World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 119 ขายยา (2)
ห้อง 15
“ห๊ะ?”
ฟู่ชางติ่งที่พึ่งกลับมามหาลัยอุทานด้วยความตกใจ “นายอยากขายยา? แถมยังมากขนาดนั้นเลย!”
“ฟางผิง บ้านนายต้องการเงินด่วนรึไง?”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้ นายมีวิธีไหม?”
ฟู่ชางติ่งขมวดคิ้ว “ทุกคนขาดเม็ดยา เม็ดยาต้องใช้เพื่อประคองการเผาผลาญปราณและเลือดและฝึกฝนคนรุ่นหลัง เม็ดยาปราณและเลือดเป็นที่ต้องการสูงสุดมาโดยตลอด”
“ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งคนนึงกินยาปราณและเลือดจำนวนมากทุกปี”
“อย่างไรก็ตามมันเป็นธุรกิจผูกขาด คนส่วนใหญ่จะซื้อจากคนขายเอกชนเพราะได้ราคาถูกกว่า…” ฟางผิงพยักหน้า “เข้าใจ ทุกคนเต็มใจจ่ายราคาเท่าไหร่?”
“ปกติแล้วประมาณ 80% เพราะยังไงการซื้อยาปริมาณมากก็ต้องมาพร้อมกับส่วนลด มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีส่วนลดสัก 5% 10%”
“สำหรับคนขายเอกชนแล้ว 80% ควรดึงดูดคนซื้อได้เป็นจำนวนมาก”
“80%?”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยพอใจกับราคานี้เท่าไหร่
“ฉันมียาปราณและเลือดสามัญ 70 เม็ดและยาขั้นหนึ่งอีก 11 เม็ด ราคาตลาดคือ 10.3 ล้าน ถ้าฉันขาย ฉันจะได้สักเท่าไหร่?”
ยาปราณและเลือดทำให้เขาได้ค่าทรัพย์สิน 7.1 ล้าน เขาต้องได้รับเงินมากกว่า 7.1 ล้านหยวนเพื่อให้ได้รับค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ถ้าขายเม็ดยาได้ราคา 80% เขาจะเพิ่มค่าทรัพย์สินได้อย่างมากก็ไม่กี่ล้าน นี่ต่างจากที่ฟางผิงคาดหวังไว้เล็กน้อย
“นายยังมียาขั้นหนึ่งเหลือเยอะขนาดนั้นเลย?”
เมื่อกี้ฟางผิงพึ่งพูดถึงยาขั้นสามัญ ฟู่ชางติ่งไม่คิดเลยว่าฟางผิงจะเก็บสะสมยาขั้นหนึ่งไว้กว่า 10 เม็ด
เขารวยมาก!
รวยยิ่งกว่าฉันอีก!
ฟู่ชางติ่งจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ รวยมาก แต่ก็ขี้เหนียวมาก เขากระทั่งมาขอกินข้าวฟรีทุกวัน
ฟู่ชางติ่งพิจารณาคำถามของฟางผิงเล็กน้อยก่อนจะให้คำแนะนำ “เอาแบบนี้ไหม? ฉันจะช่วยนายถามให้สักรอบ ฉันจะถามพ่อก่อนว่าเขาอยากได้ไหม ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องยาปราณและเลือด”
“ถ้านายคิดว่าราคาไม่เหมาะสม งั้นฉันจะช่วยถามคนอื่นให้…”
ฟางผิงพยักหน้า ฟู่ชางติ่งก็กดโทรต่อหน้าเขา
สายตรงไปหาพ่อ เขาอธิบายสั้นๆว่ามีเพื่อนอยากขายเม็ดยาและบอกปริมาณไป
หลังจากนั้นสักครู่ ฟู่ชางติ่งก็หันมามองฟางผิงแล้วกล่าว “พ่อฉันเสนอให้ 9 ล้าน บ้านอื่นก็คงให้ราคาพอๆกัน มันไม่สูง แต่ก็ไม่ต่ำ นายคิดยังไง?”
