World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 122.1 ฟางผิงผู้เมตตา (1)
วันถัดมา
ณ อาคารฝึกฝนการต่อสู้
เมื่อเข้ามาในอาคาร ฟางผิงก็สัมผัสถึงจิตสังหารนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นเขาเข้ามา นักศึกษาหลายคนก็นึกถึงภาพใบหน้าฟกช้ำดำเขียวเมื่อเดือนก่อน
จ้าวเหล่ยดูไม่พอใจเช่นกัน เขาส่งเสียงฮึดฮัดอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นหน้าฟางผิง เขาพูดเสียงเบา “ฟางผิง ฉันจะแก้แค้นทุกอย่างที่นายทำกับฉัน!”
“ห๊ะ?”
ฟางผิงตอบเสียงดัง “จ้าวเหล่ย เราเป็นผู้ชายนะ อย่าใจแคบแบบนั้นสิ!”
“ดูสิ ขนาดผู้หญิงอย่างหยางเสี่ยวม่านยังไม่คิดมากเลย ทำไมนายยังแค้นเคืองกันอีก?”
“ฉันยอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เท่านั้นยังไม่พออีก? นายยังอยากทุบตีฉันอีกเหรอ?”
จ้าวเหล่ยโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด ‘ฉันพูดเบาๆ แกตะโกนเพื่อ?’
ข้างๆพวกเขา หยางเสี่ยวม่านก็โกรธเช่นกัน ‘ฉันไม่แค้นงั้นเหรอ?’
‘ฉันแค่อายเกินกว่าจะพูดออกมาเสียงดัง!’
แน่นอนอีกเหตุผลนึงก็คือเธอกลัวฟางผิง เธอไม่กล้าต่อว่าเขาตรงๆ
จ้าวเหล่ยเดินหนีไปด้วยความอับอาย ฟู่ชางติ่งพูดอย่างขบขัน “นายไม่ชอบเขาเหรอ? ทำไมถึงไปยั่วโมโหเขาล่ะ?”
“เพื่อหาผลประโยชน์!”
ฟางผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฉันบังเอิญเจออาจารย์ของฉันอยู่นอกห้องแล้วถามเรื่องนี้ดู อาจารย์บอกฉันว่าจะมีคนถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าคลาสด้วย”
“แน่นอน หากนายทำผลงานได้ดี นายก็จะได้คะแนนยิ่งขึ้น”
“เราควรสู้เมื่อถึงเวลา”
“ยังไงฉันก็จะทุบตีเขาอยู่แล้ว ฉันเลยให้เวลาเขาเตรียมตัวด้วย”
“แค่กๆๆ…”
ฟู่ชางติ่งไออยู่พักนึงก่อนจะเอ่ยถาม “นายเอาจริงดิ?”
“เหลวไหล!”
ฟางผิงกลอกตามองบนและยิ้ม “ถ้าไม่มีผลประโยชน์ ฉันไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้แน่นอน แต่เมื่อมีผลประโยชน์มาเกี่ยวด้วย…ฉันจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน”
“นายอย่ามาลองสู้กับฉันดีกว่า ไม่งั้นนายก็ถูกทุบตีเหมือนกัน”
ฟู่ชางติ่งเม้มปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่ได้รู้เรื่องในอดีตของฟางผิง อย่างไรก็ตามหลังกลับมามหาลัยได้สองวัน เขาก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนวันหยุด เพราะยังไงเขาก็มีแหล่งข่าว
เขาขัดเกลากระดูกมากกว่าฟางผิง แต่ถ้าพวกเขาประมือกัน…เขาไม่ใช่คู่มือของฟางผิงแน่นอน
ถ้าฟางผิงอยากเป็นหัวหน้าคลาส เขาก็ไม่มีความคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งกับฟางผิง
…..
