World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 169.1 ช่วงรุ่งเรือง! (1)
วันที่ 19 มกราคม หรือวันที่ 24 เดือน 12 ปฏิทินจันทรคติ
ณ ย่านกวนหูหยวน
ฟางผิงกล่าวอย่างอายๆ ขอโทษที่รบกวนนะ ต้องให้เธอถ่อมาหาถึงนี่เลย
ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำ
หลิวรั่วฉียิ้มก่อนจะมองฟางหยวนที่ค่อนข้างตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นมา เธอควรถนอมโอกาสนี้นะ ย้อนกลับไปตอนนั้นเพื่อเพิ่มปราณและเลือด เราถึงกับ…
หลิวรั่วฉีไม่ได้พูดต่อ การที่เด็กในครอบครัวธรรมดาอยากเพิ่มปราณและเลือด มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็น
แค่ยาฟื้นฟูเลือดและลมปราณเม็ดเดียว จะซื้อแต่ละทีเธอยังลังเล!
กลับกันฟางหยวนกินยาฟื้นฟูเลือดและลมปราณไม่รู้มากเท่าไหร่ แถมยังมียาปราณและเลือดสามัญด้วย
เมื่อเทียบกันแล้ว หลิวรั่วฉีในปัจจุบันยังใช้ยาปราณและเลือดสามัญตามใจไม่ได้เลย
เมื่อเธอเข้ามหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน ทางมหาลัยมอบให้เธอ 30 คะแนน อย่างไรก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนเม็ดยาในมหาลัยเทียนหนานแพงกว่า ยาปราณและเลือดสามัญเม็ดนึงต้องใช้ถึง 5 คะแนน
ถ้าคำนวณดู หลังเข้าสู่มหาลัยวิชายุทธ ทางมหาลัยจะมอบยาปราณและเลือดสามัญฟรีแค่ 6 เม็ดเท่านั้น
จำนวนนี้ไม่มากเท่าที่ฟางหยวนได้ใช้ไปด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้น ตามมาตรฐานของพวกเขา สิ่งที่มหาลัยมอบให้ปีนี้ถือว่าเยอะแล้ว ในปีก่อนๆ พวกเขาแจกน้อยกว่านี้อีก
ฟางหยวนรีบพยักหน้าหงึกๆและตามพวกเขาทั้งสองไปยังชั้นบน
จำตำแหน่งเส้นลมปราณไว้ การฝึก‘เคล็ดเสริมสร้าง’ขั้นต้นไม่ยาก…
ขณะที่ฟางผิงพูด เม็ดยาปราณและเลือดสามัญสองเม็ดก็ปรากฏบนมือ เขาส่งให้หลิวรั่วฉีแล้วกล่าว ถ้าปราณและเลือดเธอไม่พอก็ฝากดูแลเธอหน่อย เอายาให้เธอใช้ถ้าจำเป็น
โอเค
หลิวรั่วฉีตอบรับและรู้สึกทอดถอนใจกับความมั่งคั่งของฟางผิงอีกครั้ง ฟางผิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ควักยาปราณและเลือดมาสองเม็ดง่ายๆเลย
…
หลังฟางหยวนกับหลิวรั่วฉีเข้าไปในบ้านพร้อมกัน ฟางผิงก็เฝ้าอยู่นอกประตู
อย่างไรก็ตาม ฟางผิงกำลังคิดอยู่ว่า เมื่อฟางหยวนฝึกฝนเคล็ดเสริมสร้างสำเร็จ เธอก็จะเข้าสู่แวดวงยุทธอย่างเป็นทางการทันที
กระนั้นฟางผิงก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าให้ฟางหยวนเป็นคนสามัญก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
แต่ถ้าสถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเลวร้ายลง คนธรรมดาสามัญจะอยู่รอดได้นานกว่าผู้ฝึกยุทธได้อย่างไร?
เมื่อเป็นแบบนั้น ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งดี
ขณะที่ฟางผิงครุ่นคิดเรื่องนี้ โทรศัพท์เขาก็สั่น
ฟางผิงเหลือบมองหมายเลขแล้วเดินไปทางบันได เขารับสายแล้วพูด นายนึกครึ้มยังไงโทรหาฉัน?
ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางผิง ฉันทะลวงขั้นสองแล้ว!
ฉันเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคนแรกของโม๋อู่ที่ทะลวงขั้นสอง!
หลังคิดๆดู ฉันก็รู้สึกว่าฉันควรเอาข่าวดีมาแบ่งปันกับนาย ฉันทะลวงสู่ขั้นสองได้ในหนึ่งเทอม!