“9 ล้าน…”
มันลดลงไปประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ ฟางผิงโอดครวญเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า “ได้”
“นายอยากให้ฉันลองถามคนอื่นให้ไหม? เผื่อนาย…”
“ไม่เป็นไร”
ฟางผิงหัวเราะ “9 ล้านก็ไม่ใช่น้อย และฉันก็รู้ตัวดี แถมมันยังปลอดภัยกว่าและสะดวกกว่า”
การซื้อขายแบบครั้งเดียวไม่ยุ่งยากและปลอดภัยมาก
“โอเค” ฟู่ชางติ่งไม่ได้โกหก ราคานี้ก็ไม่ใช่ถูกๆ แน่นอนถ้ามันเป็นยาที่ไม่น่าเชื่อถือ พวกเขาคงขาดทุน แต่นี่เป็นยาที่โม๋อู่ผลิตเอง
หลังคุยกับพ่ออยู่อีกครู่นึง ฟู่ชางติ่งก็วางสายและพูด “เอาเลขบัญชีมา พ่อฉันจะโอนเงินให้ แล้วเอายามาให้ฉันด้วย”
ฟางผิงส่งเม็ดยาให้แล้วพูดขึ้นมา “นายตรวจสอบเองตรงหน้าฉันเลย ฉันไม่อยากให้เม็ดยาทำฉันมีปัญหา”
“ตกลง”
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นของมูลค่ากว่า 9 ล้าน ฟู่ชางติ่งไม่แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งคู่จะลำบากใจเอา
หลังตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ฟู่ชางติ่งก็หัวเราะ “ไม่มีปัญหา ถามหน่อยฟางผิง นายเอายาเยอะขนาดนี้มาจากไหน? ต่อให้นายใช้คะแนนแลกมาทั้งหมดก็ไม่น่าพอใช่ไหม?”
“ฉันสะสมมา…”
“นายไม่เก็บไว้ฝึกเลยรึไง?” “ฉันมีเก็บไว้บางส่วน”
“คนรวย…”
ฟู่ชางติ่งบ่นในใจเล็กน้อย ขณะที่ทั้งคู่รอให้เงินโอนเข้าบัญชี ทั้งสองก็คุยกันไปพลาง
“นายได้ข่าวไหม?”
“ข่าวอะไร?”
บางครั้งฟางผิงก็ได้ยินข่าวซุบซิบจากฟู่ชางติ่ง เขาไม่มีแหล่งข่าวที่อื่นเลย
“มหาลัยวิชายุทธปักกิ่งเปิดคลาสฝึกพิเศษ”
ฟางผิงขมวดคิ้วครุ่นคิด “ฉันได้ยินว่ามหาลัยวิชายุทธทั่วไปก็มีคลาสฝึกพิเศษเหมือนกัน คลาสฝึกพิเศษมีไว้เพื่อ?”
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหวังจินหยาง…” ฟู่ชางติ่งกล่าวอย่างมีเลศนัย
“ตอนที่ฉันกลับบ้าน ฉันก็ได้ยินว่าช่วงนี้มีปัญหาเกิดขึ้นที่มหาลัยวิชายุทธทั่วไป โม๋อู่ ละก็จิงอู่” (ผู้แปล : จิงอู่ : มหาลัยวิชายุทธปักกิ่ง)
“ส่วนใหญ่เป้นเพราะหวังจินหยาง!”
“ตอนที่เขาอยู่ขั้นหนึ่ง เขาเอาชนะขั้นหนึ่งของโม๋อู่ ตอนที่เขาอยู่ขั้นสาม เขาก็เอาชนะขั้นสามหลายคนจากจิงอู่”
“นั่นเป็นเหตุผลที่มหาลัยวิชายุทธทั่วไปออกมาประท้วง บอกว่ามหาลัยดังรู้จักแต่การขอทรัพยากร นักศึกษาที่ฝึกฝนล้วนเป็นขยะ”
“ทรัพยากรที่มากพอยังทำให้นักศึกษามหาลัยดังขาดความสามารถในการแข่งขันและความทุ่มเท”
“ไม่ช้าก็เร็ว นักศึกษามหาลัยดังจะค่อยๆกลายเป็นผู้ฝึกยุทธทั่วไป เหมือนกับผู้ฝึกยุทธในสังคม”
“มหาลัยอย่างโม๋อู่ย่อมไม่ยอมรับ หวังจินหยางเป็นกรณีพิเศษ พวกเขายอมรับให้เป็นบรรทัดฐานไม่ได้ จุดประสงค์ของมหาลัยไม่ใช่เพื่อฝึกฝนคนใดคนนึง แต่เป็นฝึกฝนนักศึกษาทุกคน” “เพราะงั้นมันเลยครึกโครมจนรัฐบาลและกระทรวงศึกษาออกมาแทรกแซง”
“อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายค่อนข้างตึงเครียด ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีปรมาจารย์เจ็ดแปดคนได้ต่อสู้กัน”
“นอกจากนี้ยังมีปรมาจารย์โม๋อู่ไปด้วยเช่นกัน ที่จริงทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันมาสักพักแล้ว…”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เขาได้ยินฉินเฟิ่งชิงพูดเรื่องนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่ามันเลวร้ายถึงขั้นนี้ ไอลีนโนเวล
มหาลัยวิชายุทธทั่วไปไม่พอใจที่จะอยู่อันดับล่างๆในการแบ่งสรรทรัพยากร นักศึกษาของพวกเขามีปัญหาเรื่องความก้าวหน้า
ในโม๋อู่ นักศึกษาใหม่ไปถึงขั้นหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน
อย่างไรก็ตามนักศึกษามหาลัยวิชายุทธทั่วไปต้องหาเงินเอง หลายแสนหยวนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ ไม่มีครอบครัวไหนจ่ายไหว
ตอนนี้หวังจินหยางที่มาจากมหาลัยวิชายุทธทั่วไปได้กวาดทั้งขั้นหนึ่งและขั้นสาม ในที่สุดก็เปิดโอกาสให้มหาลัยวิชายุทธทั่วไปได้วิพากษ์วิจารณ์มหาลัยดัง
อย่างไรก็ตามมหาลัยวิชายุทธดังอย่างโม๋อู่ไม่ได้ให้ค่านัก เพราะหวังจินหยางไม่ใช่ปรากฏการณ์ปกติ มันเป็นกรณีพิเศษ
การกระทำของคนๆเดียวลบล้างความสำเร็จด้านการสอนของมหาลัยดัง มันย่อมเป็นเรื่องเกินทน!
ฟู่ชางติ่งสรุป “ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกัน พวกเขาจะใช้เด็กใหม่เป็นตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าการศึกษาในมหาลัยดังอาจไม่จำเป็นต้องดีไปกว่ามหาลัยวิชายุทธทั่วไป”
“แน่นอนมหาลัยดังมีข้อกำหนดการเข้ามหาลัยที่สูงกว่า มันย่อมดีกว่ามหาลัยวิชายุทธทั่วไปแน่นอน”
“ดังนั้น มหาลัยวิชายุทธทั่วไปจึงบรรลุข้อตกลงแล้วรวมตัวเป็นกลุ่มเดียวเป็นพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ โม๋อู่นับเป็นกลุ่มนึง จิงอู่นับเป็นกลุ่มนึง และมหาลัยชั้นสองอย่างเช่นมหาลัยครุศาสตร์จะนับเป็นกลุ่มนึง”
“รวมแล้วมีอยู่ 4 กลุ่ม เมื่อจบเทอมนี้ แต่ละมหาลัยจะส่งตัวแทนนักศึกษาไปแสดงผลการศึกษาของแต่ละมหาลัย”
“คลาสฝึกพิเศษของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์นี้ แต่ละมหาลัยจะเลือกกลุ่มอัจฉริยะชั้นยอดจากกลุ่มนักศึกษาใหม่แล้วเน้นฝึกพวกเขา”
“ถ้าพิจารณามหาลัยเดียว ผลสุดท้ายพวกเขาจะแพ้โม๋อู่แน่นอน อย่างไรก็ตามพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธประกอบด้วยมหาลัยเกือบ 80 มหาลัย!”
