World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 138 กลัวมาถ่วงแข้งถ่วงขา
ตอนเที่ยงๆ เมื่อพวกฟางผิงมาร้านอาหาร พวกเขาก็พบกับกลุ่มผู้ฝึกยุทธอีกครั้ง
ขณะที่ฟางผิงสังเกตพวกเขา พวกเขาก็กำลังมองมาทางกลุ่มฟางผิงเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายจ้องมองกันไปมา จากนั้นฟางผิงถึงยื่นมือเชิญพวกเขา
มาด้วยกันไหม?
ตกลง!
หัวหน้าทีมก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายอาจตัดสินตัวตนและจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จะดีที่สุดถ้าพวกเขาคุยกันก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในภายหลัง
…
ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็นั่งกันอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร
เมื่อพวกเขาเดินผ่านเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา พวกนายมาจากมหาลัยวิชายุทธใช่ไหม?
ใช่ พวกเราเป็นนักศึกษาใหม่ของโม๋อู่
ไม่น่าแปลกใจเลย!
หัวหน้าทีมยิ้มและแนะนำตัว ฉันมาจากมหาลัยวิชายุทธตงอู๋ ฉันหวังหวยจิน เป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกัน
ฟางผิงไม่ได้รีบร้อนบอกชื่อ แต่ความสงสัยเขาถูกกระตุ้นขึ้นมา พวกนายมาจากมหาลัยวิชายุทธตงอู๋หมดเลยเหรอ?
ฟางผิงรู้จักมหาลัยวิชายุทธตงอู๋และก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่ง แต่แน่นอนพวกเขายังคงแข็งแกร่งกว่ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงหน่อยนึง
ถ้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่บ่มเพาะหวังจินหยางขึ้นมา พวกเขาคงไม่ได้มีชื่อเสียงในหมู่มหาลัยวิชายุทธ
กระนั้นมหาลัยวิชายุทธตงอู๋กำเนิดนักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธได้ถึงหกคนเลยเหรอ?
นอกจากหกคนนี้แล้วจะมีอีกไหม?
หวังหวยจินส่ายหน้าแล้วกล่าว เปล่าหรอก บางคนก็มาจากมหาลัยเทคนิคตงอู๋ บางคนก็มาจากมหาลัยตงอู๋…
จากที่หวังหวยจินบอกมา ในหกคน มีสามคนมาจากมหาลัยวิชายุทธในมณฑลตงอู๋
หวังหวยจินค่อนข้างพูดเก่ง หรือบางทีเขาอาจคิดว่าเรื่องที่เขาพูดไม่ใช่ความลับอะไรนัก
ปัจจุบัน มหาลัยวิชายุทธหลายแห่งได้ร่วมมือกัน
คลาสฝึกพิเศษของมหาลัยวิชายุทธใหญ่ๆมักจะฝึกฝนและออกทำภารกิจด้วยกัน
อย่างทีมนี้เป็นต้น พวกเขามาจากมหาลัยวิชายุทธสามแห่งของตงอู๋
หวังหวยจินกับทีมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มาฝึกฝน ทีมฟางผิงก็ตอบกลับอย่างซื่อสัตย์เทียบเท่ากัน ทั้งสามพูดแนะนำตัว นี่เป็นก้าวแรกของทุกคนที่จะทำความเข้าใจกันและกัน
หวังหวยจินมองทั้งสามอยู่ครู่นึงแล้วกล่าวเสียงละห้อย มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้อยู่คนละชั้นกันเลย พวกนายสามคนอาจแข็งแกร่งกว่าฉันอีก…
เหมือนกันแหละ พวกเราเป็นขั้นหนึ่งเหมือนกัน ฟางผิงพูดอย่างสุภาพ จากนั้นเขาก็เสริมอย่างไม่มั่นใจ ที่มหาลัยตงอู๋มีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธมากเลยเหรอ?