ขณะที่ทุกคนคุยกัน ถังเฟิงกับอาจารย์ขั้นหกคนอื่นก็เดินเข้ามาด้วยกัน
ถังเฟิงไม่รอช้า เมื่อเข้ามาในอาคาร เขาก็กล่าว “ผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้ง ผู้ฝึกยุทธที่บรรลุจวงกงขั้นมั่นคง ผู้ฝึกยุทธที่สำเร็จวิชาต่อสู้ระดับกลาง หรือผู้ฝึกยุทธที่ขัดเกลากระดูกมากกว่า 20 ชิ้นให้ออกมาข้างหน้า!”
ไม่นานหลายคนก็ก้าวออกมา
ฟางผิงก้าวออกไปเช่นกัน
“ดี 41 คน ทั้ง 41 คนนี้จะถูกรับเข้าคลาสฝึกพิเศษโดยตรง”
ถังเฟิงไม่ให้เวลาพวกเขาคุยกัน เขาพูดต่อ “นักศึกษาจากสาขากลยุทธ์และยุทธวิธีที่ขัดเกลากระดูกมากกว่า 15 ชิ้นเดินออกมา!”
รอบนี้มีการเคลื่อนไหวไม่มากนัก มีเด็กหนุ่มสองคนออกมาอย่างรวดเร็ว
“มี 43 คนแล้ว!”
“คนที่อยู่สาขาการผลิตและเชี่ยวชาญการบำรุงรักษาอาวุธ ออกมา”
สาขาการผลิตมีผู้ฝึกยุทธไม่มาก แถมนักศึกษาสาขานี้จะแบ่งเป็นเชี่ยวชาญการผลิตยา ผลิตอาวุธ วิจัยวิชาต่อสู้ แถมมหาลัยพึ่งเปิดไม่นาน คนที่เชี่ยวชาญการดูแลอาวุธและไปถึงผู้ฝึกยุทธได้ มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
ในฝูงชน มีเด็กหนุ่มร่างเล็กลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นมาเบาๆ “อาจารย์ ผมรู้แค่วิธีบำรุงอาวุธพื้นฐานที่เหมาะกับอาวุธอัลลอยเกรดอี…”
“อืม ไม่เป็นไร”
ถังเฟิงไม่คิดมาก เขาพูดต่อ “นักศึกษาสาขาสังคมศาสตร์ที่ได้คะแนนการวิเคราะห์ข้อมูลของเดือนที่แล้วดีเยี่ยม ออกมา!”
เหมือนกับรอบก่อน มีน้อยมากที่ลุกขึ้นยืน มีคนเดียวเท่านั้นที่เดินออกมา
ถังเฟิงถอนหายใจเบาๆ เขาพูดต่อ “นักศึกษาหญิงที่หน้าตาดี ออกมา…”
“แค่กๆ แค่กๆ!”
มีหลายคนกระแอมขึ้นมา
‘อาจารย์ มันจำเป็นด้วยเหรอ?’
เงื่อนไขครั้งก่อน ทุกคนพอเข้าใจจุดประสงค์
แม้ว่าคลาสฝึกพิเศษจะมีเพื่อเตรียมลงประลองระดับประเทศ พวกเขาต้องการนักศึกษาที่มาเป็นหัวสมองให้ทีม นักศึกษาสาขากลยุทธ์และยุทธวิธีทำหน้าที่นั้นได้
พวกเขาเข้าใจว่าต้องการคนที่เชี่ยวชาญการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอาวุธรวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
แต่’หน้าตาดี’นี่มันอะไรกัน?
เหล่าถังคงไม่คิดว่ามีผู้ชายมากเกินไปเลยให้ประโยชน์ทุกคนบ้างหรอกนะ?
ถังเฟิงกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “ฉันอยากลองรูปแบบการสอนแบบใหม่เพื่อดูว่า ต่อหน้าสาวสวย พวกเธอจะกล้าลงมือกันไหม”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวบางคนที่อยู่ในฝูงชนก็หน้าเปลี่ยนสี
ลอง? ลองอะไร?
ลองดูว่าพวกเธอขึ้นสนามประลองไปแล้วจะโดนโจมตีมั้ยน่ะเหรอ?
ในหมู่กลุ่มคนที่ถูกเลือก หยางเสี่ยวม่านพึมพำกับตัวเอง “ทำไมฉันไม่ถูกปฏิบัติแบบนั้นด้วย?”
