World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 148 นายจะเป็นเป้าลองดาบฉัน!
ไม่กี่วันมานี้ ฟางผิงเก็บตัวเงียบ
ตอนนี้เขายังไม่คิดเรื่องทะลวงสู่ขั้นสอง เขาพบว่าตนมีเวลาเหลือเฟือ
เวลานี้ เขาเน้นฝึกวิชาต่อสู้และจวงกง
ท่าขี่ม้าเป็นวิธีฝึกที่ฟางผิงฝึกมาตั้งแต่แรกเริ่มฝึกยุทธ นับตั้งแต่ที่เขาบรรลุขั้นหนักแน่นเมื่อสมัครเข้ามหาลัย เขาก็คืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเขาบรรลุขั้นหนักแน่นสูงสุด ความคืบหน้าเขาก็หยุดชะงักไป
ฟางผิงขอคำแนะนำหลู่เฟิ่งโหรว เธอให้คำแนะนำมากมาย แต่จวงกงเขาก็ไม่มีความคืบหน้าเลย
เขาลังเลและนั่งพิจารณาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดฟางผิงก็คิดถึงเหล่าหวัง
เหล่าหวังย่อมไม่แข็งแกร่งเท่าหลู่เฟิ่งโหรว แต่หลู่เฟิ่งโหรวเป็นยอดยุทธขั้นหกสูงสุด และยอดยุทธระดับนี้ย่อมไม่ให้ความสำคัญกับการฝึกจวงกง เธอสำเร็จขั้นว่างเปล่ามานานแล้ว เธอแทบจำไม่ได้แล้วว่าบรรลุขั้นว่างเปล่ามันรู้สึกอย่างไร
แต่หวังจินหยางต่างออกไป ยังไงเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กปีสองเท่านั้น
…
ณ ที่หลบภัย เวลาเช้าตรู่
ฟางผิงโทรหาหวังจินหยาง
พี่หวัง…
เข้าเรื่องเลย ฉันยังมีเรื่องต้องทำ!
เหล่าหวังพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งเขาทั้งฉินเฟิ่งชิงอยู่ถ้ำใต้ดินมาสองเดือนแล้ว พวกเขาไล่ล่าถอนลากถอนโคนอย่างเหนื่อยยากโดยไม่ได้ความช่วยเหลือจากด้านนอก ถึงจะช้าไปหน่อย แต่พวกเขาก็กวาดล้างสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดินเกือบหมดหมู่บ้านรอบนอกอย่างมั่นคง
สองวันมานี้ ทั้งสองกำลังเตรียมลุยครั้งใหญ่และกำลังจะเข้าไปถ้ำใต้ดิน
โชคดีที่ฟางผิงโทรมาทันเวลา ไม่งั้นเขาไม่มีทางรับสายได้
พี่หวัง จวงกงผมติดอยู่ที่ขั้นหนักแน่นมาสักพักแล้ว…
นั่นแก้ปัญหาง่ายมาก มหาลัยนายไม่มีทะเลสาบจำลองเหรอ? นายเคยดูทีวีไหมที่เขาแสดงวิชาตัวเบาวิ่งบนน้ำ? ไปลองเหยียบผิวน้ำดู ถ้านายทำได้จนถึงขั้นเข่าไม่จมน้ำ ควบคุมศูนย์ถ่วงให้ไม่ตกลงไปในทะเลสาบ นายก็จะบรรลุจวงกงขั้นว่างเปล่าแล้ว
แน่นอน มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่พูด มันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของนาย ถ้านายรู้วิธีปรับศูนย์ถ่วง นายก็จะเชี่ยวชาญได้เร็ว ถ้านายไม่เข้าใจ นายก็แค่ต้องชินกับการตกน้ำทุกวัน
ฟางผิงได้รู้เคล็ดเล็กๆน้อยๆแล้ว เขาจึงพูดต่อทันที ผมพึ่งฝึกวิชาดาบ แต่ผมระเบิดปราณและเลือดได้ไม่เร็วพอให้ถึงขั้นกระบวนร้ายแรง…
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ขั้นหนึ่งจะบรรลุถึงขั้นนั้น! หวังจินหยางไม่ได้ดูแคลน แต่ชื่นชมแทน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด นายไม่ได้ขัดเกลากระดูกมือ นายฝึกจนถึงขั้นกระบวนร้ายแรงเป็นเรื่องยากทีเดียว
ความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังในวิชาต่อสู้เกี่ยวข้องกับร่างกาย ถ้าเส้นลมปราณของนายไม่แข็งแกร่งพอ กระดูกไม่แข็งแกร่งพอ ระเบิดพลังเกินตัวจะทำให้นายบาดเจ็บเท่านั้น ฉันมั่นใจว่าอาจารย์ของนายคงบอกเรื่องนี้ให้รู้แล้ว อย่างไรก็ตามก็ใช่ว่ามันจะไม่มีวิธีอื่น…
วิธีไหน? ฟางผิงถามอย่างกระตือรือร้น
นายขัดเกลาสามครั้ง กระดูกย่อมไม่อ่อนแอ แขนนายจึงแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ตอนนี้ถ้านายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองสักหน่อย ร่างกายของนายก็จะรองรับการระเบิดพลังไหว
มันขึ้นอยู่กับว่านายจะยอมเสียเงินเพิ่มสักหน่อยไหม ซื้อเม็ดยาชำระร่างกายสักสองเม็ด แต่อย่ากิน ให้เจือจางกับน้ำแล้วขัดเกลามือทั้งสองข้าง ไม่กี่วัน กระดูกมือของนายก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาก…
เม็ดยาชำระร่างกาย? ฟางผิงปวดใจ นั่นสินะ ทุกอย่างก็กลับมายังความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ เราต้องใช้เงินเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น!
ผู้ฝึกยุทธใช้เม็ดยาชำระร่างกายเพื่อขัดเกลาร่างกายได้ทุกขั้น และประสิทธิภาพของมันเหนือกว่าน้ำยาเสริมสร้างร่างกาย นอกจากนี้ราคาของมันยังแพงกว่า
ความจริงมีคนไม่มากนักที่ใช้เม็ดยาชำระร่างกาย เพราะมันไม่จำเป็น เมื่อกระดูกถูกขัดเกลา เส้นลมปราณและผิวหนังก็จะถูกขัดเกลาไปด้วย
ถ้าฟางผิงบรรลุขั้นสองตอนนี้และขัดเกลากระดูกมือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินขนาดนี้
น่าเสียดาย ก่อนบรรลุขั้นสอง เพื่อให้มือทั้งสองข้างระเบิดพลังได้มากขึ้น เขาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม
สองเม็ด? ฟางผิงถามเพื่อความมั่นใจ
มันขึ้นอยู่กับนาย หวังจินหยางบอก ถ้านายคิดว่าพอแล้วก็พอ แต่มันแพงหน่อยนะ
แพงหน่อย? มหาลัยคิด 30 คะแนนต่อเม็ด นั่นไม่เรียก’แพงหน่อย’แล้ว แต่มันแพงมาก!
อย่างไรก็ตามวิธีของหวังจินหยางก็เป็นหนึ่งในทางเลือก ฟางผิงครุ่นคิดแล้วตอบ งั้นผมจะลองดู
เอาล่ะ มีอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีฉันจะวางสายล่ะ
ไม่ครับ ผม…
ที่ฟางผิงได้ยินตามมาคือเสียงติ๊ด เหล่าหวังวางสายไปทันที เขาต้องมีเรื่องด่วนต้องทำจริงๆ ฟางผิงหัวเราะให้กับตัวเอง เขาไม่ได้โทรไปอีก เขารู้สิ่งที่เขาต้องรู้แล้ว
…
ในขณะเดียวกัน ณ ทางเข้าถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้
หวังจินหยางขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ฉินเฟิ่งชิง รอบนี้ฉันเสียเวลาเปล่าไปสองเดือน ถ้ารอบนี้ฉันจับปลาใหญ่ไม่ได้ ฉันจะฟันนายตายคาถ้ำใต้ดิน!
