World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 126.2 พระเจ้าส่งฉันมากอบกู้โลกใบนี้! (2)
สองสามชั่วโมงต่อมา
คลาสเรียนจบลงแล้ว
เมื่อไป๋รั่วซีออกจากห้องเรียน นักศึกษาก็ยังไม่ได้ไปไหน
ฟู่ชางติ่งโอดครวญ “ตอนนี้ทุกอย่างเข้าเค้าแล้ว ฉันรู้สึกมาตลอดว่ามีบางอย่างรบกวนจิตใจ อย่างความลับที่บ้าน ปู่ฉันชอบหายไปทุกปี ตอนนี้ฉันว่าปู่คงไปถ้ำใต้ดิน”
หยางเสี่ยวม่านพยักหน้าและพูดเสริม “ฉันก็คิดเหมือนกัน ฉันรู้สึกมาตลอดว่าขั้นกลางและขั้นสูงเก็บความลับบางอย่างจากเรา”
“ถ้าถ้ำใต้ดินอันตรายจริงๆ คงไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้”
“ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธทุกคนที่ยอมเสียสละตัวเอง จากที่อาจารย์ไป๋บอก ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางและขั้นสูงต้องเข้าร่วมโดยไม่คำนึงถึงอันตราย”
เมื่อฟางผิงได้ยินความเห็นของเธอ เขาก็ตอบ “ฉันว่าเธอพูดถูก แต่ต้องมีคนที่ไม่ยอมเสี่ยงแน่นอน”
เขาสงสัย ‘ลัทธิชั่วร้ายประกอบด้วยขั้นกลางและขั้นสูงที่ไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าร่วมสงครามใช่ไหมนะ?’
ยิ่งกว่านั้น ภารกิจที่กองทัพทำยังเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธเสมอ
ฟางผิงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่ผู้ฝึกยุทธจะก่อการร้าย
เขาคิด ‘ผู้ฝึกยุทธที่ปฏิเสธไม่ยอมเข้าถ้ำใต้ดินจะถูกหมายจับ?’
‘เป็นไปได้ไหมว่าหลังเป็นขั้นกลาง เราจะโดนบังคับให้ไปทำภารกิจ?’ ฟางผิงยังคงมีข้อสงสัย แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิด เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่
การจะเลี้ยงดูให้คนๆนึงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง มันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ถ้าคนเหล่านี้ไม่ยอมเข้าร่วมสงคราม รัฐบาลย่อมไม่พอใจ
รัฐบาลย่อมต้องการสิ่งตอบแทนเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษที่ผู้ฝึกยุทธได้รับ
ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาเข้ามหาลัยวิชายุทธ คนอย่างฟางผิงก็ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย
ทรัพยากรที่มหาลัยจัดหาให้ย่อมต้องได้สิ่งตอบแทน
ที่บอกว่ารับภารกิจโดยสมัครใจย่อมมีข้อจำกัด
แม้พวกเขาจะบอกว่าภารกิจเน้นสมัครใจเป็นหลัก แต่ดูเหมือนมันจะมีข้อกำหนดเบื้องต้นอยู่บ้าง
หลังนักศึกษาคุยกันเสร็จ บางคนก็รู้สึกตื่นเต้น บางคนก็รู้สึกกังวล
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป
…..
เมื่อพวกเขากลับมาถึงหอพัก ฟางผิงก็โทรหาหลี่เฉิงเจ๋อ
“บริษัทจัดส่งต้องเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น! เว็บไซต์อาหารและเครื่องดื่มก็พร้อมให้เร็วที่สุด ผมจะโอนเงินให้ 8 ล้านหยวนไปยังบัญชีของบริษัทในวันพรุ่งนี้ ให้รีบด่วน!”
ก่อนหน้านี้ฟางผิงยังค่อนข้างสงบ แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงความเร่งด่วน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมรุ่นพี่ถึงออกไปทำภารกิจตลอด เพราะทุกคนรู้ถึงความเร่งด่วนนี้นี่เอง
มหาลัยอาจบอกพวกเขาล่วงหน้าเพื่อจงใจให้พวกเขารู้สึกกังวล
ไม่งั้นนักศึกษาจะไม่หวงแหนเวลาอันมีค่านี้ แม้มหาลัยจะประกาศลดทรัพยากรลง แต่คงไม่มีใครเข้าใจความเร่งด่วนนี้ได้
เมื่อรวมเข้ากับแผ่นดินไหวที่เซี่ยงไฮ้เมื่อคืนก่อน มันก็แปลว่าเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้ปลอดภัยเช่นกัน?