หวังหวยจินมองฟางผิงด้วยรอยยิ้มและส่ายหน้าอย่างขบขัน ที่จริงมันไม่ใช่ความลับ ที่มหาลัยวิชายุทธตงอู๋ทั้งสามมีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธน้อยกว่า 20 คนอีก
มากขนาดนั้นเลย? ถังซ่งถิงพึมพำเบาๆอย่างอดไม่ได้ ทั้งสามมหาลัยมีถึง 20 คน มันนับว่ามีเยอะเลยถูกไหมล่ะ?
นั่นหมายความว่ามีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธประมาณ 5-6 คนจากแต่ละมหาลัย
แต่ก่อน ในเทอมแรกมหาลัยวิชายุทธทั่วไปมีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธสักคนไหมก็พูดยากแล้ว
เทียบไม่ได้กับโม๋อู่จิ่งอู่หรอก ผู้ฝึกยุทธไปออกันอยู่ที่พวกนายหมด
หวังหวยจินหัวเราะและตรงเข้าประเด็นหลัก นายมาทำภารกิจเหรอ?
แล้วนายล่ะ?
ใช่
ฟางผิงคิดอยู่ครู่นึงแล้วกล่าว ทุกคนรับภารกิจมา พวกเราหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกันดีที่สุด ฉันขอถามหน่อยสิ เป้าหมายของนาย…
หวังหวยจินครุ่นคิด เรารับภารกิจจากกรมสืบสวนซีเจียง เป้าหมายเราเป็นคนแซ่จาง…
เกี่ยวข้องกับลัทธิชั่วไหม?
หืม?
หวังหวยจินขมวดคิ้วเล็กน้อย นายก็ด้วยเหรอ?
ฟางผิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาพยักหน้าอย่างจนใจ ใช่ แต่เป้าหมายเราต่างกัน ดูเหมือนเมืองซีเจียงจะไม่ได้มีลัทธิเดียวนะ
กรมสืบสวนซีเจียงบอกมายังไง?
พวกเขาแค่ค้นพบร่องรอยของกิจกรรมของลัทธิชั่ว ฝั่งซีเจียงมีกำลังคนไม่พอ พวกเขาเลยมอบภารกิจให้มหาลัยวิชายุทธ…
ขณะที่หวังหวยจินพูด โทรศัพท์ของจ้าวเสวี่ยเหมยก็สั่น
จ้าวเสวี่ยเหมยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เธอคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมา กลุ่มโจวเยว่หงติดต่อกับฝั่งซีเจียงเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนแล้ว เป้าหมายเราอยู่เป็นกลุ่ม มีผู้ฝึกยุทธประมาณ 4-5 คน
คนแซ่เหยาน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ตอนนี้พวกมันรวมตัวกันอยู่ใกล้กับอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จในเขตชานเมือง ปกติแล้วจะมีคนธรรมดาเดินผ่านไปมาและเข้าร่วมการชุมนุม
หวังหวยจินมองฟางผิงและเอ่ยถาม นายหมายความว่าไง?
เป้าหมายของพวกนายก็อยู่ในหมู่คนพวกนี้เหรอ?
น่าจะใช่นะ
งั้นเรามาร่วมมือกันเถอะ นอกจากเป้าหมายภารกิจของนาย เราจะจัดการคนอื่นเอง
หวังหวยจินจ้องมองเขา นอกจากเป้าหมายของพวกเขาแล้ว ยังมีผู้ฝึกยุทธอีกสี่ถึงห้าคน
พวกฟางผิงทั้งสามมีความมั่นใจมากพอว่าจะจัดการพวกมันได้ทั้งหมด ดูเหมือนพวกเขาจะแข็งแกร่งกันมาก
หวังหวยจินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพยักหน้า โอเค ฉันจะรอให้พวกมันเหลือตัวคนเดียวก่อนค่อยลงมือ นายตั้งใจจะถล่มแหล่งกบดานมันตรงๆเลยถูกไหม?