ฟู่ชางติ่งมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้ ความคืบหน้าขัดเกลากระดูกของเขาเทียบกับจ้าวเหล่ยไม่ได้ แถมต่อมายังถูกฟางผิงแซงอีก
ในช่วงงานประลอง ทุกคนหยุดอยู่ที่ขั้นหนึ่งสูงสุด
เขากลับบ้านพักฟื้นอยู่สองสามวันก่อนจะเตรียมทะลวงขั้น ซึ่งเขาก็ทะลวงสำเร็จเมื่อสักครู่เอง
เวลานี้ เนื่องจากหยางเสี่ยวม่านกับจ้าวเสวี่ยเหมยได้รับบาดเจ็บ พวกเธอจึงทะลวงสู่ขั้นสองไม่ได้ในเร็วๆนี้แน่นอน
กลับกันเขาบาดเจ็บไม่มากนัก และทะลวงสู่ขั้นสองอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงหายใจได้เต็มปอดและผ่อนคลายยิ่งขึ้น
โอ้ ขั้นสองแล้ว
ถูกต้อง ผู้ฝึกยุทธขั้นสอง!
ฉันทะลวงขั้นทันทีหลังจบงานประลอง ฉันขัดเกลากระดูกแขนสองชิ้นแล้ว นายล่ะขัดเกลาไปกี่ชิ้นละ?
ห๊ะ?
ปลายสายเงียบไปสักครู่ก่อนที่ฟู่ชางติ่งจะพูดตะกุกตะกัก นะ นาย…ทะลวงขั้นแล้ว?
อือฮึ นายไม่เชื่อเหรอ?
เชื่อสิ แค่นี้นะ!
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…
ฟู่ชางติ่งวางสายปานสายฟ้าแลบแล้วสบถเสียงดัง!
ฟางผิงขัดเกลากระดูกไปสองชิ้นแล้ว!
กระดูกขามี 62 ชิ้น กระดูกแขนมี 64 ชิ้น ด้วยความเร็วระดับนี้ เขาจะไม่เป็นขั้นสองสูงสุดในสี่เดือนงั้นเหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าหมอนี่จะเข้าสู่ขั้นสามตอนสิ้นปีหนึ่ง?
ยิ่งเขาคิด เขาก็ยิ่งเศร้า โม๋อู่มีอัจฉริยะมากเกินไป ฟู่ชางติ่งแทบไม่มีที่ยืน
…
ฟางผิงยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเม้มปาก ‘นายอยากมาโม้กับฉันงั้นเหรอ? มีน้ำไหลเข้าสมองนายเหรอ?’
ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่า เขาทนใช้เงินไม่ได้ เขาคงซื้อเม็ดยาชำระร่างกายหลายสิบเม็ดแล้วกลายเป็นขั้นสองสูงสุดในพริบตา
บางทีอาจจำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้…
ฟางผิงกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่อยากเสียเวลาขัดเกลากระดูกในสามขั้นแรกนานเกินไป
อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่อยากใช้เวลานานเกินไป เขาก็จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่
ด้วยสภาพเขาตอนนี้ ถ้าเขาใช้เม็ดยาชำระร่างกายมาอาบทุกวัน เขาอาจขัดเกลากระดูกสำเร็จในหนึ่งถึงสองเดือน
แต่เม็ดยาชำระร่างกายเม็ดนึงมีราคาถึงล้านหยวน!
ที่มหาลัยจะถูกลงหน่อย เม็ดละ 30 คะแนน ซึ่งตอนนี้ฟางผิงยังเหลือคะแนนอยู่ 420 คะแนน ยิ่งกว่านั้นเขายังได้รางวัล 100 คะแนนจากการทะลวงขั้นสอง แปลว่าเขามีคะแนนรวมทั้งหมด 520 คะแนน
ถ้าเขาแลกทั้งหมด เขาจะได้เม็ดยาชำระร่างกาย 17 เม็ด
ถ้าฉันใช้เม็ดยาชำระร่างกายเพื่อขัดเกลาร่างกายแล้วใช้ค่าทรัพย์สินเพื่อขัดเกลากระดูก มันต้องเร็วจนน่าตกใจแน่…
ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง น่าเสียดายที่เขาไม่เต็มใจนัก
ไว้ฉันจะคิดอีกทีหลังกลับมหาลัย ฉันจะดูก่อนว่าสองสามวันนี้ฉันจะขัดเกลากระดูกได้กี่ชิ้น
…
ขณะที่ฟางผิงกำลังคิดคำนวณ เวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องฝึกฝนถูกผลักออกมา หลิวรั่วฉียิ้ม ทุกอย่างราบรื่น เธอฝึกเคล็ดเสริมสร้างครั้งแรกสำเร็จด้วยดี
ด้านหลัง ฟางหยวนตามเธอเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ฟางผิงก็มีความสุขเช่นกันที่รู้ว่าน้องสาวฝึกฝนได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามเขาก็รีบดุใส่ ฟางหยวนไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็นมาก!
