World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 125 โลกของถ้ำใต้ดิน
ในห้องเรียน
ไป๋รั่วซีพูดต่อ “ก่อนหน้านี้มีเรื่องบางอย่างที่จะสอนให้ต่อเมื่อนักศึกษาไปถึงขั้นสามแล้ว”
“ทำไมถึงเฉพาะขั้นสามน่ะหรือ?”
“เพราะผู้ฝึกยุทธขั้นสามที่ขัดเกลากระดูกแขนขาครบหมดแล้วถือเป็นนักรบที่สมบูรณ์แบบในสนามรบ พวกเขามีพลังในการรักษาชีวิตและโจมตีข้าศึกไปพร้อมกัน”
“อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกันแล้วผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งขั้นสองอ่อนแอกว่ามาก”
“ต่อให้เราขัดเกลากระดูกส่วนแขนหรือส่วนขาเสร็จแล้ว แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างผู้ฝึกยุทธขั้นสามกว้างใหญ่มาก”
อาจารย์อยากเน้นถึงความสำคัญของผู้ฝึกยุทธขั้นสามโดยเฉพาะ
“ถึงกระนั้น ทุกคน ณ ที่นี้ต่างถือเป็นอัจฉริยะในหมู่นักศึกษาใหม่ เธอจะเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสามก็ขึ้นอยู่กับเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจบอกพวกเธอล่วงหน้า”
“คุณค่าของการเป็นผู้ฝึกยุทธ ตัวตนของผู้ฝึกยุทธ เลื่อนขั้น สิทธิพิเศษ…”
“เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาเพราะความต้องการผู้ฝึกยุทธ”
สีหน้าของไป๋รั่วซีเปลี่ยนเป็นจริงจัง เธอพูดออกมา “ไม่ใช่ว่าผู้มีอำนาจต้องการเรา แต่แท้จริงแล้วภาพรวมคือสังคมต้องการเรา เผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นอยู่กับเรา!”
“พื้นฐานการก่อตั้งมหาลัยวิชายุทธเกิดขึ้นมาเพราะเหตุนี้ และมันก็เหมือนกับสิทธิพิเศษที่มาพร้อมกับการเป็นผู้ฝึกยุทธ”
จู่ๆห้องเรียนก็เงียบสนิท
นักศึกษาทุกคนหยุดทำตัวเหลวไหลราวกับสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในบรรยากาศ
“มีใครเคยได้ยินเรื่องถ้ำใต้ดินไหม?”
“อาจารย์มั่นใจว่าต่อให้พวกเธอเคยได้ยินมา แต่พวกเธอก็คงมีความเข้าใจจำกัด”
“พวกเราอยากให้พวกเธอเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งมีสุขภาพดีโดยไม่ต้องมีเรื่องให้กังวลมากนัก แม้จะมีผู้อาวุโสในครอบครัวทราบ ก็แทบไม่เปิดเผยเรื่องนี้”
“ความกดดันมีไว้ให้คนที่มีความสามารถเท่านั้น ถ้าพวกเธอไม่มีความสามารถพอรับมือกับมัน พวกเธอก็อย่ารู้เลยดีกว่า”
“นี่คือความคิดของอาจารย์ แต่อาจารย์ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง ทุกคนมีความคิดของตัวเอง”
“ที่จริงไม่มีใครบอกได้ว่าถ้ำใต้ดินคืออะไร”
“ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไร บางทีอาจมีคนรู้ แต่อาจารย์ไม่รู้ อาจารย์แค่รู้การมีอยู่ของถ้ำใต้ดินหลังอาจารย์ทะลวงเข้าสู่ขั้นสาม”
“สิ่งที่อาจารย์อยากพูดถึงคือความสัมพันธ์ระหว่างถ้ำใต้ดินกับผู้ฝึกยุทธ”
…..
มีแค่เสียงของไป๋รั่วซีเท่านั้นที่ดังอยู่ในห้องเรียน
ไป๋รั่วซียังไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับถ้ำใต้ดิน!