ใช่ คนธรรมดาน่าจะแยกย้ายกันตอนกลางคืน งั้นเราก็ร่วมมือกันได้
…
หลังทั้งสองฝ่ายนัดเวลากัน พวกเขาก็แยกย้ายกันหลังทานอาหารเสร็จ
เมื่อพวกเขาเดินจากไปแล้ว ถังซ่งถิงก็ขมวดคิ้ว คนพวกนี้จะไม่สร้างปัญหาให้เราใช่ไหม?
จ้าวเสวี่ยเหมยกังวลเล็กน้อยเช่นกัน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะมาถ่วงแข้งถ่วงขาเรา…
ฟางผิงส่ายหน้า ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกเขาหรอก เราจะทำส่วนของเรา พวกเขาก็ทำส่วนของพวกเขา
ถ้าพวกเขาถูกฆ่า มันก็เป็นเรื่องของพวกเขา
ถ้าทำได้เราก็จะช่วยพวกเขา ถ้าสถานการณ์อันตราย เราก็จัดการกันเองได้
รับทราบ
…
อีกด้านหนึ่ง คนที่อยู่ข้างหวังหวยจินถามเสียงดัง พี่หวัง พวกคนจากโม๋อู่จะไม่เป็นไรจริงๆน่ะเหรอ?
หวังหวยจินหัวเราะ พวกเขาเป็นนักศึกษาจากมหาลัยดัง พวกเขาไม่ควรอ่อนแอเกินไป มันเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้สังเกตความแข็งแกร่งของพวกเขา
อาจารย์พูดตลอดเลยว่านักศึกษาจากสองมหาลัยดังแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เราไม่รู้เลยว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้วัดความแข็งแกร่งของพวกเขา
ถ้าพวกเขาแค่แข็งแกร่งระดับกลางๆ…ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้
พี่หวังอย่าถ่อมตนเลย ฉันไม่คิดหรอกว่านักศึกษาโม๋อู่จะพิเศษขนาดนั้น พี่หวังแข็งแกร่งอันดับต้นๆของมหาลัยตงอู๋…
อะแฮ่ม…อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันไม่กล้ารับ
ใครพูดไร้สาระกัน? ถามคนอื่นก็ได้ มีใครบ้างไม่เห็นด้วย!
นักศึกษาจากมหาลัยดังอย่างโม๋อู่อาจไม่ได้เก่งไปกว่าเรา ตอนนี้พี่หวังก็จัดการผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดด้วยตัวเองได้เหมือนกัน
ต่อให้เราไม่ได้มาเป็นกำลังเสริม ฉันก็มั่นใจว่าพี่หวังจบภารกิจได้
คนอื่นๆก็แสดงความคิดเห็นออกมาเช่นกัน หวังหวยจินไม่ได้พูดอะไร ความคิดของเขาล่องลอยไปไกล
…
ตกกลางคืน เวลาสี่ทุ่ม พวกฟางผิงก็มาพบกับกลุ่มของหวังหวยจิน
นอกโรงแรม กรมสืบสวนซีเจียงส่งผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย
เมื่อสังเกตเห็นฟางผิง ผู้หญิงคนนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย เธอพูดเบาๆ คุณ…พวกคุณคนไหนเป็นทีมตงอู๋…
เราเป็นทีมตงอู๋ หวังหวยจินตอบ
คุณคือ…
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าทีมที่มีคนมากกว่าเป็นทีมที่รับภารกิจขั้นสอง แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอเข้าใจผิด
หลังจากคิดเล็กน้อย หญิงสาวก็กระแอมเบาๆ ดิฉันขออภัยด้วย ภารกิจจางจื้อเฉียง เดิมทีถูกออกโดยซีเจียง แต่ต่อมากองทัพของซีเจียงก็ออกภารกิจนี้เช่นกัน พวกเราเลินเล่อและไม่ได้สังเกตเรื่องนี้
เมื่อพวกคุณทั้งสองทีมรับภารกิจ พวกเราถึงพบว่าทั้งสองทีมรับภารกิจไปแล้ว
เดิมทีเราอยากยกเลิกภารกิจจางจื้อเฉียง แต่เราก็พบว่ามันถูกยอมรับไปแล้ว
เราได้โทรหาคุณหวังช่วงบ่ายนี้เพื่อแจ้งข้อมูลแก่เขาและได้รับแจ้งว่าทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน มันทำให้ปัญหาง่ายขึ้น