เธอค่อนข้างมั่นใจหน้าตาตนเอง ฟางผิงและคนอื่นๆไม่ได้ตอบคำถามเธอ
ทุกคนไม่รู้ว่ากลยุทธ์ของถังเฟิงจะได้ผลไหม สุดท้ายนักศึกษาสาวสองคนจากสาขาสังคมศาสตร์ก็ถูกถังเฟิงเลือกเข้ามา
ฟู่ชางติ่งมีความสุข เขาหัวเราะ “ดี กลยุทธ์ของอาจารย์ถังเยี่ยมไปเลย”
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมาก
ถังเฟิงก็ไม่ได้พูดมาก ทุกคนคิดว่าเขาล้อเล่นงั้นเหรอ?
ล้อเล่นก็บ้าแล้ว!
ในฐานะผู้ฝึกยุทธขั้นหกสูงสุด เขาไม่มีเวลาและไม่จำเป็นต้องมาล้อเล่นกับนักศึกษา
เขาจริงจัง!
เด็กสาวทั้งสองถูกใช้เป็นเป้าหมายในการทดสอบคนอื่นๆ แน่นอนเด็กสาวสองคนนี้ลงทะเบียนเข้ามา มันก็หมายความว่าพวกเธอสนใจเข้าคลาสพิเศษ ตอนนี้ถังเฟิงยอมให้เข้าเป็นพิเศษ พวกเธอย่อมไม่ปฏิเสธ
“เหลืออีกสามที่”
ถังเฟิงมองคนที่เหลือ คิดอยู่ครู่นึงแล้วพูด “มีใครมีความสามารถพิเศษไหม? แน่นอนความสามารถพิเศษจำพวกวิ่งเร็วร้องเพลงเงียบไปได้เลย”
“ฉันหมายถึงความสามารถพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่องานประลองระดับประเทศ”
มีคนลังเลเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้น “อาจารย์ ผมจำแผนที่ได้ นับไหม?”
“แม้แผนที่จะซับซ้อน แต่ผมจำได้ในไม่กี่นาที ผมไวต่อทิศทางและภูมิศาสตร์…”
ถังเฟิงแววตาเปล่งประกาย เขาพยักหน้า “นับ! ออกมา!”
“อาจารย์ ผมเชี่ยวชาญจัดการโลจิสติกส์…”
“ไม่!” ไอลีนโนเวล
“อาจารย์ ผมเป็นที่ปรึกษาจิตวิทยาได้ ถ้ามีใครได้รับบาดเจ็บ ผมเพิ่มความมั่นใจให้ได้…”
“ไม่!”
“…”
ถังเฟิงปฏิเสธหลายคนติดต่อกัน เวลานี้เหลืออยู่สองที่เท่านั้น
สุดท้ายเขาก็เลือกนักศึกษาสองคนที่มีปราณและเลือดและความคืบหน้าขัดเกลากระดูกไม่เลว เขาไม่ได้เลือกนักศึกษาที่มี’ความสามารถพิเศษ’อีก
ตอนนี้คลาสพิเศษ 50 คนก็เต็มแล้ว
…..
“อาจารย์ถังเลือกส่งเดชไปไหม? เลือกเสร็จแบบนี้เลยเหรอ?”