ฉินเฟิ่งชิงตัวสั่น อย่างน้อยเราก็ได้ของดีอยู่นะ รอบนี้ฉันคิดว่าผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านอาจเป็นขั้นห้าด้วยซ้ำ เราอาจล้มเหลว…
ปากหมา! หวังจินหยางสั่ง จำไว้ รอบนี้ฉันจะใช้วิชาลับ อย่างมากสองครั้ง ถ้าฉันฆ่าศัตรูไม่ได้ก็ช่วยฉันหนีด้วย! ถ้าฉันฆ่าได้ ก็พาฉันออกไปก่อนเหมือนกัน วิชาก้าวย่างนายไม่มีปัญหาใช่ไหม?
ฉินเฟิ่งชิงบ่นงึมงำ ฉันก้าวเดินอย่างกล้าหาญมาตลอด แต่สองเดือนมานี้ฉันเกือบกลายเป็นฉินตีนผีแล้ว…
หุบปาก! ฉันถามว่าฝีเท้านายเป็นไงบ้าง! หวังจินหยางตะคอก
ฉันวิ่งเร็วไม่ต่างกับลม!
ดี ไปกันเถอะ!
ทั้งสองรวบรวมความกล้าและเดินตรงไปยังถ้ำใต้ดินอย่างห้าวหาญ ผู้ฝึกยุทธที่ป้องกันทางเข้าพูดติดตลก เราควรเตรียมยารักษาและเรียกทีมแพทย์ให้พวกนายล่วงหน้าไหม?
ช่วงสองเดือนมานี้ ทั้งสองหลบหนีกลับมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บมากกว่าสิบครั้ง
ฉินเฟิ่งชิงตอกกลับโดยไม่หันหัวกลับมาด้วยซ้ำ ไม่จำเป็น ตอนฉันกลับออกมาอีกครั้ง ฉันคงเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสี่แล้ว!
งั้นเราจะรอขั้นสี่ของนาย! ฮ่าๆๆ…
ขณะที่ยามพูดจาหยอกล้อ ทั้งสองก็หายลับเข้าไปในถ้ำใต้ดินแล้ว เสียงของพวกเขาค่อยๆเบาลงจนกลายเป็นความเงียบ
เมื่อพวกเขาจากหายไป ยามอีกคนก็พูดขึ้นมา ฉันเกรงว่าสองคนนี้คงไปเจอที่ดีๆมา พวกเขาล่าสังหารสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินมากว่าสองเดือนแล้ว ศพที่พวกเขาขนกลับมาเหมือนจะเป็นขั้นสี่เป็นอย่างน้อย! ฉันว่ารอบนี้พวกเขาคงจับปลาใหญ่ได้!
อย่าอิจฉาเลย มันอันตรายมาก คุณก็เห็นไม่ใช่ไงว่าพวกเขาบาดเจ็บมากี่ครั้ง? ฉันประหลาดใจมากที่ฉินเฟิงชิงยังมีชีวิตอยู่
คุณพูดถูก แต่จากที่ฉันเห็น ดูเหมือนฉินเฟิ่งชิงจะขัดเกลากระดูกลำตัวเกือบเสร็จแล้วนะ…
หวังจินหยางก็ก้าวหน้าขึ้นมากเหมือนกัน ฉันว่าเขาคงใกล้บรรลุขั้นสี่ชั้นกลางแล้ว
เฮ้อ คนรุ่นใหม่ก้าวข้ามคนรุ่นก่อนอยู่เสมอ มันไม่ใช่เรื่องไม่ดี ผู้อาวุโสกว่าอย่างเราจะได้สบายขึ้น ฉันมั่นใจว่านายคงได้ยินเรื่องงานประลองที่โม๋อู่ใช่ไหม?