ถ้าเซี่ยงไฮ้ที่มียอดยุทธมากมายนับไม่ถ้วนก็ไม่ปลอดภัย งั้นมันก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ฟางผิงต้องคว้าโอกาสนี้ทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ แม้ว่าตอนหลังเงินจะไร้ประโยชน์ แต่ฟางผิงก็สบายใจขึ้นถ้าเขารู้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินเพียงพอในอนาคต
คืนนั้น อาจเป็นเพราะความกดดันหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ฟางผิงขัดเกลากระดูกได้สำเร็จ
เขาขัดเกลากระดูกน่องขวาเสร็จแล้ว และตอนนี้ขาดแต่กระดูกโคนขาและกระดูกสะบ้าเท่านั้น เขาจะขัดเกลากระดูกสมบูรณ์
ตอนกลางดึก
หลังฟางผิงชำเลืองมองอินเตอร์เฟสของระบบ เขาก็พลันอุทานขึ้นมา “พระเจ้า เป็นไปได้ไหมว่าพระเจ้าส่งฉันลงมากอบกู้โลก? เพราะยังไงฉันก็เป็นเพียงคนเดียวที่มีระบบ!”
เมื่อเขาคิดได้แบบนั้น ฟางผิงก็บ่นออกมาทันที “เป็นฉันไม่ได้! เหล่าหวังเหมาะกว่าฉันอีก!”
‘ฉันหมายถึง ชายคนนั้นก้าวหน้าเร็วกว่าฉันอีก มันพูดยากว่าใครจะเป็นคนกอบกู้โลกกันแน่’
….. Aileen-novel
ส่วนนอกของถ้ำใต้ดิน
ภูเขาเขียวขจี สายน้ำสะอาดสดใส หวังจินหยาง ผู้ที่ฟางผิงคิดว่าสามารถกอบกู้โลกได้กำลังเหนื่อยหอบลากฉินเฟิ่งชิงวิ่งหนีกลางทุ่งหญ้าอย่างบ้าคลั่ง ภาพในตอนนี้มองไม่เห็นผู้ที่มีศักยภาพพอกอบกู้โลกได้เลยสักนิด
หลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปพักใหญ่ หวังจินหยางที่ใบหน้าปกคลุมด้วยคราบฝุ่นก็ร้องตะโกน “ไอ้ปัญญาอ่อน!”
“ฉันพยายามช่วยแก แต่ดูเหมือนแกจะอยากตาย!”
“ฉันบอกแกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าหมู่บ้านมันใหญ่ และมีโอกาสสูงว่ามียอดยุทธอยู่ด้วย แต่แกไม่ฟังฉันเลยใช่ไหม? แกดันไปเสี่ยง ฉันรู้สึกโง่มากที่เลือกมากับแก!”
หวังจินหยางที่เยือกเย็นและสุภาพที่ฟางผิงรู้จักตอนนี้กำลังสบถคำหยาบทุกคำ
ฉินเฟิ่งชิงที่ถูกลากมาด้วยดาบหายไปไหนไม่รู้แล้ว ร่างกายเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ เขาหอบ “หยะ…อย่าด่าฉันสิ ฉะ…ฉันเห็นเหมืองพลังงาน…มันใหญ่เท่ากำปั้น!”
“แม่งเอ้ย ถ้าเราได้มา เราจะรวย!”
“แม่ง เรา…เราต้องหาตัวช่วย เราสองคนสู้พวกมันไม่ไหว…”
“แล้วจะหาใครล่ะ?”
หวังจินหยางกล่าว “ในมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่มีใครมาช่วยเราได้ พวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ บางคนก็ยังบาดเจ็บจากการไปถ้ำใต้ดินในเทียนหนานครั้งก่อน”
“และฉันก็ไม่เชื่อใจคนของโม๋อู่ ฉันพนันเลยว่าไอ้พวกนั้นคงจะฆ่าฉันก่อนถ้ามีโอกาส”
“ด้านนึงก็ไม่เชื่อใจ อีกด้านนึงก็อ่อนแอเกินไป”
“คนอ่อนแอก็ใช้การไม่ได้”
“คนแข็งแกร่งก็จะพยายามฆ่าฉัน”
เมื่อฉินเฟิ่งชิงเห็นว่าหวังจินหยางไม่ได้วิ่งหนีแล้ว เขาก็ทรุดลงกับพื้นแลหอบแห่กๆอย่างจนใจ “ฉันทะลวงขั้นสามเร็วเกินไป ฉันก็มีเวลาไม่พอสร้างทีมเหมือนนายนั่นแหละ”
“มันไม่ง่ายเลยที่จะหาคนมาชั่วคราว”
“แล้ว…แล้วนายคิดยังไงกับฟางผิงล่ะ?”
“เขาพึ่งขัดหนึ่ง!”