สิ้นเสียง หญิงสาวก็มองฟางผิงและพูด เป้าหมายภารกิจของคุณ เหยาจินเฉิงเดิมทีไม่ได้อยู่ที่ซีเจียง แต่พึ่งหนีมาที่นี่
อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ผู้อำนวยการและทางสำนักงานก็ได้เตรียมการปิดล้อมด้านนอกเช่นกัน
คุณฟาง…ถ้าคุณรู้สึกท่าไม่ดี คุณควรถอนตัวก่อนมันจะสายเกินไป
ฟางผิงพยักหน้า หญิงสาวมองหวังหวยจินอีกครั้ง เธอคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดขึ้นมา คุณหวัง ฉันอยากคุณกับคุณเป็นการส่วนตัว
ตกลง หวังหวยจินตอบและพาพาทีมกับหญิงสาวไปอีกด้านหนึ่ง
พวกฟางผิงไม่ได้ตามไป พวกเขาขึ้นไปรออยู่บนรถ
อีกด้านหนึ่ง
หญิงสาวลังเลเล็กน้อยและกล่าวขอโทษ ตอนที่ภารกิจถูกปล่อย ที่จริงเราอยากยกเลิก แต่ตอนนั้นเราเห็นว่าภารกิจเหยาจินเฉิงก็ถูกรับไปแล้ว พวกเราเลยคิดว่ามันอาจสำเร็จไปก่อน ดังนั้นมันจึงไม่ถูกยกเลิก
ใครจะคิดล่ะว่าพวกคุณก็รับภารกิจนี้เหมือนกัน ยอมรับในวันเดียวกันด้วย
เหยาจินเฉิงเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสอง การรับภารกิจจางจื้อเฉียงจึงมีความอันตรายสูงมาก
คุณเป็นความภาคภูมิใจของตงอู๋ ที่สำนักงานอยากจะบอกก็คือ ถ้าเป็นไปได้ เราก็หวังว่าคุณจะยกเลิกภารกิจ…
ขั้นสอง?
สีหน้าของหวังหวยจินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดเบาๆ พวกเขารับภารกิจขั้นสองงั้นเหรอ?
ใช่ค่ะ เพราะงั้นเราถึงเสนอคำแนะนำนี้เมื่อได้ยินว่าพวกคุณจะร่วมมือกันและอีกทีมมีกันแค่สามคน ดิฉันขอโทษด้วยจริงๆ…
หญิงสาวคิดว่าฝั่งโม๋อู่จะมีคนมากกว่านี้หรืออย่างน้อยก็มีบุคคลที่แข็งแกร่งมาด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นกลุ่มหวังหวยจินก็จะทำภารกิจได้อย่างง่ายดายในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นว่ามีเพียงสามคนรวมถึงหัวหน้าทีมฟางผิงด้วย หญิงสาวจึงรู้สึกว่ามันไม่เหมาะนัก
เมื่อฟางผิงรับภารกิจ ทางซีเจียงก็ได้ข้อมูลของเขาแล้ว
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งเช่นกัน
ถ้านักศึกษาโม๋อู่ตาย พูดตามตรงพวกเขาไม่ได้สนใจ
อย่างไรก็ตามถ้านักศึกษาตงอู๋ตาย มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
แนวคิดบ้านเกิดเมืองนอนของผู้ฝึกยุทธค่อนข้างรุนแรง ที่จริงเมื่อทั้งสองทีมทำภารกิจ ต่อให้พวกเขาตาย มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกรมสืบสวนซีเจียง
อย่างไรก็ตามหญิงสาวเป็นคนตงอู๋ เธอยืนอยู่เฉยๆดูทีมหวังหวยจินตามฟางผิงไปรับความเสี่ยงไม่ได้
ทีมหวังหวยจินรับแค่ภารกิจขั้นหนึ่ง ถ้าเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น พวกเขาก็แค่รอให้ทีมฟางผิงทำภารกิจล้มเหลว หรือรอให้เหยาจินเฉิงหลบหนีหรือถูกสังหารก่อนค่อยไปจัดการคนที่เหลือ
คนอื่นๆเริ่มปั่นป่วน มีคนพูดขึ้นมาเบาๆ พวกเขาสามคนรับภารกิจขั้นสอง? พวกเขามั่นใจหรือแค่จองหอง? ไอลีนโนเวล
นักศึกษาโม๋อู่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเขาสามคนเป็นขั้นหนึ่งใช่ไหม?