แน่นอน แต่นักศึกษาโม๋อู่ส่วนใหญ่มีแต่พวกสร้างปัญหา ในความเห็นฉัน กองทัพควรเข้าร่วมด้วย ให้อัจฉริยะของกรมทหารสั่งสอนบทเรียนนักศึกษาพวกนี้เสียบ้าง!
เอาจริงดิ แต่มันอาจไม่น่าดูเพราะการประลองพึ่งเริ่มปีนี้ ยังไงเสียรอบหน้ากองทัพก็อาจไม่เข้าร่วม
…
ทุกคนคุยกันสักพัก ไม่ช้าเสียงคุยก็เงียบหายไป
…
โม๋อู่
ในชั้นเรียน
ฟางผิงฟังบทสนทนาเจื้อยแจ้วรอบข้างแล้วรู้สึกอยากฆ่าคน
พวกนายเห็นไหม? มีคนบ้ามาว่ายน้ำตอนฤดูหนาวที่เขตหอพักทุกวันเลย แถมใส่เสื้อผ้าด้วย!
เห็นสิ มันดูไม่เหมือนว่ายน้ำนะ เหมือนตกน้ำมากกว่า
ฉันก็เห็นเหมือนกัน ฉันว่าคงเป็นพวกโง่จากสาขาสังคมศาสตร์ นักศึกษาโม๋อู่ตกน้ำ ช่างน่าขายหน้านัก!
เฮ้ ปัญหาคือมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ฉันเห็นเป็นสิบครั้ง
พวกนายเห็นกันหมด? ฉันคิดว่าฉันตาฝาดไปซะอีก!
บทสนทนารอบข้างดำเนินต่อไม่หยุด บางคนก็หัวเราะเยาะใส่เขาเป็นครั้งคราว
ฟู่ชางติ่งมองฟางผิงด้วยสายตามีความหมายลึกซึ้ง ในเขตหอพักหนึ่งมีไม่กี่คนที่มองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน
มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ฟางผิงตกน้ำและกลับมาหอพักด้วยเนื้อตัวเปียกโชก
แน่นอน คนจากเขตหนึ่งไม่ได้คิดจริงๆว่าฟางผิงจะตกน้ำอะไรแบบนั้น เขาน่าจะกำลังฝึกวิชามากกว่า
แต่คนอื่นไม่รู้!
หลายคนก็กลั้นหัวเราะ แต่ไม่มีใครออกมาอธิบาย เฝ้าดูกันอย่างคึกคัก
ฟางผิงแค่นเสียง คิดกับตัวเอง ‘รอจนกว่าฉันจะบรรลุขั้นต่อไปก่อนเถอะ แล้วพวกนายจะได้เห็น!’
จวงกงมีอยู่สามระดับ แต่มีผู้ฝึกยุทธขั้นสองขั้นสามน้อยคนที่บรรลุขั้นว่างเปล่า
ด้วยการบรรลุขั้นนภาและรวมกับย่ำเมฆา ระหว่างต่อสู้ เขาจะสามารถโจมตีหรือล่าถอยได้ตลอดเวลา
ไม่มีความเจ็บปวดก็ไม่มีกำไร เขาจะยอมรับความอัปยศก่อน แล้วเขาจะได้ชื่อเสียงคืนทีหลัง!
‘รอดูกันไปเถอะ!’ เขาคิด
ฟางผิงเป็นคนใจกว้าง แต่เขาจดจำคนที่พูดนินทาเขากับคนที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆไว้แล้ว
สักวันหนึ่ง เขาจะสั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนี้ทีละคนว่า ‘พูดจาไม่ระวังจะนำพาปัญหา’ นั้นหมายถึงอะไร
ขณะที่ฟางผิงวางแผนล้างแค้นเงียบๆ ฟู่ชางติ่งก็เปลี่ยนหัวข้อด้วยรอยยิ้ม พรุ่งนี้ก็คริสต์มาสแล้ว นายอยากออกไปเที่ยวไหม?
คริสต์มาสเป็นเทศกาลของต่างชาติ มีอะไรให้ฉลองกัน? ฟางผิงแค่นเสียง
ใครจะสนกันว่ามันเป็นเทศกาลของต่างชาติหรือเทศกาลของเรา? เราควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง ช่วงนี้เราเครียดกันมามาก ฉันแทบสลบจากความเครียด
ฟางผิงพิจารณาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าหงึกๆ ตกลง พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกัน
อันที่จริงเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวสนุก แต่เพราะหลี่เฉิงเจ๋อพึ่งโทรมาเตือนว่ามีคนเล็งธุรกิจฟาสต์ฟู้ดของเขา
ธุรกิจฟาสต์ฟู้ดนั้นไม่ซับซ้อน มีคนคิดมาเสมอว่าธุรกิจแบบนี้มีกลุ่มเป้าหมาย ขอแค่ทุกคนทำงานของตน ฟางผิงไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนจะมีผู้ฝึกยุทธมาสร้างปัญหา และมันก็เป็นสิ่งที่ฟางผิงไม่สามารถเมินเฉยได้
…
วันรุ่งขึ้น 25 ธันวาคม
ฟางผิง ฟู่ชางติ่ง ถังซ่งถิง จางเยว่ และเซี่ยเหวินโยวออกมาจากมหาลัยด้วยกันกับเพื่อนๆคนอื่นๆ
หยางเสี่ยวม่านกับพวกต่างก็เร่งรีบบรรลุขั้นหนึ่งสูงสุดจึงไม่มีเวลาออกมาข้างนอก แน่นอนฟู่ชางติ่งไม่ได้ชวนพวกเธอมาเช่นกัน แต่เขาชวนสาวๆคนอื่นจากคลาสฝึกพิเศษมาแทน หญิงสาวเหล่านี้ต่างก็รับคำเชิญเขาทันที ยังไงเสียพวกเธอก็อยู่ห่างจากขั้นหนึ่งสูงสุดอีกไกล พวกเธอจึงไม่ได้รีบร้อน
ฟู่ชางติ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นฟางผิงถือกล่องไม้มาด้วย นายจะทำอะไรกันเนี่ย? เซี่ยงไฮ้ค่อนข้างปลอดภัย นายจะเอาอาวุธไปด้วยทำไม?
เขาย่อมรู้ว่ากล่องของฟางผิงมีอะไรอยู่ข้างใน
ฉันมีเรื่องต้องทำก่อน ฟางผิงบอกฟู่ชางติ่ง พวกนายไปสนุกกันก่อนเลย ฉันจะตามไปทีหลัง
นายจะไปไหน?
อย่ารู้เลย ฉันจะไปสอนบทเรียนให้คนๆนึง สองสามวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
สองสามวันมานี้ ฟางผิงข่มกลั้นความโกรธไว้ตลอด ไม่เพียงแต่เขาจะตกน้ำทุกวันเท่านั้น เขายังถูกคนอื่นหัวเราะเยาะด้วย
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขาอารมณ์เสีย ช่วงนี้เขาไม่มีวิธีหาเงินเลย แถมยังได้แต่ดูค่าทรัพย์สินลดลงไปเรื่อยๆจนเหลือน้อยกว่า 10 ล้านอีก ฟางผิงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
ตอนนี้มีคนพยายามขัดขวางเขาไม่ให้หาเงิน รนหาที่ตายชัดๆ!
หลังบอกลาพวกฟู่ชางติ่ง ฟางผิงก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
…
ณ บริษัทดิสแทนซ์
หลี่เฉิงเจ๋อรออยู่หน้าอาคาร เมื่อเห็นฟางผิง เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่ได้ เขารีบก้าวเข้ามาทันที คุณฟาง…
อีกฝ่ายเป็นใคร?