“เขาก้าวหน้าเร็วมาก…”
หวังจินหยางครุ่นคิดและส่ายหน้า “ไว้เราจะกลับมาที่นี่ทีหลัง นายไม่รู้สึกเหรอว่าพื้นที่แถบนี้มันแปลกๆ? หมู่บ้านส่วนใหญ่ว่างเปล่า เหมือนกับทุกคนย้ายไปที่ทางเข้าถ้ำใต้ดิน”
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันอาจเกิดเหตุการณ์เหมือนที่เทียนหนานซ้ำอีก”
ฉินเฟิ่งชิงตอบอย่างเฉยชา “มีผู้ฝึกยุทธมากมายในเซี่ยงไฮ้ ไม่ต้องกังวลหรอก”
หวังจินหยางตำหนิเขาอีกครั้ง “เจ้าโง่ ฉันหมายถึงเราจะเป็นเหมือนเหยื่อในเทียหนาน ไม่ช้าก็เร็วทางเข้าจะถูกปิด และปรมาจารย์จะมาปิดกั้นทางเข้าไปพักนึง”
“แน่นอน พวกเขาอาจปิดปั้นทางเข้าอย่างมากสักครึ่งปี แต่ช่วงเวลานั้น เราจะติดอยู่ในนี้!”
การคุยกับคนโง่ไม่ต่างอะไรกับการคุยกับกำแพง!
ถ้าพวกเขาติดอยู่ข้างใน พวกเขาจะตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา
ความคิดนี้ทำให้หวังจินหยางนึกถึงอาจารย์เขา จางชิงหนาน
แม้ว่าจางชิงหนานจะเอาชีวิตรอดในถ้ำใต้ดินได้ แต่ทางเข้าในเทียนหนานถูกปิดไปแล้ว มันคงไม่เปิดไปพักนึง แม้เขาจะรอดชีวิต เขาก็ยังอยู่ในอันตราย
“หวังว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้อีกสักพักนะ…”
หวังจินหยางถอนหายใจ ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไป แม้ว่าปรมาจารย์จะไม่ได้ปิดทางเข้า แต่ถ้าเขาเข้าไป เขาก็คงอยู่รอดไม่ถึงวัน
ต่อให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาก็คงไม่มีปัญญาเข้าไปลึกพอเพื่อค้นหาโดยละเอียด
หลังเขาครุ่นคิดเสร็จ หวังจินหยางก็พลันพูดขึ้น “ถ้าอยากเอาแร่พลังงานจริงๆ กลับไปรักษาตัวสักสองสามวันค่อยกลับมาเถอะ มันคงพอให้เราทั้งคู่เลื่อนขั้นพลัง นายจะสามารถทะลวงขั้นสู่ขั้นสี่ ส่วนฉันก็จะเข้าสู่ขั้นห้า!”
“ตกลง…”
ฉินเฟิ่งชิงค่อนข้างหดหู่เมื่อเห็นบาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกาย ‘ฉันว่าฉันโชคดีพอควรนะ ไม่กี่ครั้งก่อนมันไม่เห็นจะแย่ขนาดนี้เลย’
‘แต่ครั้งนี้ เขาพาหวังจินหยางที่แข็งแก่งกว่ามาด้วย แต่เขาดันโชคร้าย เป็นไปได้ไหมว่าหวังจินหยางทำฉันดวงซวย?’
ฉินเฟิ่งชิงคร่ำครวญอยู่ในใจ เขาไม่กล้าพุดออกมาเสียงดัง เขาพลันรู้สึกว่าการพาหวังจินหยางมาด้วยอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีก็ได้
ขณะที่พวกเขาลากร่างกายอันเหนื่อยล้าของตนเดินไป ฉินเฟิ่งชิงก็พลันโพล่งออกมา “บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าโลกใบนี้สวยงามถ้าหากไม่มีสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ที่จริงฉันคิดว่ามันสวยกว่าโลกเราอีก”
“งั้นนายก็ไปแต่งงานกับสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินสิ ลองดูสิว่าครอบครัวของเธอจะยอมรับนายไหมถ้านายย้ายมาอยู่กับเธอ”
“ฮ่าๆ ช่างมันเถอะ ฉันกลัวตายเหมือนกัน นายก็รู้”
“นายกลัวตาย? จากที่ฉันเห็น นายค่อนข้างสนิทกับความตายนะ ถ้าฉันเห็นว่านายพูดจาไร้สาระโดยไม่ฟังคำเตือนฉันอีก ฉันฆ่านายเอง!”
หวังจินหยางยังคงใจเต้นตุ้มๆต่อมๆจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ‘ไอ้เวรเอ้ย’ เขาคิด ‘ถ้าฉันตอบสนองได้ไม่เร็วพอ พวกเราคงกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว’