World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 135 สู้ตาย
มีคนเข้ามาขวางทางเขา
สือเฟิงรู้ว่าตนเองอาจตาย คนแบบนี้ต้องสู้ตายแน่นอน
ฟางผิงอยากสั่งล่าถอย แต่เมื่อเห็นพวกจ้าวชิงพุ่งทะยานเข้าหา และสือเฟิงหยุดฝีเท้าลง เขาก็รู้แล้วว่ามันสายเกินไปแล้ว
เขาอาจไม่ได้รับบาดเจ็บถ้าพวกเขาล่าถอย แต่พวกจ้าวชิงไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
โจวสือผิงจะยื่นมือเข้ามาช่วยไหม?
ฟางผิงไม่รู้
อาจารย์บางคนนี่ก็เลือดเย็นจริงๆ!
พวกเขาเห็นความตายมามากเกินไป พวกเขาอาจจะยังสนใจชีวิตของตนเอง แต่ไม่ใช่กับชีวิตผู้อื่น
พวกเขาอาจคิดว่าการบาดเจ็บสาหัสหรือการล้มตายของคนอย่างจ้าวชิงคงเป็นการลงทุนที่ยอมรับได้ ถ้ามันหมายถึงฟางผิงและคนอื่นๆมีแรงผลักดันเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองในอนาคต
‘ฉันไม่เห็นจำเป็นต้องเก่งไร้เทียมทานเลย!’
เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเรียกร้องคำตอบอะไรก็ต้องเก็บไว้ภายหลัง
พวกเขาไม่อาจตื่นตระหนก ถ้าพวกเขาตื่นตระหนกแล้วถูกกำจัดทีละคน มันคงเป็นปัญหาใหญ่
ฟางผิงตะโกน คนอื่นถอย! ถัง จ้าว ล้อมเขาพร้อมกับฉัน!
เวลานั้นเอง สือเฟิงก็เคลื่อนไหว ลงมือกับจ้าวเสวี่ยเหมย!
ไม้พลองของเธอเหมือนจะอันตรายน้อยกว่าดาบของถังซ่งถิง ส่วนฟางผิงก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำ ซึ่งหมายความว่าเขาฆ่าได้ยากกว่าผู้หญิงคนนี้!
จ้าวเสวี่ยเหมยรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสอง เธอให้กำลังใจตัวเอง แววตาเปล่งประกายมุ่งมั่นวูบนึง ไม้พลองในมือกระแทกใส่อกสือเฟิง
ดาบของถังซ่งถิงฟันเข้าใส่จากด้านหลัง ส่วนฟางผิงเกรงนิ้วเท้าเตะเข้าใส่เข่าของสือเฟิง
สือเฟิงไม่ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ เขาเอื้อมมือไปจับไม้พลองอีกครั้ง จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ได้ถอยกลับ สือเฟิงก็ไม่ได้หลบเลี่ยง เมื่อเขาคว้าจับไม้พลองได้ก็เกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน
สือเฟิงบังคับปราณและเลือดทั้งหมดดึงไม้พลองเข้ามาหาตัวอย่างแรงโดยไม่สนใจอาการเหน็บชาในมือ
จ้าวเสวี่ยเหมยสะดุด ปราณและเลือดของเธอด้อยกว่าเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย แถมเธอไม่ได้ขัดเกลากระดูกแขน เมื่อเห็นเจตนาอีกฝ่าย เธอก็สะบัดไม้พลองอย่างแรง
แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ผล
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ใช่คู่มือสือเฟิงเลยสักนิด
มา!