ผู้ฝึกยุทธจากมหาลัยครุศาสตร์หัวตง เขาพึ่งเรียนจบและพยายามทำธุรกิจ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงหันมาสนใจเรา อย่างที่ผมพูด เขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่จบมาจากมหาลัย แม้ว่าผมจะคอยกระจายข่าวแล้วว่าบริษัทของเราเป็นของนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ…แต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกับอีกฝ่ายเลย…
เขาอยู่ขั้นไหน?
ขั้นสอง
ผู้ฝึกยุทธขั้นสองพยายามยึดธุรกิจฉันงั้นเหรอ? ฟางผิงสบถ ความสามารถแค่นี้? เพียงเพราะฉันไม่สนใจรับคำท้าประลอง ตอนนี้ก็เลยพยายามแทงข้างหลังฉัน!
หลังระเบิดความโกรธ ฟางผิงก็ถาม เขาเป็นขั้นสองสูงสุด หรือพึ่งบรรลุขั้นสอง?
มหาลัยครุศาสตร์หัวตงถือเป็นมหาลัยชั้นสองมากกว่าเป็นมหาลัยทั่วไป
ความสามารถของนักศึกษาไม่ได้อ่อนแอ มีหลายคนจบการศึกษาด้วยขั้นสาม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นสอง ไม่เหมือนกับมหาลัยวิชายุทธทั่วไปที่นักศึกษาส่วนใหญ่จบการศึกษาด้วยขั้นหนึ่ง
อย่างไรก็ตามจบการศึกษาด้วยขั้นสอง แสดงว่าเขาไม่ใช่อัจฉริยะ ผู้ฝึกยุทธแบบนี้อาจไม่แข็งแกร่งนัก
ตราบใดที่คู่ต่อสู้ของฟางผิงไม่ใช่ขั้นสาม ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ผู้ฝึกยุทธขั้นสามในมหาลัยวิชายุทธต่างก็เป็นหัวกะทิ แถมส่วนใหญ่ยังเชี่ยวชาญวิชาต่อสู้อีก
อย่างไรก็ตามขั้นสองอาจไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย
หลี่เฉิงเจ๋อมองฟางผิงอย่างระมัดระวัง เขาครุ่นคิดและตอบอย่างเคารพ ผมเคยถามมาแล้ว เขาบรรลุขั้นสองตอนปลายปีสี่ ซึ่งก็ผ่านมากว่าหกเดือนแล้ว…
แค่ขั้นสองตอนปีสี่ ตอนนี้ครึ่งปี อย่างมากก็คงขัดเกลากระดูก 20 ชิ้น ฟางผิงคำนวณ ความสามารถระดับนี้ ถ้าอีกฝ่ายไม่มีวิชาต่อสู้ แม้แต่ฟางผิงก็จัดการเขาได้
เวลาเหมาะมาก ตั้งแต่ฝึกดาบคลั่งระเบิดเลือดสำเร็จ ฉันยังไม่เคยลองกับคนเลย เขาจะเป็นเป้าลองดาบให้ฉัน!
เมื่อตัดสินใจแล้ว ฟางผิงก็สั่งทันที ไปหาเขากันเถอะ!
ไปหาหน้าประตูเลยเหรอ? หลี่เฉิงเจ๋อตกใจ
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ ลุยกันตรงๆนี่แหละ! ฟางผิงพูด
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ฟางผิงจะไม่ทำแบบนี้ ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆก็เช่นกันนอกจากจะเป็นคนที่ไร้ยางอาย ปกติแล้วผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับทุกคน ไม่ค่อยสร้างปัญหาให้คนอื่นเว้นแต่ผลประโยชน์จะขัดกันจริงๆ หรือได้รับผลประโยชน์มหาศาล
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นแบบนั้น เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ ทั้งสองฝ่ายจึงไม่ต้องเล่นแง่อะไรกัน
มหาลัยครุศาสตร์หัวตง…ครั้งก่อนตอนที่เหล่าหวังขั้นหนึ่งสูงสุด เขาเอาชนะผู้ฝึกยุทธขั้นสองของมหาลัยนี้ได้คนนึง ตอนนี้เป็นตาฉัน!
ระหว่างนั่งอยู่บนรถหลี่เฉิงเจ๋อ ฟางผิงคิดถึงเรื่องนี้อย่างอารมณ์เสีย
เขาเคยคิดว่ามันเจ๋งมากที่ขั้นหนึ่งเอาชนะขั้นสองได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาจำได้ว่าเขาเคยทำมาแล้วครั้งนึงโดยการเอาชนะลัทธิชั่วเหยาจินเฉิงด้วยตัวคนเดียว
แต่เหยาจินเฉิงเป็นผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ว เขาจึงอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ
ด้วยความสามารถในปัจจุบัน แปลว่าฉันนำหน้าเหล่าหวังไปหลายเดือนเลยสินะ? กว่าเขาจะมาถึงช่วงนี้ได้ก็เมื่อต้นปีนี้…
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว ฟางผิงรู้สึกภาคภูมิใจ!
ปีหน้าเขาจะบรรลุขั้นสี่เช่นกันและบดขยี้ผู้ฝึกยุทธระดับขั้นเดียวกันจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น!
แน่นอนเขาไม่ต้องรอให้ถึงปีหน้าด้วยซ้ำ เดือนหน้าเขาจะบดขยี้นักศึกษาชั้นเดียวกันจนไร้พ่าย!
ดีมาก แกจะเป็นเป้าลองดาบของฉัน มาขัดขวางวิธีทำเงินฉันก็ไม่ต่างกับตัดเส้นทางยุทธของฉัน อภัยให้ไม่ได้!
…
ในขณะเดียวกัน
ณ บริษัทตงเซิง
เว่ยตงเซิงขมวดคิ้ว หลี่เฉิงเจ๋อ เจ้านั่นพูดไงบ้าง?
มีคนรายงานทันที หลี่เฉิงเจ๋อดื้อรั้นมาก เขาอ้างว่าเขาไม่ใช่เถ้าแก่ พวกเขาต้องรอเถ้าแก่มาก่อนถึงตัดสินใจได้…
เอานักศึกษาโม๋อู่มากดดันฉันน่ะเหรอ? ถ้าเขาเป็นปีสามปีสี่ ฉันคงยอมแพ้ไปแล้ว แต่เอานักศึกษาใหม่มาขู่ฉัน รนหาที่ตาย! เว่ยตงเซิงคำราม
สิ้นคำพูด พลันมีคนเดินเข้ามารายงาน ประธานเว่ย ผู้จัดการหลี่จากดิสแทนซ์มา และ…
และอะไร?
และมีชายหนุ่มมากับเขาด้วย เหมือนจะมีความตั้งใจไม่ดี เหมือน…เหมือนเขาจะมาสร้างปัญหา
สร้างปัญหา?
สายตาของเว่ยตงเซิงเปล่งประกายวูบนึง เขาพลันถอดเสื้อนอกออก หยิบดาบยาวขึ้นมา ตามมา ไปดูกันเถอะ!
เมื่อเว่ยตงเซิงหยิบดาบขึ้นมา แววตาของลูกน้องก็ลุกโชน
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เว่ยตงเซิงอายุน้อยเช่นนี้ แต่จบการศึกษาจากมหาลัยครุศาสตร์หัวตงด้วยขั้นสองถือเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
พวกเขายังไม่มีโอกาสได้เห็นความสามารถของประธาน ตอนนี้เขากำดาบเดินออกมาจากห้อง พวกเขาคงได้เห็นอะไรสนุกๆเป็นแน่!