“ถ้าแต่ละมหาลัยมีนักศึกษาชั้นยอดคนนึง งั้นฝั่งพวกเขาจะมีนักศึกษาชั้นยอด 80 คน โม๋อู่กับจิงอู่ถูกกดดันเหมือนกัน”
ฟางผิงเลิกคิ้ว “นายหมายถึงทั้งสี่กลุ่มจะประลองกันสิ้นเทอมนี้?”
“ใช่ และมันร้ายแรงกว่านั้นแน่นอน” ฟู่ชางติ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับการแบ่งสรรทรัพยากรตอนหลัง แม้แต่…รวมถึงการแบ่งหุ้นบริษัทเม็ดยาและบริษัทอาวุธ”
“ถ้ามหาลัยอย่างโม๋อู่แพ้ ทรัพยากรที่มอบให้มหาลัยจะลดลงแน่นอน ถ้าอยากให้สถานการณ์เหมือนกับที่เราแลกเม็ดยาได้ด้วยราคาเพียง 30% ของราคาตลาด เราคงต้องฝันไป”
“อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ความต่าง 20% เพราะความต่างมันใหญ่มาก…”
ฟางผิงย่อมเข้าใจ เขาถอนหายใจ “เป็นไปได้ไหมว่าโม๋อู่วางแผนเปิดคลาสฝึกพิเศษด้วย?”
“ไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังไม่มีข่าว แต่ฉันคิดว่าเป็นไปได้สูง”
“ฝูงมดยังกัดช้างตาย ทุกคนพึ่งอยู่จุดเริ่มต้น ช่องว่างยังไม่ใหญ่นัก”
“เมื่อมหาลัยวิชายุทธเน้นให้ทรัพยากรบ่มเพาะนักศึกษาคนเดียว ผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่ดีนัก มหาลัยมากมายย่อมมีอัจฉริยะอยู่เสมอ”
ฟางผิงคิดแล้วกล่าว “ไว้เดี๋ยวก็เห็นกัน นายคิดยังไง?”
“ฉันมีความคิดแน่นอน ถ้ามหาลัยมีการฝึกฝนพิเศษให้นักศึกษากลุ่มนึงโดยเฉพาะ ทรัพยากรจะต้องมีการโน้มเอียง พลาดไปคงน่าเสียใจแย่”
“รางวัลมีให้แต่คนที่ลงมือทำเท่านั้น…” ฟางผิงกล่าวเสียงเบา
หลังได้รับผลประโยชน์ก็ต้องสู้เพื่อโม๋อู่
ขณะที่พวกเขาคุยกัน เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของฟางผิงก็ดังขึ้น
เงินถูกโอนเข้าบัญชีแล้ว!
ฟางผิงยิ้มอย่างมีความสุข ค่าทรัพย์สินของเขามาถึงจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งเป็น 8.6ล้าน!
เงินสด 9 ล้านพึ่งเข้าบัญชี เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขามีค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.9 ล้าน
ถ้านำเงิน 9 ล้านไปแลกเปลี่ยนกับคะแนน เขาจะได้รับ 300 คะแนนซึ่งแลกเปลี่ยนยาปราณและเลือดได้ 100 เม็ด อย่างไรก็ตามอิงจากราคาตลาด มันมีมูลค่าประมาณ 9 ล้านเท่านั้น ทั้งเงินสดทั้งค่าทรัพย์สินล้วนไม่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น ถ้าเขาอยากทำกำไรโดยการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง มันก็ไม่ได้ผล
คะแนนต้องหาด้วยตนเอง การนำเงินสดไปแลกเปลี่ยนมันไม่คุ้มค่าอย่างชัดเจน
ค่าทรัพย์สินเขาเพิ่มขึ้นมาก เงินสดก็มีถึง 9 ล้าน แม้ว่าเขาจะเหลือยาปราณและเลือดขั้นสองเพียงหนึ่งเม็ด แต่ฟางผิงก็พึงพอใจมากแล้ว