World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 158.1 ไร้เทียมทาน (1)
เวลา 14.00 น.
โรงยิมโม๋อู่
เมื่อเทียบกับช่วงเช้าที่ต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เวลานี้ผู้ชมเริ่มรู้ตัว พวกเขาไปหาที่นั่งกันเงียบๆ
ก่อนผู้เข้าประลองจะขึ้นเวทีประลอง หลิวหัวหรงก็พูดขึ้นมา “ช่วงเช้า ตอนการประลองจบลง ผมเข้าไปดูปฏิกิริยาบนอินเตอร์เน็ตมา หลายคนบอกว่าการประลองครั้งนี้โหดร้ายเกินไป…”
“มีความคิดเห็นมากมายบนอินเตอร์เน็ต บางคนก็บอกว่านักศึกษาโหดเหี้ยมเกินไป บางคนก็บอกนักศึกษาโง่เกินไป…”
“ทำไมพวกเขาถึงต้องสู้ถึงขั้นนี้?”
“ทำไมพอรู้ว่าสู้ไม่ได้ พวกเขาถึงไม่ยอมแพ้?”
จากนั้นหลิวหัวหรงก็พลันพูดด้วยความฮึกเหิม “นั่นเป็นเพราะมีแต่ผู้ฝึกยุทธที่ยอมตายในสนามรบมากกว่ายอมจำนน!”
“ทุกคนจำคำพูดของผมไว้!”
“ตอนนี้พวกคุณยังมีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่มันไม่ได้แปลว่าพวกคุณจะไม่มีวันเข้าใจเลย”
“มีคนคอยทำบางอย่างให้พวกคุณอย่างเงียบๆ พวกเขาถูกฆ่าได้ พวกเขาแพ้ได้ แต่พวกเขาไม่มีทางยอมจำนน!”
“นี่เป็นงานประลองที่ดี นักศึกษาไม่ได้ถูกห้ามไม่ให้ยอมแพ้ แต่จนถึงวินาทีสุดท้าย การยอมแพ้ไม่ต่างอะไรกับความอัปยศ”
เฉินเสวี่ยเยี่ยนพูดเสริมขึ้นมาเบาๆ “แข็งแกร่งไม่พอไม่มีปัญหา แต่กระดูกต้องแข็ง!”
“มหาลัยวิชายุทธเป็นตัวอย่าง พวกเขาเป็นตัวอย่างของผู้ฝึกยุทธทุกคน”
…
เมื่อพิธีกรทั้งสองเริ่มพูด การประลองรอบบ่ายก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
“เรามาดูรายชื่อผู้เข้าประลองของโม๋อู่กับแปดมหาลัยพันธมิตรกันดีกว่า”
“โม๋อู่มี ฟางผิง ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน จ้าวเสวี่ยเหมย จ้าวเหล่ย”
“โม๋อู่เลือกเอาหัวหน้าทีมมาเปิดการประลองเช่นกัน แปดมหาลัยพันธมิตรจะใช้หัวหน้าทีมเป็นหัวหอกหรือไม่?”
“รอบเช้า เราได้เห็นการประลองที่ยอดเยี่ยมของหัวหน้าทีมแล้ว การประลองรอบบ่ายจะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นรึเปล่า?”
“ต่อไป เป็นรายชื่อผู้เข้าประลองของแปดมหาลัยพันธมิตร”
“จางกว่างหลิน เฉินหงเหว่ย เว่ยปิน จางจิ่งต่ง ไช่ชิงไห่”
“แปดมหาลัยพันธมิตรไม่ได้ส่งหัวหน้าทีมมาเป็นคนแรก แต่เป็นจางกว่างหลินจากมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนาน หัวหน้าทีมเว่ยปินเป็นคนที่สาม และไช่ชิงไห่จากมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวกั๋วเป็นคนสุดท้าย”
“นี่เป็นกลยุทธ์ของแปดมหาลัยพันธมิตรอย่างนั้นหรือ?”
หลิวหัวหรงพอเดาได้คร่าวๆ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ตอนนี้ ผมขอเชิญผู้ประลองคนแรกขึ้นสู่เวที!”