อ๊ะ?
จากนั้นฟางหยวนถึงตระหนักว่าร่างกายเธอเต็มไปด้วยคราบเลือด เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบวิ่งไปอาบน้ำ
หลังเธอจากไปแล้ว ฟางผิงถึงยิ้มให้หลิวรั่วฉีแล้วกล่าว ขอบใจมากนะ
ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร ฉันยินดีช่วย เอ้อ ฟางหยวนมีปราณและเลือดพอ เม็ดยาเลยไม่ได้ใช้…
เธอเก็บไปเถอะ
หือ?
หลิวรั่วฉีมองฟางผิงด้วยความประหลาดใจ
ฉันรบกวนเธอให้เธอถ่อมาหาถึงที่นี่ แถมยังทำให้เธอเสียเวลาไปมาก เก็บไว้ใช้เองเถอะ มันจะช่วยให้เธอเป็นผู้ฝึกยุทธเร็วขึ้น
มัน…มันล้ำค่าเกินไป มันไม่เหมาะสม!
หลิวรั่วฉีรีบปฏิเสธแล้ววางเม็ดยาไว้ข้างๆก่อนจะพูด งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้
หลังพูดจบ หลิวรั่วฉีก็รีบลงบันไดไป
หลังครุ่นคิดสักพัก ฟางผิงก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรเช่นกัน กระนั้นสีหน้าของหลิวรั่วฉีตอนท้ายทำให้เขาสับสน หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ ก็แค่เขาหาคนที่เหมาะสมมาช่วยเรื่องฟางหยวนไม่ได้ เพราะผู้ฝึกยุทธหญิงทุกคนที่เขารู้จักอยู่ที่โม๋อู่กันหมด
แต่เนื่องจากเขาเตรียมเม็ดยาพวกนี้ไว้แล้ว เขาจึงคิดมอบให้เธอเป็นการแสดงความขอบคุณ
เป็นผลให้หลิวรั่วฉีกลัวว่าเขาคิดไม่ซื่อกับเธอ จนรีบจากไปด้วยความตกใจ
ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกหดหู่ ต่อให้ฉันสนใจเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวฉันขนาดนี้หรอกมั้ย?
เธอจะหาผู้ฝึกยุทธอัจฉริยะได้ที่ไหนอีก? หลิวรั่วฉียัยคนตาถั่ว!
…
ฟางหยวนพึ่งเรียนเคล็ดเสริมสร้างจึงถูกฟางผิงห้ามไม่ให้ออกจากบ้านตลอดหลายวันเพื่อทำให้เส้นลมปราณมั่นคง
ส่วนเรื่องเล็กจ้อยของสมาคมหยวนผิง…มันจะสำคัญกว่าการฝึกวิชาได้อย่างไร?
ขณะที่สองพี่น้องบ่มเพาะกัน วันส่งท้ายปีเก่าก็มาถึงโดยไม่รู้ตัว
…
วันที่ 30 เดือน 12 ของปฏิทินจันทรคติ
ทั้งครอบครัวฟางผิงตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่
สีหน้าของฟางหยวนเปี่ยมไปด้วยความสุข วันส่งท้ายปีของปีนี้ดีกว่าปีก่อนเสียอีก
พวกเขาย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ พ่อเข้ากระทรวงศึกษา แถมเธอยังเริ่มฝึกตนแล้วด้วย…ยิ่งกว่านั้น เธอกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของมัธยมต้น!
ที่สำคัญที่สุดคือ เธอมีเงินเก็บส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้
เวลานี้ เงินเก็บส่วนตัวของเธอเต็มแล้ว
กระนั้นหลังตื่นมาตอนเช้า ฟางหยวนก็ยังเกาะติดฟางผิงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ฟางผิง อั่งเปาล่ะ!
น้องมาขออั่งเปาด้วยท่าทีแบบนี้เนี่ยนะ?
พี่ชายขา อั่งเปาล่ะ!
