขนมมากมาย…”
“ของกินมากมาย…”
“หนูจะได้ดูหนังแล้ว…”
“…”
ความคิดนับพันพุ่งมาจากส่วนลึกในใจ เธอมองฟางผิงอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอมองไม่เห็นเขา สิ่งที่เธอมองเห็นคือหีบสมบัติเคลื่อนที่เปล่งประกายสีทองสดใส
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหลังฟางผิงออกไปนานสิบวัน จะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย
มีข่าวดีมากเกินไปจนพ่อแม่เขาย่อยข้อมูลไม่ทัน
ฟางหยวนชวนฟางผิงไปทานมื้อเที่ยงวันพรุ่งนี้อย่างตื่นเต้นเพื่อที่จะได้ใช้เงินออมส่วนตัวของตนเองจนหมด แล้วเธอจะได้ส่วนแบ่งเงินออมส่วนตัวของฟางผิง
ส่วนช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทรัพย์สินของทั้งสอง สาวน้อยย่อมลืมมันไปโดยอัตโนมัติ
…..
พ่อแม่ฟางนอนไม่หลับ พวกเขาคุยกันอยู่ครึ่งค่อนคืน
ในทางกลับกันฟางหยวนหลับสนิทพร้อมรอยยิ้มหวาน ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไร
ฟางผิงบ่มเพาะ’เคล็ดเสริมสร้าง’อีกครั้งก่อนจะพลิกหนังสือ’ฝึกพลังขาพื้นฐาน’
เขาเตรียมขัดเกลากระดูกขาตอนขั้นหนึ่ง กระบวนท่าขาเหมาะกับเขามากกว่า
เคล็ดวิชาต่อสู้และเคล็ดบ่มเพาะต่างกัน เคล็ดเสริมสร้างไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ขั้นหนึ่งอย่างเป็นทางการ ส่วนใหญ่แค่โคจรเส้นเลือดใหญ่ต่างๆในร่างกายเท่านั้น
เคล็ดวิชาต่อสู้ซับซ้อนกว่ามาก มันรวมถึงเคล็ดการส่งแรงบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายผ่านตัวหนังสือได้
หากไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ ต่อให้ฝึกฝน ผลของมันก็ไม่ชัดเจน
คืนนั้นฟางผิงโทรหาเหล่าหวังอีกครั้ง แต่เขาก็ยังโทรไม่ติด ฟางผิงรู้สึกกลัดกลุ้ม
ชายคนนี้ไปไหนของเขากันนะ?
หรือเขาจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์?
นอกจากหวังจินหยาง เขาก็ไม่รู้แล้วว่าใครจะชี้แนะเขาได้ เขาแทบไม่รู้จักจางหยง ส่วนถานเจิ้นผิงก็ไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้
“เหล่าหวังไม่รับสายเพราะเขารู้ว่าปราณและเลือดฉันสูงและรู้สึกถูกคุกคามรึเปล่า?”
ความคิดทำนองนี้ก่อตัวขึ้นมาในใจ ตอนนี้เขาทำได้แต่ระงับความตั้งใจฝึกฝนเคล็ดวิชาต่อสู้เอาไว้ก่อน