ฟู่ชางติ่งพูดแขวะ เขาคิดว่าขั้นตอนการคัดเลือกจะซับซ้อนกว่านี้เสียอีก แต่แปปเดียวก็จบลงแล้ว
ฟางผิงหัวเราะตอบ “เขาเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก แถมยังไงพวกเขาก็ต้องตั้งทีมจาก 50 คนอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลามากหรอก”
ถ้าการคัดเลือกนักศึกษาเข้าคลาสฝึกพิเศษกินเวลาไปครึ่งเดือน งั้นก็ไม่ต้องฝึกกันแล้ว
หลังคัดเลือกเสร็จ ถังเฟิงก็ไล่คนที่เหลือออกไปโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะไม่พอใจไหม
หลังคนอื่นออกไป ถังเฟิงก็กล่าวโดยไม่อ้อมค้อม “เวลามีน้อย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทางมหาลัยไม่เคยจัดคลาสฝึกพิเศษแบบนี้เลย เพราะมันไม่จำเป็น”
“มหาลัยก่อตั้งขึ้นเพื่อฝึกคนจำนวนมาก ไม่ใช่เน้นฝึกคนใดคนนึง”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ เพราะงั้นเรื่องนี้เราจึงไม่มีประสบการณ์มาอ้างอิงเลย”
“อาจารย์ก็เหมือนกับพวกเธอ เราก็ทำได้แต่คลำทางกันเอง”
“แน่นอน มันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เป้าหมายของเราคือชนะงานประลองระดับประเทศ เราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อคำนึงถึงเป้าหมายนี้”
“สุดท้าย ทุกอย่างยังเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง ประสบการณ์และความสามารถ”
“มีหนทางมากมายที่จะขัดเกลาความสามารถของพวกเธอ ขัดเกลากระดูกให้มากขึ้น เพิ่มปราณและเลือด ฝึกวิชาต่อสู้และจวงกง…”
“ทุกอย่างต้องใช้ทรัพยากร ดังนั้นทางมหาลัยจะจัดหาให้”
“แต่เราไม่ได้ให้ฟรีๆ พวกเธอต้องต่อสู้เพื่อตนเอง”
“เมื่อพวกเธอถูกคัดเลือกเข้าคลาสพิเศษ พวกเธอก็ได้ 10 คะแนนแล้ว หลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับผลงาน ยิ่งเธอทำผลงานได้ดี เธอก็จะได้ผลประโยชน์ยิ่งขึ้น”
“ตอนนี้ในคลาสมีนักศึกษาทั้งหมด 50 คน พวกเราอาจารย์ไม่มีเวลาเสียไปกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนัดทุกคนมาเข้าเรียนหรือแจ้งเตือนเรื่องอื่น”
“เหมือนเคย เราจะเลือกหัวหน้าคลาสที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้”
“แน่นอน เราจะไม่ปล่อยให้ความพยายามของหัวหน้าคลาสสูญเปล่า 10 คะแนน…”
“แค่ 10 คะแนน?”
ฟางผิงพึมพำ เขาคิดว่าพวกอาจารย์ขี้เหนียวเกินไป
มันคุ้มเหรอที่จะเสียเวลาเพื่อ 10 คะแนน?
ราวกับสังเกตเห็นสีหน้าของฟางผิงหรืออาจได้ยินฟางผิงพึมพำ หลู่เฟิ่งโหรวที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นมา “ถ้ามีคนคิดว่าคะแนนไม่คุ้มค่าเหนื่อย ง่ายๆเลย งั้นก็ให้คนอื่นที่อยากทำทำไป”
“มี 50 คนในคลาส ถ้าใครเป็นหัวหน้าคลาส นายก็แค่จัดการใครสักคนแล้วใช้ให้เขาทำธุระแทนให้ ส่วนตนเองก็ได้คะแนนโดยไม่ต้องทำอะไร”
“อาจารย์หลู่!”
ถังเฟิงไม่พอใจ หลู่เฟิ่งโหรวพูดอย่างใจเย็น “ถ้าเด็กใหม่ไม่รู้สึกกดดันเสียบ้าง มันจะยังเรียกคลาสฝึกพิเศษได้อยู่เหรอ?”
“คิดสิ ถ้ามีคนถูกบังคับให้ทำงานให้ แถมยังทำงานโดยไม่ได้อะไร เขาจะเต็มใจไหม?”
“ถ้าเขาไม่พอใจ เขาย่อมไปล้างแค้น”
“ต่อเมื่อทุกคนมีแรงจูงใจและปรารถนาความแข็งแกร่งเท่านั้น คลาสฝึกพิเศษถึงจะเป็นคลาสฝึกพิเศษของจริง”
“แค่นี้แหละ ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพไม่เลว”
…..