สือเฟิงคำรามเสียงดัง ดีดตัวจากพื้นหลบเลี่ยงเท้าทะลวงของฟางผิง
จ้าวเสวี่ยเหมยยังคงหยุดยื้อกับสือเฟิง แต่อยู่ๆอีกฝ่ายก็หยุดกะทันหัน ส่งผลให้เขาถูกดึงเข้าไปหาเธอ
สีหน้าของจ้าวเสวี่ยเหมยเปลี่ยนไป เธอดูตื่นตกใจและก้าวถอยหลังอย่างเร่งรีบ
อย่างไรก็ตามสือเฟิงตั้งใจจะจัดการกับเธอ เขาไม่ได้สนใจฟางผิงหรือถังซ่งถิง เขาเหยียดตัวตรง ขาขวาสะบัดใส่เอวจ้าวเสวี่ยเหมยเหมือนแส้ จ้าวเสวี่ยเหมยไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งไม้พลองไป
เธอไม่ลังเล เธอปล่อยมือจากพลองทันและก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
พลองยาวอยู่ในมือสือเฟิงแล้ว
เขาจับพลองแน่น แกว่งไปรอบๆ และหวดเข้าใส่ถังซ่งถิงอย่างดุดัน
ถังซ่งถิงก็แกว่งดาบใส่ในเวลาเดียวกัน
เคร้ง…
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมา มือของถังซ่งถิงกระตุกตามแรงปะทะ เขาด้อยกว่าในแง่ความแข็งแกร่ง มือจับดาบเขาสั่นคลอนเพราะการโจมตีของสือเฟิง
เชี่ย!
ฟางผิงสบถ ไม่รู้ว่าสบถใส่จ้าวเสวี่ยเหมยหรือสบถใส่ใคร
อาวุธของผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งขั้นสองจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างมาก ตอนนี้จ้าวเสวี่ยเหมยทิ้งพลองของตัวเองไป แม้ว่าสือเฟิงจะไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาพลอง แต่อาวุธชนิดนี้ก็สามารถถ่ายทอดกำลังอันดุร้ายและทำให้เกิดการบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย
เมื่อขับไล่ความคิดกวนใจออกจากสมอง เขาก็ตะโกนใส่จ้าวเสวี่ยเหมย เธอจัดการส่วนบน ฉันจะจัดการส่วนที่เหลือ! ถัง ถ่วงเวลาสักครู่!
ถังซ่งถิงได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ เขาจับดาบแน่นและปัดป้องอีกฝ่ายสุดกำลัง
เขาขัดเกลากระดูกแขน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงจะสู้กลับโดยสิ้นเชิงในแง่ของความแข็งแกร่ง
เสียงโลหะกระทบกันดังไม่หยุดขณะสือเฟิงหวดใส่เป็นชุด
ส่วนจ้าวเสวี่ยเหมย เธอกำลังโจมตีจากด้านข้าง เธอเม้มปากเพราะอีกฝ่ายหลบได้ทุกครั้ง
แม้จะประกาศว่าจะรับผิดชอบส่วนล่างของสือเฟิง แต่เขาก็เกรงนิ้วเท้าสะบัดใส่แขนขวาของสือเฟิง
เมื่อได้ยินเสียงลมหวีดหวิว สือเฟิงก็ชำเลืองมองด้วยแววตาเบิกกว้าง เขากวาดขาขวาเข้าปะทะกับขาฟางผิง
ฉึก!
ลูกเตะของฟางผิงมีอำนาจทะลวงมากกว่าที่สือเฟิงคาดไว้ ปลายเท้าอีกฝ่ายถึงกับเจาะทะลุผิวหนังจนเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
รนหาที่ตาย!
แววตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด สือเฟิงเลิกพัวพันกับถังซ่งถิง เงื้อมไม้ทุบใส่กะโหลกของฟางผิง
ถังซ่งถิงง่ามมือปริแตก เขารู้สึกโล่งอก ผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
ฟางผิงคาดไว้แล้วว่าสือเฟิงต้องเปลี่ยนเป้ามาเป็นเขา เขาเตรียมหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมันเป็นแค่ลูกหลอกเท่านั้น ไม้พลองในมือสือเฟิงเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน หวดเข้าใส่ถังซ่งถิง
ปัง!
แคร็ก!
เสียงกระดูกหักดังขึ้นมา ถังซ่งถิงหน้าซีดเผือด แขนซ้ายห้อยต่องแต่งอย่างควบคุมไม่ได้
เขาล่าถอยโดยไม่คิดโต้กลับ
ขณะที่สือเฟิงโจมตีถังซ่งถิงสำเร็จ ฟางผิงก็กำลังหลบการโจมตี ส่วนจ้าวเสวี่ยเหมยเตะใส่กลางหลังอีกฝ่าย
สือเฟิงตัวเซเล็กน้อย แต่ก็ไล่ตามถังซ่งถิงต่อโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่หลังและขา
เมื่อแขนซ้ายห้อยต่องแต่งจนเป็นก้อนเนื้อไร้ประโยชน์ ความแข็งแกร่งของถังซ่งถิงก็ลดลงอย่างมาก ถ้าเขาถูกโจมตีอย่างแรงอีกสักที เขาถูกสังหารเป็นแน่
ฟางผิงไม่มีเวลามาเสียใจกับผลกระทบจากความผิดพลาด เขาลงมือต่อทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อสือเฟิงวาดไม้พลองในมือโจมตีใส่เขา ฟางผิงก็ต้องก้าวถอยหลังหลบการโจมตีอย่างคับข้องใจ
ส่งดาบมาให้ฉันแล้วถอยไป!
ฟางผิงตะโกน ถังซ่งถิงที่อยู่ไม่ไกลรู้สึกลังเล แต่เขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาโยนดาบให้ฟางผิงอย่างรวดเร็วและกัดฟันถอยออกมา
จ้าวชิง พวกนายหยุดเขาไว้!
ฟางผิงตะโกนอีกครั้ง จ้าวชิงและพวกก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ้าสือเฟิงไล่ตามถังซ่งถิงที่ไม่มีอาวุธทัน เขาคงตายแน่
ถ้าถังซ่งถิงตาย พวกเขาคงปั่นป่วนแน่ พอถึงตอนนั้นพวกเขาคงจบเห่ตามไปด้วย
สือเฟิงไม่สนใจแนวป้องกันที่อ่อนแอของพวกเขา เขากวัดแกว่งไม้พลองพยายามปัดดาบที่กำลังลอยมาออกไป แต่จ้าวเสวี่ยเหมยเตะเข้าใส่ที่ข้อศอกได้เวลาพอเหมาะพอดี
ฟางผิงเอื้อมมือไปรับดาบ ส่วนสือเฟิงก็ก้าวเท้าหลบหลีก
เมื่อจับดาบได้แล้ว ฟางผิงก็รู้สึกกล้าหาญยิ่งกว่าเดิม เขารีบกวัดแกว่งดาบบุกตะลุย
เคร้ง!
ดาบกับพลองปะทะกันอีกครั้ง ฟางผิงรู้สึกแขนชาเหน็บ สือเฟิงก็ตกใจเช่นกัน ปราณและเลือดของอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย!
เคร้ง…
อาวุธของพวกเขาปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า สือเฟิงไม่ชินกับพลอง เขารู้สึกว่าอาวุธที่กำลังถืออยู่ทำให้เขาออกไม้ออกมือได้จำกัด
เขากัดฟันหลบดาบที่วาดมาและกวาดพลองใส่จ้าวเสวี่ยเหมยที่คอยโจมตีสนับสนุน
ดาบของฟางผิงเหวี่ยงผ่านอากาศดังหวีดหวิวพลันเปลี่ยนทิศทางกะทันหันฟันฉึกเข้าที่เอวสือเฟิง
เสื้อผ้าของสือเฟิงฉีกขาด เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล
แต่เขาไม่สนใจ พลองในมือฟาดเข้าใส่ขาขวาของจ้าวเสวี่ยเหมยที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี
ปัง!
อ้า!
จ้าวเสวี่ยเหมยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความเร็วสูง เหงื่อหยดย้อยจากใบหน้าเป็นสายน้ำเล็กๆ
ไอ้เวร!
ฟางผิงตื่นตระหนก จ้าวเสวี่ยเหมยกับถังซ่งถิงได้รับบาดเจ็บทั้งคู่! สือเฟิงได้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรง ส่วนทีมฟางผิงเสียหน่วยโจมตีหลักไปสองคนแล้ว
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!
ฟางผิงลังเลที่จะทุ่มสุดตัว เขาจะเลือกล่าถอยเมื่อเห็นทีท่าไม่ดี
จุดอ่อนนี้ทำให้เขาออกแรงได้ไม่เต็มที่
ไม่มีเวลามาดูถูกความขี้ขลาดของตัวเอง ในที่สุดฟางผิงก็ตัดสินใจเด็ดขาด เขาไม่เชื่อว่าโจวสือผิงจะเฝ้าดูพวกเขาตายจริงๆ
การได้รับบาดเจ็บสักสองสามครั้งไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น
ฟางผิงเลิกลังเล เขาวาดดาบในมืออย่างรวดเร็ว
สือเฟิงดูเหมือนค้นพบจุดอ่อนของฟางผิง เขาไม่ปัดป้องการโจมตี แต่กลับฟาดเข้าใส่ขาขวาของฟางผิงแทน
ฟางผิงไม่ได้ก้าวถอยหลังทันทีเหมือนอย่างเคย เขาวาดดาบในมือจากบนลงล่างโดยไม่ลังเล
ฉึบ!
ปัง!
ดาบฟันใส่แขนซ้ายสือเฟิงอย่างจัง แต่ฟางผิงก็หน้าซีดเผือด ขาขวาเขาปวดมากจนรู้สึกเหมือนกระดูกกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนที่เขาจะได้ร้องโอดโอย สือเฟิงก็ร้องโหยหวนออกมา
ตุบ!
แขนซ้ายเขาหลุดออกมาจากร่างกาย!
เขาพึ่งเข้าสู่ขั้นสอง แม้ว่าเขาจะขัดเกลากระดูกแขน แต่เขาก็ยังไม่ได้ขัดเกลากระดูกไหล่ ดาบอัลลอยคมอย่างไม่น่าเชื่อ มันตัดแขนเขาราวกับหั่นเต้าหู้
ฟางผิงลืมเลือนความเจ็บปวด เขาตะโกน โจมตี! ฆ่ามันซะ!
จ้าวชิงและพวกเข้ามาล้อมกรอบทันทีหลังได้ยินคำพูดฟางผิง
ถังซ่งถิงและจ้าวเสวี่ยเหมยได้แต่ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ฟางผิงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พวกนายไปเก็บพลองซะ ฉันจะฟันมันให้ตาย!
สิ่งเดียวที่ฟางผิงกังวลคือพลองอัลลอยท่อนยาว ถ้าเขาถูกฟาดใส่หัวเข้าสักที หัวเขาคงไม่เหลือแน่
แต่ตราบใดที่กระบวนท่าถูกขัดขวาง สือเฟิงแขนเดียวคงทนการโจมตีเขาได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ขณะที่ฟางผิงออกคำสั่ง สือเฟิงก็โยนพลองออกไป
เขาขัดเกลากระดูกขาเสร็จแล้ว เหลือแขนเดียวแบบนี้ พลองเป็นภาระมากกว่าเป็นประโยชน์เสียอีก
แม้พลองยาวจะมีข้อดี แต่มันถ่วงมือเท้าเขาเช่นกัน
หลังโยนพลองออกไป สือเฟิงก็ทะยานเข้าหาพวกจ้าวชิง พวกเขาไม่ได้เก่งกาจอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นภัยคุกคามเช่นกัน
จ้าวชิงหน้าถอดสี แต่ก็ยังยืนหยัดหนักแน่น ข้างหลังเขา ฟางผิงไม่ลังเลเลย แม้ว่าเขาจะเจ็บขาแทบตาย แต่ดาบในมือก็ยังกวัดแกว่งใส่คู่ต่อสู้
เมื่อเห็นสถานการณ์ จ้าวเสวี่ยเหมยกับพวกก็โจมตีจากทุกทิศทาง
แววตาของสือเฟิงเปล่งประกายโหดเหี้ยมวูบนึง เขากำหมัด เหวี่ยงกำปั้นใส่จ้าวชิงโดยไม่ลังเล
จ้าวชิงสวนกลับด้วยหมัดของตน กำปั้นทั้งสองปะทะกันทันที
จ้าวชิงถอยไปหลายก้าว ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอดกลั้น
เมื่อกดดันอีกฝ่ายล่าถอยไปได้ สือเฟิงก็ก้มตัวลง ขาเคลื่อนไหวราวกับไม่มีกระดูก เล็งเตะใส่ฟางผิงที่อยู่ข้างหลัง ขาขวาของฟางผิงยังติดขัดอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยืนได้อย่างมั่นคง เขาใช้ขาอีกข้างแทงเข้าใส่สือเฟิง
มือเขาก็ไม่อยู่นิ่งเช่นกัน ดาบในมือฟันเข้าใส่หัวของสือเฟิงอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงหวีดหวิวอยู่ข้างหู
ตาย!
สือเฟิงรู้ว่าความตายของเขาใกล้เข้ามาแล้ว เขาเหลือแขนเดียว ถูกกลุ้มรุม แถมยังมียอดยุทธรออยู่ เขาจึงไม่ได้หลบเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้
ก่อนที่ดาบจะเข้าถึงตัวเขา ขาของพวกเขาก็ปะทะกันแล้ว
ปัง!
เมื่อกระดูกและเลือดเนื้อปะทะกัน สีหน้าของฟางผิงก็ซีดขาวขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดจากนิ้วเท้าแล่นขึ้นสมองราวกับมันกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
วินาทีถัดไป ดาบในมือฟางผิงก็ปะทะเข้ากับร่างกายสือเฟิง
แต่มันไม่โดนที่หัว ดาบปักอยู่ที่กระดูกไหปลาร้า
สือเฟิงแค่นเสียง ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด มือขวาเขาจับดาบเอาไว้ไม่ให้ฟางผิงดึงมันกลับไปพร้อมกับเตะฟางผิงอีกครั้ง
ฟางผิงสบถในใจ แต่เขาไม่ได้คลายมือที่จับดาบ เขาเพิ่มแรงกดแทนและเหวี่ยงขาซ้ายไปปะทะกับอีกฝ่าย
ปลายเท้าของเขาแทงเข้าไปเนื้อน่องอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายร้องโหยหวน
สือเฟิงหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เขาชำเลืองมองฟางผิงอย่างโหดเหี้ยมและมองไปที่นักศึกษาคนอื่นๆที่กำลังกลุ้มรุมโจมตีเขาไม่หยุด
ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งและขั้นสองไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ประเด็นคือ เขาได้รับบาดเจ็บร้ายแรง กระดูกไหปลาร้าแทบแตกเป็นเสี่ยงๆจากการโจมตีของฟางผิง ขาบาดเจ็บ แถมยังปล่อยมือจากการจับดาบที่คาอยู่ที่ไหล่ไม่ได้ เขาได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆรับทุกการโจมตี
ฉันไม่คิดเลยว่าจะถูกเด็กน้อยอย่างพวกแกสังหาร!
สือเฟิงกัดฟันอย่างแรงจนเลือดซึม ทันใดนั้นเขาพลันปล่อยมือจากดาบและลงมือจับตัวถังซ่งถิงเอาไว้
ถังซ่งถิงบาดเจ็บที่แขนซ้าย ตอนนี้เขากำลังรวบหมัด เตรียมโจมตีใส่หัวของสือเฟิง
สือเฟิงพลันคลายมือออกจากดาบ มือเขาจับกำปั้นของถังซ่งถิงและดึงเข้ามาอย่างแรงจนคว้าจับถังซ่งถิงได้สำเร็จ แววตาเขาเปล่งแสงแดงเข้ม เขาพยายามกระแทกหัวใส่ถังซ่งถิงอย่างโหดเหี้ยม
ถ้าเขาต้องตาย เขาก็ต้องตายอย่างพอใจ เขาจะลากคนอื่นไปด้วย!
ช่วยด้วย!
ถังซ่งถิงกลัวมาก เขาใช้แขนซ้ายไม่ได้ แถมแขนขวายังถูกจับไว้ เขาเกือบถูกหัวอีกฝ่ายกระแทกใส่แล้ว
ฟางผิงไม่มีเวลาถอนดาบที่ติดอยู่ที่ไหปลาร้าสือเฟิง เขายอมแพ้และรวบกำปั้นทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนจะทุบใส่หัวสือเฟิง
ปัง!
ฟางผิงไม่หยุดมือ เขาทุบใส่หัวอีกฝ่ายไม่ยั้ง
เสียงดังก้องอยู่ในหูทุกคน เนื่องจากการเคลื่อนไหวนี้ ศีรษะของทั้งสองจึงยังปะทะกัน ขณะที่มือของสือเฟิงยังคงจับถังซ่งถิงเอาไว้
อ้าก!
ถังซ่งถิงกรีดร้อง แต่แล้วเขาก็พบว่าหัวเขาไม่ได้แบะครึ่งอย่างที่กลัว แถมมันยังไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดด้วย
เขาลืมตากว้าง และกรีดร้องเสียงดังกว่าเดิมอีก
เร็วเข้า เอาตัวมันออกไปที!
ถังซ่งถิงหน้าซีดเผือด ในสายตาเขา ของเหลวลึกลับกำลังไหลลงมาจากส่วนบนของสมองสือเฟิงซึ่งเกิดมาจากฟางผิง
สือเฟิงยังคงจับถังซ่งถิงเอาไว้ราวกับเป็นเชือกฟางเส้นสุดท้าย ศีรษะของพวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนของเหลวลึกลับกระเด็นใส่หน้าถังซ่งถิง
ไม่มีใครสนใจเสียงร้องของเขา ฟางผิงยังคงทุบไม่หยุด
จ้าวเสวี่ยเหมยกับพวกก็โจมตีไม่หยุดเช่นกัน พวกเขาโจมตีจนกระทั่งสือเฟิงหยุดเคลื่อนไหวถึงได้หยุดพักหายใจ
ตรวจดูว่ามันตายรึยัง
ฟางผิงทรุดลงกับพื้น หอบหายใจแฮ่กๆ แม้เขาจะออกคำสั่ง แต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าสือเฟิงตายแล้ว
ถ้าโดนไปขนาดนี้แล้วยังมีชีวิตอยู่ เขาคงเป็นอมตะแล้ว
สมาชิกทีมที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง บางคนก็เตะสือเฟิงอย่างแรงก่อนจะจับที่ต้นคอ หลังจากนั้นสักครู่เขาก็พูดออกมาด้วยความโล่งอก มันตายแล้ว
ดี ไอรีนโนเวล
ฟางผิงไม่สนใจคนอื่น เขาม้วนขากางเกงขึ้นมาเพื่อดูขาขวาที่กำลังฟกช้ำดำเขียว
เขาพยายามโคจรปราณและเลือดในร่างกาย เมื่อสัมผัสได้ เขาก็สบถออกมาเบาๆ
กระดูกเขาไม่หัก แต่อาการบาดเจ็บก็ยังสาหัส เขาจำเป็นต้องพักฟื้นสักพักถึงจะหายดี
หลังจากนั้นฟางผิงถึงได้หันไปมองคนอื่น พวกนายเป็นไงบ้าง?
สีหน้าของถังซ่งถิงยังคงซีดขาว เขาเบือนหน้าหนีจากสือเฟิงที่ซึ่งนอนแผ่หลาแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้วกล่าวอย่างจริงจัง แขนซ้ายฉันหัก ฉันต้องพักฟื้นสองสามวันและกินยาชำระกระดูกขั้นหนึ่งเป็นอย่างต่ำ
ยาหนึ่งเม็ดราคา 15 คะแนน ภารกิจนี้ต้องให้รางวัลเขาคนเดียวถึงจะชดเชยการขาดทุนเขาได้
จ้าวเสวี่ยเหมยกล่าวเช่นกัน กระดูกน่องขาขวาฉันบาดเจ็บ จำเป็นต้องพักฟื้น
ฉันกระดูกมือหัก
จ้าวชิงกุมมืออีกข้างดูท่าทางไม่ค่อยดี ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษากระดูกหัก
บางครั้งยาชำระกระดูกอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ ผู้บาดเจ็บจำเป็นต้องเยียวยาด้วยเม็ดยาอย่างอื่นเช่นกัน
คนอื่นๆไม่ค่อยบาดเจ็บนัก แม้ว่าพวกเขาจะบาดแผลจากการต่อสู้ แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขาก็ไม่ร้ายแรง
ฟางผิงไม่ได้ปลอบพวกเขา เขาพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า นี่แหละคือความสามารถของผู้ฝึกยุทธขั้นสอง พวกเรามีกันสิบคนสู้กับเขาแค่คนเดียว ต่อให้สุดท้ายเราจะชนะ แต่เราก็สูญเสียไปมากมาย
คู่ต่อสู้ของเราไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนักในหมู่ผู้ฝึกยุทธขั้นสอง นี่เป็นสิ่งที่ฉันอนุมานได้หลังประมือกับอีกฝ่าย เขาพึ่งขัดเกลากระดูกแขน
ไม่งั้น ฉันไม่มีทางตัดแขนซ้ายเขาได้ด้วยการโจมตีเดียว
ถ้าแขนไม่ขาด ชีวิตเราอาจเสี่ยงกว่านี้
จ้าวเสวี่ยเหมยกล่าวอย่างรู้สึกผิด ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดฉันเอง
เธอเสียพลองยาวอัลลอยไปจนมันตกอยู่ในมือของสือเฟิง ซึ่งทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้
แน่นอนต่อให้พวกเขากล้าเข้าใกล้ ผลลัพธ์ก็อาจไม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
ถังซ่งถิงไม่ได้ออกความเห็น ฟางผิงถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว ทุกคนทำพลาด แต่ดีที่ทุกคนปลอดภัยและมีสติ
ฉันไม่อยากว่าใคร เพราะฉันก็ทำพลาดเหมือนกัน
โชคดีที่ไม่มีใครตื่นตระหนกและวิ่งหนีไป มันดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีก
จ้าวชิงและคนอื่นๆไม่ได้หนีจากการต่อสู้ ถ้ามีใครหนีไป พวกเขาต้องขัดขวางสือเฟิงไม่อยู่แน่ จากนั้นเขาก็จะสังหารถังซ่งถิงสำเร็จ
ถ้าถังซ่งถิงถูกสังหาร สือเฟิงก็จะลดความกังวลไปได้อีกอย่าง พอเป็นแบบนั้นคนอื่นก็อาจถูกสังหารด้วยเช่นกัน
ฟางผิงไม่ได้ยกเรื่องนี้มาพูดต่อ เขาเดินเข้ามาจับศพสือเฟิงโดยไม่สนใจสีหน้าของเพื่อนร่วมทีม
ตอนที่หวงปินหลบหนี เขามีสมบัติมากมาย สือเฟิงย่อมต้องมีของมากมายติดตัวเช่นกัน
อู๋เค่อเผิง โจวเยว่หง ไปดูในบ้าน เอาดาบที่ประตูมาแล้วไปค้นหาของมีค่าอย่างอื่น
ตกลง!
ทั้งสองเดินไปยังบ้านเช่าที่อยู่ไม่ไกล ฟางผิงพูดอีกครั้ง จางห่าว หลิวต้าเซิ่ง พวกนายไปเฝ้ารอบนอก อย่าปล่อยให้ใครเข้ามา
ขณะที่ฟางผิงมอบหมายหน้าที่ให้ทีม เขาก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างในศพ
เขาหยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อสือเฟิง เขามองดูสักพักก่อนจะอุทานออกมาด้วยความยินดี มียาชำระกระดูกขั้นหนึ่งด้วย!
มีเท่าไหร่?
ถังซ่งถิงรีบถาม
สามเม็ด
เฮ้อ… ถังซ่งถิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สามเม็ดพอดี
หลังจากนั้นสักครู่ อู๋เค่อเผิงกับพวกก็เดินออกมา โจวเยว่หงรายงานทันที ดาบอัลลอย เงินสด 0.2 ล้าน เม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 5 เม็ด
เม็ดยาขายได้ 2 ล้านในตลาด ดาบอาจมีราคาประมาณครึ่งล้าน บวกกับเงินสด พวกเขาจะได้กำไรมา 2.7 ล้าน
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมรางวัลภารกิจถึงมีน้อย
ผู้ฝึกยุทธทุกคนมีของมีค่าพกติดตัวไม่มากก็น้อย
เก็บของ เราจะไปแบ่งกันทีหลัง เราไปคุยกับอาจารย์โจวที่เคารพกันเถอะ
ฟางผิงกัดฟัน แม้จะไม่มีใครตาย แต่หลายคนได้รับบาดเจ็บ มีแต่เด็กงอแงเท่านั้นที่จะได้ดื่มนม ไม่ว่ายังไงเขาต้องไปเคลียร์กับอาจารย์ให้รู้เรื่อง
ทำไมภารกิจผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดจู่ๆถึงเพิ่มขึ้นเป็นขั้นสอง?