World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 132.2 ภารกิจแรก (2)
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดต่อ ถังเฟิงจึงไปจัดทีมอื่น
เฉลี่ยความแข็งแกร่ง นี่เป็นสิ่งที่ถังเฟิงพิจารณา
ตอนนี้คนที่ขัดเกลากระดูกมากกว่า 31 ชิ้นในคลาสมีอยู่ประมาณ 30 คน
ในทีมนึงจะมีเฉลี่ย 6 คน
ทีมอื่นก็ถูกแบ่งอย่างเท่าเทียม
แน่นอน ในทีมฟางผิง นอกจากเขา จ้าวเสวี่ยเหมยและถังซ่งถิง มีอีกสองคนเท่านั้นที่ขัดเกลากระดูกไปแล้วข้างนึง นับเป็นครึ่งนึงเป๊ะ ส่วนอีก 5 คนอ่อนแอกว่าเล็กน้อย
ขัดเกลากระดูก 31 ชิ้นเป็นตัวบ่งชี้ว่าขัดเกลากระดูกเสร็จไปแล้วข้างนึง ถือเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลาง
กลับกัน คนที่ขัดเกลากระดูกน้อยกว่า 31 ชิ้นจะเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นต้น
แน่นอนบางคนก็ขัดเกลากระดูกแขน ดังนั้นจำนวนกระดูกจึงต่างออกไป พวกเขาจะถูกจำแนกโดยขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาขัดเกลากระดูกเสร็จไปแล้วข้างนึงแล้วหรือไม่
ในบรรดาหัวหน้าทีมห้าคน นอกจากฟางผิงที่ขัดเกลากระดูก 40 ชิ้น อีก 4 คน จ้าวเหล่ยถือว่าขัดเกลากระดูกมากสุด เขาขัดเกลาไปแล้ว 49 ชิ้น
ฟู่ชางติ่งกับคนอื่นๆก็เกือบพอๆกัน ซึ่งไม่น้อยไปกว่า 45 ชิ้น
เมื่อสร้างทีมเสร็จแล้ว ถัดไปก็เป็นการกำหนดอาจารย์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลู่เฟิ่งโหรวไม่อาจชี้แนะกลุ่มฟางผิงได้ สุดท้ายโจวสือผิง อาจารย์ที่อาวุโสที่สุดก็ได้เป็นอาจารย์ของทีมฟางผิง
โจวสือผิงเป็นคนสงวนท่าที เขาเชี่ยวชาญวิชาฝ่ามือ วิชาที่ไม่ค่อยมีคนเรียน เขาจึงมีศิษย์ไม่มากนัก
ตัดสินจากรูปลักษณ์ โจวสือผิงดูอายุราวๆ 50 ปี แต่เขาเกือบ 60 แล้ว เขาดูผอมแห้งอ่อนแอ
เมื่อกำหนดอาจารย์เสร็จ โจวสือผิงก็ดูทีมฟางผิงครู่นึง เขาพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลู่เฟิ่งโหลวถูกกำหนดให้ไปอยู่ทีมเฉินหยุนซี ถังเฟิงทีมฟู่ชางติ่ง ฟู่ชางติ่งหน้าถอดสี เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
หลัวอี้ชวนและสวี่เจี้ยนโจวถูกกำหนดให้ไปชี้แนะศิษย์ทั้งสองของถังเฟิง
เมื่อแบ่งทีมแบ่งอาจารย์เสร็จแล้ว ถังเฟิงก็พูดต่อ “ทุกคนกลับไปเก็บกระเป๋า นำอาวุธกับเม็ดยาไป เน้นเม็ดยาปราณและเลือดกับน้ำเยียวยา ใครไม่มีน้ำเยียวยาไปซื้อกันได้ 5 คะแนนต่อขวด มันมีผลรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก”
“นอกจากนี้ ค่าเดินทาง ทางมหาลัยจะจ่ายเอง และรวมถึงน้ำเยียวยาขวดนึง เม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 5 เม็ด และเม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 1 เม็ด”
“เยอะมาก!”
นักศึกษาหลายคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า คลาสฝึกพิเศษปฏิบัติต่อนักศึกษาดีมาก
เดือนก่อน ทุกคนได้รับเม็ดยาปราณและเลือดสามัญราว 20 เม็ด
ฟางผิงกับอีกสองสามคนได้มากกว่านั้นหน่อย ฟางผิงได้ประมาณ 25 เม็ด แต่เขายังไม่เคยใช้เลยสักเม็ด
ยา 20 เม็ดก็เท่ากับ 60 คะแนน
คราวนี้เขาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเม็ดยารวม 30 คะแนน ไม่ถึงเดือนหลังเข้าคลาสฝึกพิเศษ ทุกคนก็ได้ไปเกือบคนละร้อยคะแนน!
ถ้าพวกเขานำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน มันจะเป็นมูลค่าถึง 3 ล้าน!
และอย่างที่พูดไว้ ผลงานของแต่ละคนจะเป็นตัวตัดสินรางวัล แถมทางมหาลัยได้เพิ่มรางวัลเป็นสองเท่า สิทธิพิเศษแบบนี้ทำให้ใบหน้าของหลายคนเปล่งประกายด้วยความยินดี
ถังเฟิงพูดอย่างเมินเฉย “นี่เป็นมหาลัยจ่ายเอง จ่ายไม่อั้น ทุกคนน่าจะเข้าใจที่ฉันสื่อ!”
“ในสายตาผู้ฝึกยุทธ ทุกคนควรตระหนักดีถึงการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม!”
“หว่านอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น”
“ตอนท้าย พวกคุณบางคนอาจไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองได้ อย่าง…มีคนเสียชีวิตตอนทำภารกิจ!”
“ฉันไม่ได้พูดเล่น อาจารย์ที่ชี้แนะคุณจะพยายามรับประกันความปลอดภัย”
“อย่างไรก็ตามอาจารย์ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน พวกเขาทำพลาดได้ มีเรื่องที่ต้องทำ เหล่าอาจารย์ก็ต้องดำเนินชีวิตประจำวันด้วย พวกคุณไม่สามารถคาดหวังให้อาจารย์ปกป้องได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“การเสียชีวิตอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“สิ่งที่มหาลัยทำให้คุณอาจดูเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่ที่จริงเราทำเท่าที่ทำได้แล้ว คุณต้องเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร”
“นี่คือทั้งหมดที่ฉันบอกพวกคุณได้ อาจารย์จะจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นให้พวกคุณ เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้”
“ไม่ว่าจะไปทำภารกิจหรือไปเที่ยวชม พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่มหาลัย!”
บางคนตอบด้วยความตกใจ “เที่ยวชม?”
หลัวอี้ชวนที่เงียบมาตลอดตอบอย่างไร้ความรู้สึก “ถ้ำใต้ดินมีสถานที่ที่สวยงาม พวกเธอทำเหมือนไปเที่ยวชมวิวชมทิวทัศน์ก็ได้”
ทุกคนเงียบสนิททันที พูดเป็นเล่นน่า ขนาดขั้นสามยังตาย ไม่มีใครอยากไปเที่ยวหรอก!
หลัวอี้ชวนเป็นอาจารย์ชี้แนะทีมจ้าวเหล่ย จ้าวเหล่ยหน้าเปลี่ยนสี เหล่าหลัวคงไม่พาพวกเขาไปเที่ยวชมถ้ำใต้ดินจริงๆหรอกใช่ไหม?
…..
ทั้งห้าทีมแยกย้ายกันไปคุยกับอาจารย์ประจำทีม
ทีมฟางผิง ไอรีนโนเวล
โจวสือผิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก และเขาเป็นคนมีแนวคิดประชาธิปไตย เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน โจวสือผิงก็ยิ้มเล็กน้อย “ฟางผิงยอมรับภารกิจได้เลย เธอเคยเห็นระบบภารกิจมาแล้วใช่ไหม? ไปหารือกับทุกคนว่าจะเลือกภารกิจไหน ความรับผิดชอบหลักของอาจารย์คือปกป้องพวกเธอ”
“พวกเธอจัดการเรื่องอื่นได้ด้วยตัวเอง”
ฟางผิงสังเกตเห็นสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เขา เขาคิดอยู่ครู่นึงแล้วกล่าว “ในตอนแรก เราควรรับภารกิจง่ายๆเพื่อฝึกซ้อมก่อน…”
“ฟางผิง ความสามารถของเราไม่ได้อ่อนแอ แถมยังมีคนเยอะ ฉันว่าเรารับภารกิจขั้นสองได้”
“เรามีเวลาไม่มาก ถ้าเราล่าช้า เดือนเดียวอาจผ่านไปในพริบตา”
บางคนก็แสดงความเห็นต่างออกไป
ทุกคนที่เสนอความเห็นตอนนี้ย่อมเป็นคนที่มีความมั่นใจในความสามารถของตน คนที่พูดขึ้นมาคือถังซ่งถิง เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของฟู่ชางติ่งที่ถูกฟู่ชางติ่งทุบตีมาหลายปี
ฟางผิงขมวดคิ้วแล้วตอบ “ในพวกเรา 10 คน มีใครเคยรับภารกิจมาก่อนไหม?”
“มีใครเคยสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นสองมาก่อนไหม? ฉันกำลังพูดถึงการสู้แบบชี้เป็นชี้ตาย!”
“พวกเราหลายคนไม่เคยสู้กับผู้ฝึกยุทธมาก่อน อะไรที่ทำให้นายคิดว่าเรารับภารกิจขั้นสองได้?”
“ตัดเรื่องไร้สาระไป ฉันจะพูด นายแค่ฟังก็พอ!”
“นาย!”
ถังซ่งถิงหน้าแดงก่ำ ฟางผิงพูดอย่างอาจหาญ “ถ้านายไม่พอใจ เรามาสู้กันก็ได้ ใครชนะก็ฟังคนนั้น!”
ถังซ่งถิงห่อเหี่ยวลงทันที เขาแค่นเสียงและไม่ได้พูดอะไรอีก
“ก็แค่นั้น ฉันเป็นหัวหน้าทีม อาจารย์โจวไม่แสดงความเห็น ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปทุกคนควรฟังความเห็นฉัน”
“ฉันไม่สนใจประชาธิปไตย หรือกฎเสียงข้างมาก”
“ในเดือนหน้า พวกนายควรฟังฉันเท่านั้น คนที่ไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่บังคับ พวกนายออกไปรับภารกิจเองได้เลย ฉันขออย่างเดียวอย่าเป็นตัวถ่วงฉัน”
หลังพูดจบ ฟางผิงก็พูดต่อ “ภารกิจแรกไม่จำเป็นต้องไกลเกินไปหรือยากเกินไป”
“ฉันดูระบบภารกิจมาแล้ว กรมสืบสวนมีภารกิจจับกุมผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลาง!”
“มันหาได้ยากมากที่ได้เห็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลางในกรมสืบสวน ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลางมักจะได้รางวัลเป็นเงินสดแสนหยวน”
“ส่วนรางวัลขั้นหนึ่งชั้นสูงหรือขั้นหนึ่งสูงสุด เงินรางวัลจะอยู่ที่สองแสนหยวน”
“ส่วนขั้นสอง รางวัลจะเริ่มที่สามแสนหยวน หรือเทียบเท่ากับสิบคะแนน”
“ในเมื่อเป็นภารกิจซ้อมมือ เราจะเริ่มฝึกจากขั้นหนึ่งชั้นกลาง…”
ถังซ่งถิงไม่ค่อยเต็มใจนัก จ้าวเสวี่ยเหมยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “ฟางผิง ขั้นหนึ่งชั้นกลางคือพึ่งขัดเกลากระดูกแขนขาข้างนึงเสร็จ ในทีมเรา มีพวกเราสามคนแล้วที่ขัดเกลากระดูก 40 ชิ้น”
“ทำไมนายไม่คิดว่า…”
“เราควรเริ่มซ้อมมือก่อน จากนั้นค่อยสังเกตเงื่อนไข ทำไมพวกนายถึงเร่งรีบจัง!”
ฟางผิงรู้สึกจนใจ ทุกคนเป็นมือใหม่รวมทั้งเขาด้วย แถมยังไม่รู้อะไรเลย ทำไมต้องเร่งรีบด้วยล่ะ!
โจวสือผิงพูดขึ้นมาทันที “ภารกิจจะคำนวณตามคะแนน ส่วนรางวัลเป็นเงินสด จะคำนวณ 3 หมื่นหยวนต่อ 1 คะแนน”
“สิ้นเดือนจะนับคะแนนรวมกัน ทีมที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับคะแนนต่ำสุด 100 คะแนนเป็นรางวัล!”