…
หลังเวที ฟางผิงสวมชุดออกกำลังกายสีดำ ถือดาบฟ่งจุ่ยที่ประกอบแล้วอยู่ในมือ
ฟางผิงสูดหายใจลึกๆก่อนจะก้าวออกไป
“โชคดี!”
“อย่าออมมือล่ะ!”
“ห้าคนติดไปเลย!”
คนอื่นๆส่งเสียงเชียร์ กลุ่มอาจารย์รวมถึงถังเฟิงก็อยู่ข้างๆ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร
…
บนเวทีประลอง
ฟางผิงถือดาบยาวกระโดดขึ้นเวที
ที่ล่างเวที ฟางหยวนไม่ได้ทำตามคำพูดของฟางผิง ฝ่ามือเธอชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อ เธอจับแขนเสี่ยวหลิงแน่น
ขณะที่ฟางผิงขึ้นมาบนเวที จางกว่างหลินที่อยู่อีกด้านก็ควงพลองยาวอัลลอยขึ้นเวทีมาเช่นกัน
“มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ฟางผิง!”
“แปดมหาลัยพันธมิตร จางกว่างหลิน!”
จางกว่างหลินสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้มหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนานได้ประลองกระชับมิตรกับโม๋อู่ แถมเขายังได้แลกเปลี่ยนฝีมือกับคนของโม๋อู่ด้วย
รอบนั้น โม๋อู่ส่งสมาชิกทีมสำรองเกือบทุกคนมาประลอง สมาชิกทีมหลักมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาประลอง นั่นก็คือจ้าวเสวี่ยเหมย
อย่างไรก็ตามรอบนั้น จ้าวเสวี่ยเหมยต่อสู้อย่างดุร้ายยิ่ง จนถึงตอนนี้จางกว่างหลินยังลืมไม่ลงเลยว่าจ้าวเสวี่ยเหมยแทบเตะก้านคอสหายเขา
จ้าวเสวี่ยเหมยก็เป็นแบบนี้แล้ว งั้นฟางผิงล่ะ?
ฟางผิงเป็นหัวหน้าทีมโม๋อู่เลยนะ!
แปดมหาลัยพันธมิตรคาดเดาไว้เช่นกันว่าโม๋อู่คงส่งหัวหน้าทีมมาเป็นคนแรก ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนรายชื่อประลองเดิมไป
จุดประสงค์หลักที่ให้จางกว่างหลินมาเป็นคนแรกไม่ใช่เพื่อล้มฟางผิง แต่เป็นเพื่อผลาญปราณและเลือดของฟางผิง
ถ้าทำได้ เป้าหมายของเขาก็เป็นการเอาชนะ แต่ถ้าทำไม่ได้ เขาจะลากถ่วงการต่อสู้ให้ฟางผิงเหนื่อย ทำให้เว่ยปินได้เปรียบ ทำให้เว่ยปินดึงจำนวนคนให้เหลือเท่าๆกันได้
“เริ่ม!”
เมื่อกรรมการบอกเริ่ม จางกว่างหลินก้าวถอยทันที…แต่ฟางผิงไม่ได้โจมตี เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม
สถานการณ์ของทั้งสองคนทำให้ทุกคนตะลึงทันที
อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่ได้เร่งรีบ เขาไม่ได้เงื้อมดาบฟ่งจุ่ยขึ้น แต่กลับเดินลากเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
“รอบก่อน ตอนที่อยู่ที่มหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนาน ฉันเห็นสหายนักศึกษาต่อสู้ด้วยการสั่งสมพลัง แถมมันยังได้ผลดีไม่เลวเลย”
“รอบนี้ฉันอยากยืมมาใช้มั่ง ไม่ว่ากันใช่ไหม?”
สีหน้าของจางกว่างหลินยังคงเคร่งขรึมดั่งเดิม เขาไม่ตอบ แต่หยุดก้าวถอยไปแทน ฟางผิงใช้วิธีสั่งสมพลัง เขาไม่ควรหลีกเลี่ยงการปะทะอีก เขาควรใช้วิธีรุกเพื่อขัดขวางการสั่งสมพลังของฟางผิง!
ฟางผิงยังไม่ทันเดินเข้าใกล้ พลองยาวของจางกว่างหลินก็ส่งเสียงหวีดหวิว หมายพุ่งแทงคอฟางผิง!
อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่ได้ใช้ดาบยาว เขาหมุนศีรษะเป็นวงกลม หลบหลีกการโจมตีอีกฝ่าย
จางกว่างหลินไม่ได้แปลกใจ พลองยาวเปลี่ยนจากท่าแทงเป็นท่ากวาด ผ่านไปได้ครึ่งทางท่ากวาดก็แปรเปลี่ยน จางกว่างหลินฟาดฟันจากบนลงล่างปานสายฟ้า!
จากความเข้าใจของผู้ฝึกยุทธบางส่วน ตอนนี้ฟางผิงกำลังสั่งสมพลัง เขาย่อมไม่อาจเคลื่อนดาบ
แต่วินาทีถัดมา หลายคนก็เข้าใจแล้วว่าตนคิดผิด!
ฟางผิงที่ลากดาบพลันพุ่งกายไปข้างหน้า!
เคร้ง!
ประกายไฟกระเซ็นซ่าน
จางกว่างหลินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านพลองยาว ฝ่ามือเหน็บชา สั่นสะท้านไปวูบนึง
“ฉันแค่ไม่อยากให้นายหลีกเลี่ยงการปะทะ!” ฟางผิงพลันกล่าวออกมา จากนั้นดาบยาวก็โบกวูบจนสายลมพัดกระจาย
เคร้ง!
จางกว่างหลินฝืนรับการโจมตีอีกครั้ง พาร่างกายถอยล่นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงไม่หยุด สาวเท้าก้าวเข้าไป กู่ร้องคำราม พร้อมกับดาบยาวในมือฟันลงมาอีกครั้ง!
เคร้ง!
ดาบยาวเคลื่อนไหวไม่ต่างกับเงาดำ เสียงลมไม่ทันมา เสียง ‘เคร้ง’ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่ผู้ชมจะรู้ตัว เสียงที่สามก็ไม่ใช่เสียง ‘เคร้ง’ อีกแล้ว แต่เป็นเสียงโลหะอัลลอยถูกตัดขาด
แคร็ก…
เสียงแตกร้าวดังขึ้นมาเบาๆ บนชั้นสอง หลายคนหน้าเปลี่ยนสี
ฟางผิงฟันพลองยาวอัลลอยของจางกว่างหลินเป็นสองท่อนเพียงสามดาบ!
จางกว่างหลินก็คาดไม่ถึง แทบจะในทันที ดาบยาวที่ยังเหลือพลังอยู่ก็กระแทกลงบนอกเขาทันที
“พรวด!”
กองเลือดพุ่งพรวดออกมา กระดูกอกของจางกว่างหลินส่งเสียงแตกหักชัดเจน
ฟางผิงไม่หยุด ดาบยาวถูกเงื้อมขึ้น ปราณและเลือดปะทุขึ้นมาก่อนจะฟันจากบนลงล่างอีกครั้ง!
“ยอมแพ้!” ปรมาจารย์ตะโกนมาจากชั้นสอง
รอบนี้กรรมการไม่ได้เลือกที่จะกันดาบฟางผิง แต่เลือกดึงตัวจางกว่างหลินหลบดาบฟางผิงแทน
ฟางผิงไม่ได้รั้งดาบกลับมา มันกระแทกกับกลางเวทีเสียงดัง จนกลายเป็นรอยลึกบนพื้น
“ฟู่ว…”
จางกว่างหลินระบายลมหายใจออกมาด้วยความเจ็บปวด บริเวณอกย้อมเป็นสีแดงเลือด เขารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้าทีมโม๋อู่ แต่เขาก็คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเอาชนะเขาด้วยวิธีแบบนี้!
แค่สามดาบ พลองยาวอัลลอยเขาถูกฟันเป็นสองท่อน!
ล่างเวทีประลอง หลิวหัวหรงประหลาดใจไม่น้อย “หัวหน้าทีมฟางผิงจากโม๋อู่ไม่ได้แสดงฝีมือนัก แต่เขาฟันพลองยาวอัลลอยเกรดเอฟด้วยสามดาบ ทั้งสามดาบระเบิดปราณและเลือดประมาณ 60แคล”
“เอ่อ…เขาไม่คิดที่จะประลองรอบสองแล้วหรือ?”
ถูกต้อง มันดูแล้วเหมือนฟางผิงจะเอาชนะมาง่ายๆ ใช้สามดาบทำลายพลองอัลลอยของอีกฝ่าย บวกกับสองดาบ ดาบแรกกับดาบสุดท้าย
รวมแล้วฟางผิงผลาญปราณและเลือดไปอย่างน้อย 220แคล
ร่างกายมนุษย์จำต้องรักษาระดับปราณและเลือดที่จำเป็นเอาไว้ ฟางผิงอาจชนะรอบแรกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาไม่มีทางประลองรอบสองได้!
เวลานี้ ฟางผิงยังมีปราณและเลือดถึง 100แคลไหม?
ต่อให้เขาทานเม็ดยา แต่เขาจะฟื้นตัวได้ทันเวลาเหรอ?
ไม่ใช่แค่หลิวหัวหรงเท่านั้นที่คิดแบบนั้น แต่หลายคนก็มีความคิดคล้ายกัน พวกเขารู้สึกว่าโม๋อู่ทุ่มพลังโจมตีขวัญกำลังใจคู่ต่อสู้
จางกว่างหลินแพ้เร็วเกินไป มันน่าตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้กระบวนท่าเพื่อฟันอาวุธบนเวทีประลอง
ขณะที่ทุกคนคาดเดากันไปเรื่อยเปื่อย ฟางผิงพลันยัดยาเข้าปาก หนึ่งเม็ดเหมือนไม่เพียงพอ ไม่นานฟางผิงก็ยัดเข้าไปอีกเม็ด
“นี่มัน…”
ไม่ถึง 20 วินาทีต่อมา ทุกคนก็เห็นว่าปราณและเลือดของฟางผิงที่เริ่มเหือดแห้งค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมา ช่วงเวลาสั้นๆดูเหมือนเขาจะฟื้นตัวมาจนถึงขีดสุด
…
ชั้นสอง
อาจารย์จากมหาลัยครุศาสตรืหัวตงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่มัน…เม็ดยาถูกย่อยแล้ว?”
ปรมาจารย์ก็ไม่สามารถมองทะลุร่างกายมนุษย์ ล้วงลึกเข้าไปถึงอวัยภายใน
พวกเขาสัมผัสได้ว่าหลังทานเม็ดยา ปราณและเลือดของฟางผิงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ความเร็วการฟื้นฟูน่าตื่นตะลึงมาก
ปรมาจารย์จากมหาลัยวิชายุทธแห่งชาติก็ขมวดคิ้วไม่ต่างกัน “ร่างกายที่ดูดซึมเม็ดยาได้เร็วงั้นเหรอ? มิน่าล่ะ…”
มิน่าล่ะ ฟางผิงถึงต่อสู้อย่างดุร้าย ไม่คิดรักษาปราณและเลือดของตนเลย
ถ้าเป็นแบบนี้ แปดมหาลัยพันธมิตรจะมีปัญหา เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับหัวหน้าทีมโม๋อู่ที่สามารถฟื้นฟูปราณและเลือดจนถึงจุดสูงสุดได้ตลอดเวลา
“ปีหน้า เราควรจำกัดการใช้ยา” มีคนพูดขึ้นมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรนัก
ใต้จมูกพวกเขา พวกเขาเห็นแค่ว่าฟางผิงฟื้นฟูปราณและเลือดหลังกินเม็ดยา ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้ก็คือ เขามีร่างกายที่มีความสามารถในการดูดซึมเม็ดยาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ฝึกยุทธประเภทนี้ พวกเขาแค่หายากเฉยๆ
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยาทุกตัวมีผลข้างเคียง ต่อให้คนที่มีสภาพร่างกายแบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกินยาจำนวนมากได้
…
โรงยิมโม๋อู่
เมื่อเทียบกับช่วงเช้าที่ต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เวลานี้ผู้ชมเริ่มรู้ตัว พวกเขาไปหาที่นั่งกันเงียบๆ
ก่อนผู้เข้าประลองจะขึ้นเวทีประลอง หลิวหัวหรงก็พูดขึ้นมา “ช่วงเช้า ตอนการประลองจบลง ผมเข้าไปดูปฏิกิริยาบนอินเตอร์เน็ตมา หลายคนบอกว่าการประลองครั้งนี้โหดร้ายเกินไป…”
“มีความคิดเห็นมากมายบนอินเตอร์เน็ต บางคนก็บอกว่านักศึกษาโหดเหี้ยมเกินไป บางคนก็บอกนักศึกษาโง่เกินไป…”
“ทำไมพวกเขาถึงต้องสู้ถึงขั้นนี้?”
“ทำไมพอรู้ว่าสู้ไม่ได้ พวกเขาถึงไม่ยอมแพ้?”
จากนั้นหลิวหัวหรงก็พลันพูดด้วยความฮึกเหิม “นั่นเป็นเพราะมีแต่ผู้ฝึกยุทธที่ยอมตายในสนามรบมากกว่ายอมจำนน!”
“ทุกคนจำคำพูดของผมไว้!”
“ตอนนี้พวกคุณยังมีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่มันไม่ได้แปลว่าพวกคุณจะไม่มีวันเข้าใจเลย”
“มีคนคอยทำบางอย่างให้พวกคุณอย่างเงียบๆ พวกเขาถูกฆ่าได้ พวกเขาแพ้ได้ แต่พวกเขาไม่มีทางยอมจำนน!”
“นี่เป็นงานประลองที่ดี นักศึกษาไม่ได้ถูกห้ามไม่ให้ยอมแพ้ แต่จนถึงวินาทีสุดท้าย การยอมแพ้ไม่ต่างอะไรกับความอัปยศ”
เฉินเสวี่ยเยี่ยนพูดเสริมขึ้นมาเบาๆ “แข็งแกร่งไม่พอไม่มีปัญหา แต่กระดูกต้องแข็ง!”
“มหาลัยวิชายุทธเป็นตัวอย่าง พวกเขาเป็นตัวอย่างของผู้ฝึกยุทธทุกคน”
…
เมื่อพิธีกรทั้งสองเริ่มพูด การประลองรอบบ่ายก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
“เรามาดูรายชื่อผู้เข้าประลองของโม๋อู่กับแปดมหาลัยพันธมิตรกันดีกว่า”
“โม๋อู่มี ฟางผิง ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน จ้าวเสวี่ยเหมย จ้าวเหล่ย”
“โม๋อู่เลือกเอาหัวหน้าทีมมาเปิดการประลองเช่นกัน แปดมหาลัยพันธมิตรจะใช้หัวหน้าทีมเป็นหัวหอกหรือไม่?”
“รอบเช้า เราได้เห็นการประลองที่ยอดเยี่ยมของหัวหน้าทีมแล้ว การประลองรอบบ่ายจะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นรึเปล่า?”
“ต่อไป เป็นรายชื่อผู้เข้าประลองของแปดมหาลัยพันธมิตร”
“จางกว่างหลิน เฉินหงเหว่ย เว่ยปิน จางจิ่งต่ง ไช่ชิงไห่”
“แปดมหาลัยพันธมิตรไม่ได้ส่งหัวหน้าทีมมาเป็นคนแรก แต่เป็นจางกว่างหลินจากมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนาน หัวหน้าทีมเว่ยปินเป็นคนที่สาม และไช่ชิงไห่จากมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวกั๋วเป็นคนสุดท้าย”
“นี่เป็นกลยุทธ์ของแปดมหาลัยพันธมิตรอย่างนั้นหรือ?”
หลิวหัวหรงพอเดาได้คร่าวๆ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ตอนนี้ ผมขอเชิญผู้ประลองคนแรกขึ้นสู่เวที!”
…
หลังเวที ฟางผิงสวมชุดออกกำลังกายสีดำ ถือดาบฟ่งจุ่ยที่ประกอบแล้วอยู่ในมือ
ฟางผิงสูดหายใจลึกๆก่อนจะก้าวออกไป
“โชคดี!”
“อย่าออมมือล่ะ!”
“ห้าคนติดไปเลย!”
คนอื่นๆส่งเสียงเชียร์ กลุ่มอาจารย์รวมถึงถังเฟิงก็อยู่ข้างๆ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร
…
บนเวทีประลอง
ฟางผิงถือดาบยาวกระโดดขึ้นเวที
ที่ล่างเวที ฟางหยวนไม่ได้ทำตามคำพูดของฟางผิง ฝ่ามือเธอชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อ เธอจับแขนเสี่ยวหลิงแน่น
ขณะที่ฟางผิงขึ้นมาบนเวที จางกว่างหลินที่อยู่อีกด้านก็ควงพลองยาวอัลลอยขึ้นเวทีมาเช่นกัน
“มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ฟางผิง!”
“แปดมหาลัยพันธมิตร จางกว่างหลิน!”
จางกว่างหลินสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้มหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนานได้ประลองกระชับมิตรกับโม๋อู่ แถมเขายังได้แลกเปลี่ยนฝีมือกับคนของโม๋อู่ด้วย
รอบนั้น โม๋อู่ส่งสมาชิกทีมสำรองเกือบทุกคนมาประลอง สมาชิกทีมหลักมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาประลอง นั่นก็คือจ้าวเสวี่ยเหมย
อย่างไรก็ตามรอบนั้น จ้าวเสวี่ยเหมยต่อสู้อย่างดุร้ายยิ่ง จนถึงตอนนี้จางกว่างหลินยังลืมไม่ลงเลยว่าจ้าวเสวี่ยเหมยแทบเตะก้านคอสหายเขา
จ้าวเสวี่ยเหมยก็เป็นแบบนี้แล้ว งั้นฟางผิงล่ะ?
ฟางผิงเป็นหัวหน้าทีมโม๋อู่เลยนะ!
แปดมหาลัยพันธมิตรคาดเดาไว้เช่นกันว่าโม๋อู่คงส่งหัวหน้าทีมมาเป็นคนแรก ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนรายชื่อประลองเดิมไป
จุดประสงค์หลักที่ให้จางกว่างหลินมาเป็นคนแรกไม่ใช่เพื่อล้มฟางผิง แต่เป็นเพื่อผลาญปราณและเลือดของฟางผิง
ถ้าทำได้ เป้าหมายของเขาก็เป็นการเอาชนะ แต่ถ้าทำไม่ได้ เขาจะลากถ่วงการต่อสู้ให้ฟางผิงเหนื่อย ทำให้เว่ยปินได้เปรียบ ทำให้เว่ยปินดึงจำนวนคนให้เหลือเท่าๆกันได้
“เริ่ม!”
เมื่อกรรมการบอกเริ่ม จางกว่างหลินก้าวถอยทันที…แต่ฟางผิงไม่ได้โจมตี เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม
สถานการณ์ของทั้งสองคนทำให้ทุกคนตะลึงทันที
อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่ได้เร่งรีบ เขาไม่ได้เงื้อมดาบฟ่งจุ่ยขึ้น แต่กลับเดินลากเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
“รอบก่อน ตอนที่อยู่ที่มหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนาน ฉันเห็นสหายนักศึกษาต่อสู้ด้วยการสั่งสมพลัง แถมมันยังได้ผลดีไม่เลวเลย”
“รอบนี้ฉันอยากยืมมาใช้มั่ง ไม่ว่ากันใช่ไหม?”
สีหน้าของจางกว่างหลินยังคงเคร่งขรึมดั่งเดิม เขาไม่ตอบ แต่หยุดก้าวถอยไปแทน ฟางผิงใช้วิธีสั่งสมพลัง เขาไม่ควรหลีกเลี่ยงการปะทะอีก เขาควรใช้วิธีรุกเพื่อขัดขวางการสั่งสมพลังของฟางผิง!
ฟางผิงยังไม่ทันเดินเข้าใกล้ พลองยาวของจางกว่างหลินก็ส่งเสียงหวีดหวิว หมายพุ่งแทงคอฟางผิง!
อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่ได้ใช้ดาบยาว เขาหมุนศีรษะเป็นวงกลม หลบหลีกการโจมตีอีกฝ่าย
จางกว่างหลินไม่ได้แปลกใจ พลองยาวเปลี่ยนจากท่าแทงเป็นท่ากวาด ผ่านไปได้ครึ่งทางท่ากวาดก็แปรเปลี่ยน จางกว่างหลินฟาดฟันจากบนลงล่างปานสายฟ้า!
จากความเข้าใจของผู้ฝึกยุทธบางส่วน ตอนนี้ฟางผิงกำลังสั่งสมพลัง เขาย่อมไม่อาจเคลื่อนดาบ
แต่วินาทีถัดมา หลายคนก็เข้าใจแล้วว่าตนคิดผิด!
ฟางผิงที่ลากดาบพลันพุ่งกายไปข้างหน้า!
เคร้ง!
ประกายไฟกระเซ็นซ่าน
จางกว่างหลินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านพลองยาว ฝ่ามือเหน็บชา สั่นสะท้านไปวูบนึง
“ฉันแค่ไม่อยากให้นายหลีกเลี่ยงการปะทะ!” ฟางผิงพลันกล่าวออกมา จากนั้นดาบยาวก็โบกวูบจนสายลมพัดกระจาย
เคร้ง!
จางกว่างหลินฝืนรับการโจมตีอีกครั้ง พาร่างกายถอยล่นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงไม่หยุด สาวเท้าก้าวเข้าไป กู่ร้องคำราม พร้อมกับดาบยาวในมือฟันลงมาอีกครั้ง!
เคร้ง!
ดาบยาวเคลื่อนไหวไม่ต่างกับเงาดำ เสียงลมไม่ทันมา เสียง ‘เคร้ง’ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่ผู้ชมจะรู้ตัว เสียงที่สามก็ไม่ใช่เสียง ‘เคร้ง’ อีกแล้ว แต่เป็นเสียงโลหะอัลลอยถูกตัดขาด
แคร็ก…
เสียงแตกร้าวดังขึ้นมาเบาๆ บนชั้นสอง หลายคนหน้าเปลี่ยนสี
ฟางผิงฟันพลองยาวอัลลอยของจางกว่างหลินเป็นสองท่อนเพียงสามดาบ!
จางกว่างหลินก็คาดไม่ถึง แทบจะในทันที ดาบยาวที่ยังเหลือพลังอยู่ก็กระแทกลงบนอกเขาทันที
“พรวด!”
กองเลือดพุ่งพรวดออกมา กระดูกอกของจางกว่างหลินส่งเสียงแตกหักชัดเจน
ฟางผิงไม่หยุด ดาบยาวถูกเงื้อมขึ้น ปราณและเลือดปะทุขึ้นมาก่อนจะฟันจากบนลงล่างอีกครั้ง!
“ยอมแพ้!” ปรมาจารย์ตะโกนมาจากชั้นสอง
รอบนี้กรรมการไม่ได้เลือกที่จะกันดาบฟางผิง แต่เลือกดึงตัวจางกว่างหลินหลบดาบฟางผิงแทน
ฟางผิงไม่ได้รั้งดาบกลับมา มันกระแทกกับกลางเวทีเสียงดัง จนกลายเป็นรอยลึกบนพื้น
“ฟู่ว…”
จางกว่างหลินระบายลมหายใจออกมาด้วยความเจ็บปวด บริเวณอกย้อมเป็นสีแดงเลือด เขารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้าทีมโม๋อู่ แต่เขาก็คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเอาชนะเขาด้วยวิธีแบบนี้!
แค่สามดาบ พลองยาวอัลลอยเขาถูกฟันเป็นสองท่อน!
ล่างเวทีประลอง หลิวหัวหรงประหลาดใจไม่น้อย “หัวหน้าทีมฟางผิงจากโม๋อู่ไม่ได้แสดงฝีมือนัก แต่เขาฟันพลองยาวอัลลอยเกรดเอฟด้วยสามดาบ ทั้งสามดาบระเบิดปราณและเลือดประมาณ 60แคล”
“เอ่อ…เขาไม่คิดที่จะประลองรอบสองแล้วหรือ?”
ถูกต้อง มันดูแล้วเหมือนฟางผิงจะเอาชนะมาง่ายๆ ใช้สามดาบทำลายพลองอัลลอยของอีกฝ่าย บวกกับสองดาบ ดาบแรกกับดาบสุดท้าย
รวมแล้วฟางผิงผลาญปราณและเลือดไปอย่างน้อย 220แคล
ร่างกายมนุษย์จำต้องรักษาระดับปราณและเลือดที่จำเป็นเอาไว้ ฟางผิงอาจชนะรอบแรกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาไม่มีทางประลองรอบสองได้!
เวลานี้ ฟางผิงยังมีปราณและเลือดถึง 100แคลไหม?
ต่อให้เขาทานเม็ดยา แต่เขาจะฟื้นตัวได้ทันเวลาเหรอ?
ไม่ใช่แค่หลิวหัวหรงเท่านั้นที่คิดแบบนั้น แต่หลายคนก็มีความคิดคล้ายกัน พวกเขารู้สึกว่าโม๋อู่ทุ่มพลังโจมตีขวัญกำลังใจคู่ต่อสู้
จางกว่างหลินแพ้เร็วเกินไป มันน่าตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้กระบวนท่าเพื่อฟันอาวุธบนเวทีประลอง
ขณะที่ทุกคนคาดเดากันไปเรื่อยเปื่อย ฟางผิงพลันยัดยาเข้าปาก หนึ่งเม็ดเหมือนไม่เพียงพอ ไม่นานฟางผิงก็ยัดเข้าไปอีกเม็ด
“นี่มัน…”
ไม่ถึง 20 วินาทีต่อมา ทุกคนก็เห็นว่าปราณและเลือดของฟางผิงที่เริ่มเหือดแห้งค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมา ช่วงเวลาสั้นๆดูเหมือนเขาจะฟื้นตัวมาจนถึงขีดสุด
…
ชั้นสอง
อาจารย์จากมหาลัยครุศาสตรืหัวตงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่มัน…เม็ดยาถูกย่อยแล้ว?”
ปรมาจารย์ก็ไม่สามารถมองทะลุร่างกายมนุษย์ ล้วงลึกเข้าไปถึงอวัยภายใน
พวกเขาสัมผัสได้ว่าหลังทานเม็ดยา ปราณและเลือดของฟางผิงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ความเร็วการฟื้นฟูน่าตื่นตะลึงมาก
ปรมาจารย์จากมหาลัยวิชายุทธแห่งชาติก็ขมวดคิ้วไม่ต่างกัน “ร่างกายที่ดูดซึมเม็ดยาได้เร็วงั้นเหรอ? มิน่าล่ะ…”
มิน่าล่ะ ฟางผิงถึงต่อสู้อย่างดุร้าย ไม่คิดรักษาปราณและเลือดของตนเลย
ถ้าเป็นแบบนี้ แปดมหาลัยพันธมิตรจะมีปัญหา เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับหัวหน้าทีมโม๋อู่ที่สามารถฟื้นฟูปราณและเลือดจนถึงจุดสูงสุดได้ตลอดเวลา
“ปีหน้า เราควรจำกัดการใช้ยา” มีคนพูดขึ้นมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรนัก
ใต้จมูกพวกเขา พวกเขาเห็นแค่ว่าฟางผิงฟื้นฟูปราณและเลือดหลังกินเม็ดยา ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้ก็คือ เขามีร่างกายที่มีความสามารถในการดูดซึมเม็ดยาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ฝึกยุทธประเภทนี้ พวกเขาแค่หายากเฉยๆ
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยาทุกตัวมีผลข้างเคียง ต่อให้คนที่มีสภาพร่างกายแบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกินยาจำนวนมากได้
…