ความจริงก็คือ แม้แต่ไป๋รั่วซีก็ไม่ได้เข้าใจถ้ำใต้ดินอย่างถี่ถ้วน
สิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับถ้ำใต้ดินคือมันตั้งอยู่ใต้ดินราวกับเป็นโลกใต้พิภพ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้อยู่ใต้ดินจริงๆ มันต่างออกไป รัฐบาลเคยพยายามขุดหามัน แต่ต่อให้ขุดลึกลงไปใต้พื้นดินเป็นหมื่นเมตรก็ไม่พบร่องรอยใดๆทั้งสิ้น
มันไม่ใช่มิติวิญญาณด้วยเช่นกัน
เมื่อมีการเคลื่อนไหวในถ้ำใต้ดิน พื้นผิวของโลกก็จะตอบสนองด้วยเช่นกัน ดังนั้นสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือแผ่นดินไหว
จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาภาวการณ์ต่อเนื่องของมิติและเวลา นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ไป๋รั่วซีไม่เข้าใจที่สุด
ตามที่ไป๋รั่วซีพูด ถ้ำใต้ดินกระจายอยู่ทั่วโลก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศจีน
เวลานี้ประเทศจีนมีทางเข้าถ้ำใต้ดินที่ถูกค้นพบแล้ว 22 แห่ง
อย่างไรก็ตามทางเข้าถ้ำใต้ดินแก้ไขอะไรไม่ได้ แถมทางเข้าใหม่ยังปรากฏได้ตลอดเวลา
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 1920 เป็นตอนที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินที่สามถูกค้นพบ ตลอด 88 ปีที่ผ่านมานี้ ก็มีการค้นพบถ้ำใต้ดินอีก 19 แห่งอย่างช้าๆ
มนุษย์สามารถเข้าออกผ่านทางเข้าเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถ้ำใต้ดินจากที่อื่น
โลกของถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยอันตรายทุกชนิด ทุกวินาทีมีอันตรายมากมายที่พร้อมกระโจนเข้ามาสู่พื้นผิวโลก
นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมผู้ฝึกยุทธที่ครอบครองความแข็งแกร่งมหาศาลถึงมีตัวตนอยู่
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงมีนโยบายสนับสนุนการเพิ่มสถานะให้แก่ผู้ฝึกยุทธ
…..
เมื่อไป๋รั่วซีพูดจบประโยค ก็มีคนในห้องเรียนกระแอมแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “อาจารย์กำลังจะบอกว่ามีโลกอีกใบอยู่ใต้เท้าเราใช่ไหม?”
ไป๋รั่วซีส่ายหน้า “อาจารย์ก็ไม่มั่นใจ มันอาจไม่ได้อยู่ใต้เท้าเรา ต่อให้ทางเข้าอยู่ใต้ดิน แต่โลกใต้ดินอาจไม่ได้อยู่ข้างใต้ก็ได้…”
มันซับซ้อนอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่ถึงกระนั้น นักศึกษาก็ฉลาดพอที่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
ถ้ำใต้ดินอาจตั้งอยู่ในคนละมิติ มันแค่มีทางเข้าอยู่ใต้ผืนโลกเฉยๆ
สรุปมันอยู่ที่ไหนกันแน่?
มันอาจอยู่ใต้ดินหรืออาจอยู่คนละมิติ หรือมันอาจอยู่ต่างจักรวาลกันเลยก็ได้
“อาจารย์ ถ้าความต้องการผู้ฝึกยุทธเพิ่มขึ้นเมื่อค้นพบถ้ำใต้ดิน แปลว่ามีแต่ผู้ฝึกยุทธที่เข้าถ้ำใต้ดินได้งั้นเหรอ?”
ไป๋รั่วซีส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่จำเป็นเสมอไป คนธรรมดาก็เข้าได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเมื่อคนเข้าถ้ำใต้ดิน อาวุธปืนทั้งหมดจะไม่ทำงาน…”
“เอาง่ายๆนะ ถ้ำใต้ดินต่างกับโลกของเรา”
“หลังเข้าถ้ำใต้ดิน เราจะใช้ได้แต่ความแข็งแกร่งของตนเองที่เกิดมาจากร่างกายเท่านั้น!”
“มันไม่ได้จำกัดแค่มือและเท้า แต่ดาบหรือหน้าไม้ก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน”
“ขอแค่ที่มาของพลังมาจากตนเอง ไม่ได้มาจากพลังงานไฟฟ้า พลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์ก็พอ หลายปีมานี้ ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าในถ้ำใต้ดิน มีเพียงพลังงานประเภทเดียวเท่านั้นที่สร้างความเสียหายได้ นั่นก็คือปราณและเลือดของคนเรา”
“ดูเหมือนแหล่งพลังงานประเภทอื่นจะสูญเสียการทำงานในถ้ำใต้ดิน”
“อาวุธที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่จะไร้ประโยชน์เมื่อเข้าไปยังถ้ำใต้ดิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมสถานะของผู้ฝึกยุทธถึงเพิ่มขึ้นหลังถ้ำใต้ดินถูกค้นพบ”
“อาจารย์ ในถ้ำใต้ดินมีอะไรกันแน่? เป็นมนุษย์? ซอมบี้? สัตว์อสูร? หรือสัตว์ประหลาดอย่างอื่น?”