พี่หวังอยากไปกับพวกเขาจริงหรือ? เราอาจถูกลากไปเกี่ยวด้วย…
หลายคนเริ่มคุยกัน สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขารู้สึกเหมือนถูกฟางผิงพาซวยไปด้วย
ถ้าพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายรับภารกิจขั้นสอง พวกเขาไม่ยอมร่วมมือด้วยแน่
หวังหวยจินสูดหายใจเข้าสุดปอด เราจะไปต่อ เพราะพวกเขาดูมั่นใจความแข็งแกร่งของตนเอง แน่นอนเพื่อความปลอดภัย ถ้าพวกเขาแพ้ เราจะถอย!
คราวนี้ เราจะได้เห็นความแข็งแกร่งของนักศึกษาใหม่โม๋อู่กันจริงๆแล้ว!
แม้ว่าเขาจะยังกังวลอยู่บ้าง แต่สมองของหวังหวยจินก็แล่นไหล ถ้ากลุ่มฟางผิงแพ้ พวกเขาทั้งหกมั่นใจว่าจะล่าถอยได้
กรมสืบสวนซีเจียงจะโอบล้อมรอบนอก คนพวกนั้นไม่กล้าไล่ตามมาแน่
…
หลังผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง รถยนต์ก็มาถึงอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จในชานเมือง
พวกเขาเรียกมันว่าอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ที่จริงอาคารหลักเกือบสร้างเสร็จแล้ว แถมยังอยู่อาศัยได้ ส่วนทำไมพวกเขาถึงเรียกอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ ฟางผิงคร้านจะสนใจ
คนจากกรมสืบสวนซีเจียงไม่ได้มาเจรจากับฟางผิง เมื่อกี้หญิงสาวแค่มาให้ข้อมูลกับพวกเขาแล้วก็จากไป
บนรถ
ฟางผิงกล่าว ตอนนี้พวกมันอาศัยอยู่ที่ชั้นหนึ่ง อาจมีผู้ฝึกยุทธมากกว่าห้าคนอยู่ข้างใน
เหยาจินเฉิงมีความแข็งแกร่งขั้นสอง จางจื้อเฉียงคือขั้นหนึ่งสูงสุด ส่วนคนอื่นยังตัดสินไม่ได้ เราจึงอาจมีอุปสรรคอยู่บ้าง
ตอนนี้ตั้งไว้ว่ามีห้าคน หลังเข้าไป ฉันจะจัดการเหยาจินเฉิง พวกนายสองคนควรจัดการกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งคนอื่นก่อน
ตอนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องหวังหวยจิน แต่ก็ระวังพวกเขาไว้
ถ้าพวกเขาเลือกโจมตีจางจื้อเฉียง ถ้าทำได้นายก็สังหารผู้ฝึกยุทธคนอื่นซะ ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ยอมแพ้ ฉันจะพยายามหันเหความสนใจของเหยาจินเฉิงไปจากกลุ่ม
นายจัดการเหยาจินเฉิงคนเดียวไหวเหรอ? จ้าวเสวี่ยเหมยถาม เธอกังวลเล็กน้อย
ไม่น่าเป็นปัญหา ถ้าไม่ไหวก็หนี! ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่เราจะหนีไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ควรลงมือ ฉันจะโจมตีและปล่อยให้จ้าวเสวี่ยเหมยสนับสนุน ถ้าหวังหวยจินมีความคิดเป็นอื่น งั้นจ้าวเสวี่ยเหมยก็ไปพัวพันพวกเขาไว้ เราจะคิดหาวิธีแก้แค้นทีหลัง!