“ฟางผิง นายได้ยิน…”
“เงียบ!”
ฟางผิงตัดบทถังซ่งถิง เขาขมวดคิ้ว “คำพูดของฉันถือเป็นที่สุด เราจะเริ่มฝึกจากผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลาง เราไม่รู้เลยว่าภารกิจจะเป็นยังไง เราจะสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นสองตั้งแต่แรกเลยได้ยังไงกัน?”
“ถ้านายพูดอีกคำ นายออกไปจากนี่ได้เลย!”
ถังซ่งถิงสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ เขาข่มความโกรธและเบือนหน้าไม่มองฟางผิงอีก
ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน คนพวกนี้ประเมิณตัวเองสูงไป พวกเขายังเด็ก และอาจเกิดปัญหาได้ตลอดเวลา
มันจะง่ายกว่าถ้าเขาโน้มน้าวทีม อย่างน้อยเขากลัวตาย เขาจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
มันพูดยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทีมอื่น ครั้งนี้อาจมีคนตายด้วยซ้ำ
ฟางผิงกระทั่งสงสัยว่ามหาลัยวางแผนให้อาจารย์เฝ้าดูนักศึกษาตาย!
มันจะเป็นการกระตุ้นนักศึกษา ปล่อยให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของความตาย!
ทุกวันนี้มันเหมือนการพูดปากเปล่า มีอันตราย อาจมีคนตาย แต่มีใครคิดจริงจังบ้าง?
เมื่อพวกเขาเห็นคนตายจริงๆ นักศึกษาก็ย่อมเติบโตขึ้นทันที ฟางผิงเคยมีประสบการณ์เช่นเดียวกันมาก่อน
การใช้ชีวิตของคนอื่นเพื่อแลกกับการเบิกเนตรนักศึกษาอัจฉริยะรุ่นใหม่ถือเป็นความคิดที่ดี
นี่คือความจริงของมหาลัยวิชายุทธ!
ฟางผิงไม่พูดอะไรอีก เขาล็อคอินเข้าสู้ระบบภารกิจโดยใช้คอมพิวเตอร์ในโรงฝึกและเลือกภารกิจที่เขาเห็นว่าเหมาะสม
เมื่อเขายอมรับภารกิจแล้ว ฟางผิงก็ได้รับข้อความรายละเอียด
“ชื่อ : หลิงจวิน
เพศ : ชาย
อายุ : 34 ปี
ความสามารถ : ขั้นหนึ่งชั้นกลาง ขัดเกลากระดูก 31-35 ชิ้น ไม่มีอาวุธปืน อาจพกพาอาวุธเย็น ฝึกฝนวิชาเพลงหมัดพื้นฐาน ไม่มีทักษะต่อสู้เป็นพิเศษ
คดี : วันที่ 30 สิงหาคม 2008 ได้ต่อสู้กับผู้อื่น ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปหลังสังหารเหยื่อ เหยื่อเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นกลาง
คดีนี้ถูกส่งมอบให้กับกรมสืบสวนสาขาเขตเหนือเซี่ยงไฮ้ ผู้ที่ต้องการรับภารกิจนี้สามารถติดต่อสาขาย่อยเขตเหนือเพื่อขอข้อมูลรายละเอียด…
รางวัล : 120,000”
ภารกิจนี้มีรายละเอียดมาก แถมยังมีรูปภาพอีกหลายรูปแนบมาด้วย
หลังรับภารกิจนี้ ฟางผิงก็กล่าว “พรุ่งนี้เราจะไปดูที่กรมสืบสวนเขตเหนือก่อน”
ถังซ่งถิงกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่ฟางผิงพูดขึ้นมาอย่างราบเรียบ “เราควรไปทำความรู้จักกับคนในกรมสืบสวนก่อน เราจะไปสังเกตสถานการณ์และสอบถามตำแหน่งโดยประมาณของอีกฝ่าย แน่นอน ถ้านายพบตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ในคืนนี้ พรุ่งนี้เราก็จะไปจับเขาได้โดยตรงเลย”
ไม่มีใครพูดอะไร แม้แต่โจวสือผิงก็เงียบ ถังซ่งถิงเม้มปากเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขายอมรับแผนการของฟางผิงอย่างเงียบๆ