“มันเป็นโลก…”
ไป๋รั่วซีคิดถึงความซับซ้อนของมัน แววตาเหม่อลอย เธอพูดต่อ “มันเป็นโลกที่ต่างออกไป ไม่ใช่ถ้ำสัตว์ประหลาดตามชื่อ”
“มีทุกอย่างอยู่ข้างใน มนุษย์ สัตว์ สิ่งมีชีวิตแปลกๆ…”
“พูดง่ายๆก็คือ มันเป็นเหมือนโลกที่ถูกค้นพบใหม่ นอกจากอารยธรรมสมัยใหม่ของเราแล้วมันมีอยู่ทุกอย่าง”
“โลกถ้ำใต้ดินไม่ได้เป็นโลกที่ป่าเถื่อนเช่นกัน…แต่อาจารย์จะอธิบายเพิ่มในครั้งต่อไป”
“สรุปแล้ว ถ้ำใต้ดินมีทั้งมนุษย์และสัตว์แปลกๆอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตามบางครั้งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นพยายามหลบหนีออกมาผ่านทางเข้าเพื่อเข้ามายังโลกของเรา”
“มีครั้งนึง ทางเข้าถูกทำลายเพราะสัตว์อสูรพยายามหลบหนีและทำให้เกิดหายนะ!”
“อาจารย์ ถ้ามันขึ้นมาบนผืนโลก เราลองใช้ปืนหรืออาวุธนิวเคลียร์ฆ่ามันได้ไหม?”
คำถามนี้เข้าตรงประเด็น ไป๋รั่วซีตอบตรงๆ “ใด้ รัฐบาลเคยลองใช้มาแล้ว”
“ตอนนั้น สัตว์อสูรทุกตัวที่ออกมาถูกสังหารทันที เมื่อพวกมันถูกฆ่า พวกมันก็สลายหายไปในอากาศ”
“แต่…”
น้ำเสียงของไป๋รั่วซีจริงจังขึ้น “แต่ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ สัตว์อสูรที่มาจากถ้ำใต้ดินฟื้นคืนชีพจากความตาย!”
“ฟื้นคืนชีพ?”
“ใช่ แต่ไม่ได้คืนชีพบนโลก เป็นในโลกถ้ำใต้ดิน”
“อย่างที่บอกมีมนุษย์อยู่ในนั้นด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่ารูปร่างภายนอกและอวัยวะภายในจะเหมือนกัน แต่พวกเขาอาจไม่ใช่มนุษย์ที่เรารู้จัก”
“มีผู้ฝึกยุทธหลายคนจำใบหน้าของมนุษย์ที่บุกมายังผืนโลกได้ พวกมันถูกสังหารบนผืนโลก แต่พวกเขาเจอพวกมันกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำใต้ดิน ในเวลานั้นพวกเขาถึงตระหนักว่าพวกมันฟื้นคืนชีพในโลกถ้ำใต้ดิน!”
“พวกมันเป็นอมตะอยู่ในโลกของเรา!”
“อธิบายให้ถูกก็คือ พวกมันถูกฆ่าตายได้ แต่จะถูกฆ่าจากผู้ฝึกยุทธเท่านั้น เมื่อผู้ฝึกยุทธฆ่าพวกมัน พวกมันจะไม่คืนชีพอีก”
“ยิ่งกว่านั้น ถ้าผู้ฝึกยุทธสังหารสัตว์อสูรในถ้ำใต้ดิน พวกมันจะไม่คืนชีพเช่นกัน”
“จากการวิเคราะห์เชิงวิจัย พวกเขาพบว่าพลังงานจากปราณและเลือดมีผลต่อการจัดการสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินอย่างยิ่ง ดังนั้นไม่กี่ปีมานี้สถาบันวิทยาศาสตร์ใหญ่ๆทุกแห่งจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอาวุธที่สามารถขยายพลังงานจากปราณและเลือด”
“อย่างไรก็ตาม ปราณและเลือดมาจากร่างกายมนุษย์เท่านั้น เมื่อมันออกมาจากร่างกาย มันก็เป็นแค่เลือด นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่นักวิทยาศาสตร์ติดขัด!”
“ปัจจุบันนี้ มีไม่กี่ประเทศที่มีความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ยังไม่ได้ข้อสรุป”
“ดังนั้นเราจึงทำได้แต่รอให้สร้างอาวุธที่มีประสิทธิภาพสำเร็จเพื่อสังหารสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดิน ถ้ามีสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินเข้ามาโลกของเราได้ก่อน เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถึงจุดจบ!”
“เราไม่อาจกวาดล้างพื้นที่ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ได้ทุกครั้ง!”
“ถ้าเป็นแบบนั้นต่อไป โลกทั้งใบจะถูกทำลาย”
“ดังนั้น วิธีเดียวที่เราควบคุมสถานการณ์ไว้ได้คือการปล่อยให้ผู้ฝึกยุทธปกป้องถ้ำใต้ดินเอาไว้ ด้วยการเข้าไปถ้ำใต้ดินและตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการสังหารสิ่งมีชีวิตที่อาจบุกโจมตีมา นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้เพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์!”
ฟางผิงเงียบตลอดเวลา แต่ฉับพลันนั้นเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถาม “อาจารย์ ทำไมสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินถึงบุกมายังผืนโลกล่ะ? มันเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในถ้ำใต้ดินย่ำแย่เหรอ?”
“ไม่!”
ไป๋รั่วซีตอบแล้วส่ายหน้า เธอพูด “ถ้ำใต้ดินไม่ใช่โลกไร้แสง มันดูคล้ายกับโลกเรามาก”
“อันที่จริง ถ้ำใต้ดินมีสภาพแวดล้อมดีกว่าเราเสียอีก”
“แล้วทำไม…”
“เรายังไม่มั่นใจว่าทำไมพวกมันถึงทำแบบนั้น อย่างไรก็ตามตลอดไม่กี่ปีมานี้ เราเคยจับสิ่งมีชีวิตที่โผล่ออกมาจากถ้ำใต้ดิน แต่ทั้งสองฝ่ายเหมือนจะไม่เข้าใจกันเพราะอุปสรรคด้านภาษา…”
“แน่นอน มีหลายคนที่กำลังศึกษาภาษาของพวกมัน”
“สิ่งสำคัญคือเรายังไม่รู้ว่าพวกมันมีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่โลกของเรา”
“สิ่งมีชีวิตระดับสูงจับมาได้ยาก และเมื่อเราจับพวกมันได้ สมองของพวกมัน หรือสิ่งที่ทำหน้าที่เป็นสมอง จะหยุดทำงานไปทุกที”
“เรายังไม่มั่นใจว่ามันเป็นกลไกทำลายตัวเองหรือว่าพวกมันถูกควบคุมไว้ ตอนนี้เรายังตรวจสอบอยู่”
ฟางผิงถามต่อ “กล่าวคือตอนนี้พวกเรามนุษย์ยังไม่มีวิธีที่ดีกว่าในการควบคุมสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดิน วิธีเดียวคือจ้างผู้ฝึกยุทธเพื่อจับและสังหารพวกมันเพื่อลดโอกาสความเป็นไปได้ที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะขึ้นมายังผืนโลกใช่ไหม?”
“ถูกต้อง”
ไป๋รั่วซีพยักหน้าและกล่าว “ไม่งั้น การทะลวงประตูมาแม้แต่ก้าวเดียวจะสร้างความเสียหายให้กับมวลมนุษย์”
“การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คือหนึ่งในนั้น!”
“เมื่อสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินทะลวงทางเข้าออกมาได้ มันจะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติและมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก!”
“ยิ่งกว่านั้น สิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินมีพลังทำลายมหาศาล ถ้าเราไม่ระวัง เมืองทั้งเมืองอาจถูกทำลาย”
“เรื่องแบบนี้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สุดท้ายพวกมันก็ต้องถูกทำลายด้วยอาวุธพลังทำลายล้างสูง ส่งผลให้สภาพแวดล้อมทรุดโทรม เมือง มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินถูกทำลายหายไป” ไอรีนโนเวล
“อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินทั้งหมดจะกลับไปคืนชีพที่ถ้ำใต้ดิน มันไม่ต่างอะไรกับกินยาพิษดับกระหาย หากเราทำแบบนั้นอีก โลกทั้งใบจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเราเอง”
“เซี่ยงไฮ้เหมือนจะมีการสั่นสะเทือนเมื่อคืน…” ฟางผิงพูด
ไป๋รั่วซีหน้าซีดลงไปเล็กน้อย เธอถอนหายใจ “เธอพูดถูก ดูเหมือนปรากฏการณ์จะเริ่มชัดเจนขึ้นและบ่อยขึ้น”
“ดูเหมือนเร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างทางเข้าทั้ง 22 แห่ง”
“สิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินกำลังบุกโจมตีทางเข้า และทุกครั้งที่พวกมันลงมือ มันจะทำให้เกิดการสั่นไหวที่ผืนโลก การสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นก็แปลว่าพวกมันกำลังเข้าใกล้เรา ดังนั้นทุกครั้งที่เรารู้สึกถึงการสั่นไหวที่ใต้ผืนดิน เราก็จะส่งผู้ฝึกยุทธจำนวนมากไปกำจัดพวกมันทันที!”
“หลังเราสังหารพวกมันได้มากพอ พวกมันก็จะเริ่มล่าถอย”
“จริงไหมครับที่เทียนหนานก็ประสบเหตุนี้ด้วย?”
“ใช่ และครั้งนั้นมันเลวร้ายมาก ทางเข้าของพวกเขาเกือบถูกทำลาย ผู้ฝึกยุทธจำนวนมากถูกเรียกไปเป็นกำลังเสริม กระนั้นผู้ฝึกยุทธหลายคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมคนธรรมดายังบาดเจ็บล้มตายกันมาก…”
ฟางผิงรีบถาม “คนธรรมดา?”
ครั้งนี้น้ำเสียงของไป๋รั่วซีจริงจังยิ่งขึ้น เธอกล่าว “จำได้ไหมว่ากองทัพมีคนธรรมดาอยู่ด้วย? ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธหรอกนะ”
“กองทัพมีสัดส่วนเป็นคนธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ และมีจำนวนมากที่ประจำการอยู่นอกทางเข้าถ้ำใต้ดิน เมื่อพวกเขาถูกเรียกให้ไปป้องกัน พวกเขาก็รีบเข้าถ้ำใต้ดินเช่นกัน”
“แม้ว่าคนธรรมดาจะไม่แข็งแกร่งเท่าผู้ฝึกยุทธ แต่นำตัวเลขมารวมกันสร้างกองทัพขึ้นมาก็สร้างความเสียหายได้มากพอเช่นกัน”
“ไม่อย่างนั้น อาศัยเพียงผู้ฝึกยุทธ ต่อให้เรามีจำนวนเป็นล้าน มันก็ไม่พอป้องกันอยู่ดี”
“กระนั้น ไม่ใช่ทางเข้าถ้ำใต้ดินทั้ง 22 แห่งจะถูกปกป้องโดยผู้ฝึกยุทธ นอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ของเราจะเป็นแค่ขั้นหนึ่งขั้นสอง”
“จำนวนผู้ฝึกยุทธที่ประจำการอยู่ที่ถ้ำใต้ดินก็มีไม่มากเช่นกัน เวลาเดียวที่ผู้ฝึกยุทธถูกเรียกตัวไปถ้ำใต้ดินคือช่วงที่สถานการณ์เลวร้าย”
“ในถ้ำใต้ดิน พลังสังหารของปราณและเลือดทรงพลังยิ่งกว่า ยกตัวอย่างผู้ฝึกยุทธขั้นสามสามารถเอาชนะกองทัพธรรมดาของถ้ำใต้ดินได้อย่างง่ายดาย…”
“อะไรนะ?”
ครั้งนี้ไม่ได้มาจากฟางผิง แต่เป็นนักศึกษาคนนึงที่ตกใจกับคำพูดนี้ เขากล่าว “สิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินมีกองทัพเป็นของตัวเองด้วย?”
ไป๋รั่วซีพูดย้ำอีกครั้ง “พวกมันมีอารยธรรมเป็นของตัวเอง ไมได้เป็นเหมือนซอมบี้อย่างที่เธอคิด เธอเข้าใจที่อาจารย์พูดไหม?”
ครั้งนี้เป็นฟางผิงที่เป็นคนออกความเห็น “อารยธรรม? อาจารย์พูดไว้ว่าพลังงานทุกอย่างจะไม่ทำงานในถ้ำใต้ดิน แล้วพวกมันสร้างอารยธรรมขึ้นมาโดยไม่ใช้ทรัพยากรอะไรเลยได้อย่างไร?”
“พวกมันใช้ชีวิตโดยไม่มีอาหาร?”
“ไม่มีไฟ?”
“แล้วแสงอาทิตย์ล่ะ?”
“ถ้าพวกมันไม่มีดวงอาทิตย์ที่ให้กำเนิดพลังงานความร้อน พวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้จริงเหรอ?”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว พวกมันมีพลังงานและทรัพยากร มันแค่ไม่เหมือนกับของเรา”
“ในถ้ำใต้ดิน สิ่งมีชีวิตจะมีระบบพลังงานพิเศษเป็นของตนเอง อาจารย์มั่นใจว่าพวกเธอคงเคยอ่านนิยายวิทยาศาสตร์หรือเคยดูละครทีวีใช่ไหม?”
“ให้คิดว่ามันเป็นเหมืองพลังงาน พวกมันสามารถใช้แร่พลังงานเพื่อสร้างแสงสว่างหรือทำอาหาร รวมถึงการสร้างสิ่งปลูกสร้างและอาวุธด้วย”
แววตาของฟางผิงเบิกกว้าง “เราใช้แร่พลังงานเพื่อสร้างอาวุธสมัยใหม่ไว้สังหารพวกมันได้ไหม?”
“ทำได้!”
ไป๋รั่วซียืนยัน แต่เธอก็ถอนหายใจ “อย่างไรก็ตามเหมืองพลังงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดิน ดังนั้นมันจึงถูกป้องกันไว้อย่างหนาแน่น”
“ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์ขั้นเก้าสามท่านลงลึกเข้าไปในโลกถ้ำใต้ดิน พยายามเข้าไปแย่งชิง”
“เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจำนวนมากออกมาไล่ล่าสังหาร สุดท้ายปรมาจารย์ขั้นเก้าคนนึงล้มลง อีกสองคนบาดเจ็บสาหัส”
“มันอันตรายเกินไป เพราะเหมืองพลังงานตั้งอยู่ลึกลงไปในถ้ำใต้ดิน”
“หลายปีมานี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่คิดที่จะบุกดินแดนพวกมัน แต่ถ้าไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย เราจะไม่ทำ เมื่อเราเข้าไปลึกๆ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ส่วนลึกของถ้ำใต้ดินที่ปกติไม่โจมตีทางเข้าจะเริ่มสังเกตเห็นเรา”
“เมื่อพวกมันตระหนักว่าเราเข้าไปลึกขึ้น พวกมันอาจถูกกระตุ้นให้โจมตีเรา ซึ่งเราจะเป็นปัญหายิ่งขึ้น!”
จากนั้นฟางผิงก็ไม่มีคำถามอะไรอีก สรุปก็คือมนุษย์กำลังเสียเปรียบมาก
พวกเขาต้องป้องกันตลอด!
โจมตีสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้ทางเข้า มันจะช่วยลดผลกระทบของการโจมตีทางเข้าถ้ำใต้ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าฟางผิงจะหยุดถาม แต่ฟู่ชางติ่งนึกถึงคำถามสำคัญขึ้นมาได้ เขาถามทันที “อาจารย์ สิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“แข็งแกร่งมาก!”
ไป๋รั่วซีตอบอย่างเคร่งขรึม “กองทัพธรรมดาของพวกมัน หรือที่เรียกว่าทหารตัวเบี้ย ปกติจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นหนึ่ง”
“กลับกัน ขั้นสองขั้นสามของพวกมันมีมากกว่านั้นอีก”
“แน่นอน ขั้นกลางและขั้นสูงก็มีจำนวนพอควรเช่นกัน”
“แต่พวกมันจะอยู่แต่กับดินแดนของตนเอง…”
ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ
“กล่าวคือ สิ่งมีชีวิตใกล้ทางเข้าถ้ำใต้ดินในเทียนหนานแทบไม่เคยไปทางเข้าถ้ำใต้ดินแห่งอื่นเลย นี่เป็นเหตุผลหลักเช่นกันที่ทำไมเราถึงป้องกันทุกทางเข้าไว้ได้”
“กลับกันผู้ฝึกยุทธของมนุษย์มีความคล่องตัวสูง เราสามารถรวมตัวกันเพื่อมาป้องกันอยู่จุดเดียว พยายามกวาดล้างพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าพวกมันจะมากระจุกรวมกัน”
จากคำอธิบายเรื่องถ้ำใต้ดินของไป๋รั่วซี ทุกคนในห้องเรียนจึงมีความประทับใจเกี่ยวกับถ้ำใต้ดินคร่าวๆ
สุดท้าย นักศึกษาก็มึนงง กังวล หวาดกลัว แต่บางคนก็รู้สึกกระตือรือร้นเช่นกัน…