ให้คิดว่าศัตรูเป็นผู้ฝึกยุทธมากกว่า 10 คน เราจะเตรียมรับมือกรณีนั้น ถังซ่งถิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟางผิงพยักหน้า เขาไม่ปฏิเสธ
พวกเขาไม่คุ้นกับนักศึกษามหาลัยวิชายุทธอื่น ดังนั้นพวกเขาต้องเฝ้าระวังพวกเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตามทั้งหกคน นอกจากหวังหวยจินที่แข็งแกร่ง อีกห้าคนอยู่ระดับกลางๆเท่านั้น ต่อให้พวกเขาหักหลัง ฟางผิงก็ไม่กังวล
หลังวางแผนกัน ทั้งสามก็ลงจากรถ
อีกด้านหนึ่ง ทีมหวังหวยจินก็ลงจากรถเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้มากับฟางผิง
สามคนจากโม๋อู่กำลังล่าผู้ฝึกยุทธขั้นสอง แต่พวกเขาไม่ใช่
เมื่อคนจากโม๋อู่ต่อสู้เสร็จ พวกเขาค่อยลงมือมันก็ยังไม่สาย
…
ในอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ
มีคนกว่าสิบคน มีทั้งผู้ฝึกยุทธและคนธรรมดา ตอนนี้พวกเขากำลังรวมตัวกันอยู่ชั้นหนึ่ง
ขณะที่เหยาจินเฉิงกำลังสั่งการ จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูด ไปดูข้างนอก ฉันว่าฉันได้ยินเสียงฝีเท้า
มีคนลุกขึ้นมาและเดินออกไปดูข้างนอกทันที
ชายคนนั้นพึ่งก้าวออกนอกประตู แต่จู่ๆเขาก็กระเด็นกลับไป เลือดกระจายฟุ้งกลางอากาศ
เหยาจินเฉิงสีหน้าแข็งกระด้าง เขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและร้องตะโกน รับมือกับศัตรู!
ผู้ฝึกยุทธรอบตัวเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาลุกขึ้นมาทันทีและชักอาวุธของตนเองออกมา
ตอนนี้ฟางผิงและพวกก้าวเข้ามาแล้ว
ฟางผิงชำเลืองมองเหยาจินเฉิง ถังซ่งถิง จัดการคนอื่น จ้าวเสวี่ยเหมย เฝ้าประตูเอาไว้ ฉันจะจัดการเขา!
รับทราบ!
จ้าวเสวี่ยเหมยก้าวถอยหลังและยืนบังประตูไว้ จับตามองหวังหวยจินที่อยู่ไม่ไกลอย่างระมัดระวัง
…
พี่หวัง สถานการณ์ของพวกโม๋อู่เป็นยังไงบ้าง? พวกเขากำลังทำอะไร?
พวกเขาพยายามเฝ้าระวังเรา นักศึกษาโม๋อู่มั่นใจกันจริงๆ พวกเขาเข้าไปแค่สองคน หวังหวยจินกล่าวเบาๆ
เฝ้าระวังเรา?
คนพวกนี้…เราควรทำยังไงดี? เขาพูดอย่างไม่พอใจ
ก่อนอื่นเลยเรารอก่อน ถ้าพวกเขาไม่ตายในสามนาทีหรือถ้าผู้หญิงไม่เข้าไป ก็แปลว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นสอง เราจะเข้าไปดูกัน
เราก็อยากเห็นเหมือนกันว่านักศึกษาโม๋อู่แข็งแกร่งแค่ไหน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าช่องว่างจะกว้างขนาดนั้นจริงๆ!
บางคนก็ไม่เชื่อและแค่นเสียงออกมา พวกเขาเริ่มไม่พอใจยิ่งขึ้นที่จ้าวเสวี่ยเหมยตั้งใจเฝ้าระวังพวกเขา