สาวน้อยเปลี่ยนท่าทางการพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ฟางผิงระเบิดเสียงหัวเราะ เขาหยิบแบงค์ร้อยหยวนออกมาแล้วให้ฟางหยวน
ร้อยเดียว?
ทำไม? มากไปเหรอ?
ฟางผิงยิ้มกว้าง ถ้ามันมากไป พี่เปลี่ยนเป็นห้าสิบแทนได้นะ
ฟางผิง!
ฟางหยวนหน้ามุ่ย ขี้เหนียว!
พี่ใจกว้างออก! พี่จำได้สมัยก่อนพี่เคยให้เงินน้องห้าหยวน น้องดีใจมากจนน้องบอกจะทำอะไรให้ก็ได้ จะไปล้างจานซักเสื้อผ้าก็ไม่มีปัญหา
ตอนนี้พี่ให้เงินน้องร้อยหยวน แต่น้องบอกว่าพี่ขี้เหนียวอย่างนั้นเหรอ?
แต่…แต่…
ถ้าจวงกงน้องถึงขั้นหนักแน่น และปราณและเลือดถึง 150แคล พี่จะมีรางวัลชิ้นใหญ่ให้
น้องลืมเรื่องดาบของพี่ไปแล้วเหรอ?
พอถึงเวลานั้น พี่จะให้น้องอันนึง แน่นอนไม่จำเป็นต้องเป็นดาบ น้องอยากได้อาวุธอะไร พี่ให้ได้หมด
จริงๆนะ?
ฟางหยวนตกใจ ฟางผิงรวยมาก!
เขาซื้ออาวุธให้ตัวเองยังไม่พอ เขาจะซื้ออาวุธให้เธอด้วย…
ฟางผิงยิ้ม แน่นอน น้องต้องรีบทำให้สำเร็จเร็วๆ ไม่งั้นน้องก็ได้แต่จ้องตาเป็นมัน
การเพิ่มปราณและเลือด 30แคลไม่ถือว่ายากเกินไป
พี่ยังมียาปราณและเลือด 10 เม็ดอยู่ในมือ น้องใช้ได้เหลือเฟือ แต่ห้ามเอาไปขาย!
เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ สีหน้าของฟางผิงก็ดูอึมครึมเล็กน้อย พี่ขอเตือน ถ้าน้องกล้าขาย น้องอย่าคิดว่าจะได้อะไรจากพี่อีก!
เขาสงสัยมากว่ายัยหนูนี่ขายยาที่เขาทิ้งไว้ให้เธอ
ครั้งก่อนที่เขากลับมา เธอมีปราณและเลือด 110แคลแล้ว ต่อมาเขาให้ยาเธอมากขึ้น รวมทั้งยาปราณและเลือดสามัญด้วย ทำไมปราณและเลือดของเธอถึงเพิ่มมาแค่นิดเดียว?
ฟางหยวนไม่พอใจ หนูไม่ได้ขาย นายกล่าวหาฉัน!
ไม่ว่ายังไงพี่จะให้แม่จับตาดูน้อง ถ้าน้องกินเม็ดนึง แม่จะให้น้องเม็ดนึง ถ้าน้องไม่กิน แม่ก็จะไม่ให้
เมื่อน้องทานหมด แล้วปราณและเลือดไม่ถึง 150แคลล่ะก็…ฮึ่ม ฮึ่ม!
ตั้งแต่แรกมาจนถึงตอนนี้ เธอกินยาฟื้นฟูเลือดและลมปราณมามากกว่า 10 เม็ดแล้ว แถมยังมียาปราณและเลือดสามัญอีกกว่า 10 เม็ดด้วย
ตามราคาตลาด มูลค่ามันเกือบ 2 ล้านแล้ว
ถ้าเธอยังปราณและเลือดไม่ถึง 150แคล มันก็แปลว่าพรสวรรค์ของเด็กสาวย่ำแย่มาก
ฟางหยวนเบ้ปาก ยังรู้สึกไม่พอใจที่ฟางผิงกล่าวหาเธอแบบผิดๆ เธอไม่ได้ขายจริงๆ!
นอกจากนี้มันยังราคาแพงมาก เพื่อนร่วมชั้นเธอจะมีปัญญาจ่ายเหรอ?
หลังพี่น้องทะเลาะกันไปสักพัก ฟางหยวนก็รู้สึกว่าเธอคงไม่ได้อะไรจากพี่ชายเธอแล้ว เธอจึงรีบลงไปขอซองแดงพ่อแม่ชั้นล่าง