CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 179 ฉันอยากก่อเรื่องใหญ่จริงๆ

  1. Home
  2. World’s Best Martial Artist
  3. ตอนที่ 179 ฉันอยากก่อเรื่องใหญ่จริงๆ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

  เขตใต้ไม่ใช่เล็กๆ พื้นที่ของโม๋อู่ครอบคลุมถึง 30,000 มู่ เขตใต้ก็เกิน 5,000 มู่แล้ว

  (ผู้แปล : 1 มู่ = 666.67 ตารางเมตร 30,000 มู่)

  มันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีอาคารเพียงน้อยนิด ไม่เหมือนกับส่วนอื่นของมหาลัย ที่แห่งนี้ไม่มีอาคารเรียนหรือหอพัก

  นอกจากแนวชายฝั่งซึ่งทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ในเขตใต้ก็มีเพียงอาคารไม่กี่หลังที่อยู่กระจัดกระจายออกไป

  เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวก็มาถึงหน้าอาคารสูงหลังหนึ่ง เธอหันหน้ามามองฟางผิงแล้วกล่าว  นี่เป็นตึกหลอมอาวุธ! 

   หลอมอาวุธ? 

   ถูกต้อง นายคงไม่ได้คิดจริงๆใช่ไหมว่าอาวุธทุกเล่มมาจากบริษัทอาวุธ? ถ้านายคิดแบบนั้น นายก็คิดผิดแล้ว ส่วนใหญ่โม๋อู่ผลิตเอง 

   อาวุธถูกหลอมขึ้นที่นี่ รวมถึงซ่อมแซมด้วย 

   แน่นอนว่ามีข้อจำกัดว่ามหาลัยทำได้แค่ไหน พวกเขาทำให้ได้แค่นักศึกษา 

  โม๋อู่มีนักศึกษาไม่มากนัก ดังนั้นอาวุธส่วนใหญ่โม๋อู่จึงหลอมขึ้นมาเอง

  ในหมู่ผู้หลอมอาวุธ นักศึกษาและอาจารย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

  รุ่นพี่จากสาขาการผลิตมักมาทำภารกิจที่นี่

   สาขาศัสตราวุธเน้นต่อสู้เป็นหลัก สาขาการผลิตเน้นสนับสนุนแนวหลัง 

   อนาคต พอนายจัดตั้งทีมเข้าถ้ำใต้ดิน จะดีที่สุดถ้านายเอานักศึกษาจากสาขาการผลิตไปด้วย พวกเขาสามารถช่วยซ่อมแซมอาวุธให้นักศึกษาฝ่ายต่อสู้ได้ แถมยังทำงานจิปาถะได้อีกมากมาย 

  ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย เขาจ้องมองอาคารใหญ่ตรงหน้า มันเป็นโรงงานผลิตอาวุธนี่เอง

  หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้พาฟางผิงเข้าไปข้างใน แต่เดินไปข้างหน้าต่อ

  ไม่นาน อาคารหลังที่สองก็ปรากฏตรงหน้าฟางผิง

  หลู่เฟิ่งโหรวพูดต่อ  อาคารหลังที่หนึ่งด้านหน้ามีไว้ผลิตอาวุธ 

   แต่ที่จริงแล้วอาคารหลังที่สองมีความสำคัญยิ่งกว่า! 

   นี่เป็นห้องจำลองการต่อสู้! 

  ฟางผิงปรากฏสีหน้าสงสัยอีกครั้ง ห้องจำลองการต่อสู้?

   ในถ้ำใต้ดิน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีแทบจะใช้ไม่ได้ 

   เป็นผลให้มนุษย์รู้เรื่องถ้ำใต้ดินจำกัดมาก 

   หลังผ่านมานานหลายปี มนุษย์ก็ได้กระจายกำลังทหาร กระจายป้อมปราการจนค้นพบพื้นที่บางส่วนของทางเข้าถ้ำใต้ดิน… 

   ในอาคารหลังนี้ มีแผนที่แสดงพื้นที่ของสามทางเข้าถ้ำใต้ดินใกล้เซี่ยงไฮ้ 

   แน่นอน มันเป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น ถ้ำใต้ดินดูเหมือนไม่มีขีดจำกัด จากข้อมูลการสำรวจ เราค้นพบสิ่งหนึ่ง ถ้ำใต้ดินกว้างใหญ่กว่าโลกของเรามาก! 

   แค่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ก็มีทางเข้าถ้ำใต้ดินทั้งหมดถึง 3 แห่ง 

   พูดตามหลักเหตุผล ด้วยความเร็วของยอดยุทธ การเดินทางจากทางเข้านึงไปจนถึงอีกทางเข้านึงไม่ใช่เรื่องยาก 

   อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจมาจนถึงตอนนี้ แสดงให้เราเห็นแล้วว่าต่อให้นายสำรวจและค้นหาตามทิศทางตำแหน่งทางเข้า มันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปถึงทางเข้าถัดไป 

   มันอาจเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าเราไม่อาจสำรวจเชิงลึกได้ นายไม่ต้องคิดเลยว่านายจะเดินทางเข้าทางเข้าถ้ำใต้ดินหนึ่งแล้วไปออกอีกทางเข้าหนึ่ง ถ้านายถูกจับได้ข้างใน มั่นใจได้เลยว่าตายแน่นอน 

   ห้องจำลองต่อสู้สร้างขึ้นจากแผนที่พิมพ์เขียวตามลักษณะพื้นที่ของทั้งสามทางเข้าและการกระจายกำลังทหาร สิ่งนี้จะช่วยให้นักศึกษาจากสาขากลยุทธและยุทธวิธีจำลองสภาพการต่อสู้ได้ 

   บางครั้งในถ้ำใต้ดินก็เกิดสงครามอาวุธเย็นเช่นเดียวกับสมัยโบราณ! 

   นักศึกษาจากสาขากลยุทธและยุทธวิธีส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นกอกหนุนของนายทหาร 

   เมื่อนักศึกษาเหล่านี้เข้าถ้ำใต้ดิน ส่วนใหญ่จะติดตามกองกำลังขนาดใหญ่ เมื่อถึงยามจำเป็น นายทหารเสียชีวิต พวกเขาจะรับช่วงต่อเพื่อบัญชาการ! 

   ผมเข้าใจแล้ว  ฟางผิงกล่าวเชิงครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้นมาฉับพลัน  อาคารหลังแรกมีไว้ให้สาขาการผลิต อาคารหลังที่สองมีไว้ให้สาขากลยุทธและยุทธวิธี 

   ฐานหลักของพวกเราสาขาศัสตราวุธกับสาขาสังคมศาสตร์ก็อยู่ที่นี่เหรอ? 

  หลู่เฟิ่งโหรวหัวเราะเยาะ  แน่นอน สาขาศัสตราวุธก็มีฐาน เอาง่ายๆนะ สาขาการผลิตอยากฝึกฝนอัจฉริยะฝ่ายธุรการแนวหลัง ส่วนสาขากลยุทธและยุทธวิธีอยากพัฒนาระบบนายทหารแนวหน้า 

   สาขาศัสตราวุธของเราบ่มเพาะมีดดาบแหลมคมไว้สังหารศัตรูอย่างเดียว! 

   ส่วนสาขาสังคมศาสตร์…นักธุรกิจและนักการเมืองส่วนใหญ่มาจากสาขาสังคมศาสตร์ พวกเขาต้องการฐานไปทำไม? 

   เพราะงั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีที่ให้สาขาสังคมศาสตร์ใช้งาน 

   ยังไงสถานที่เหล่านี้ก็ไม่ได้สำคัญจริงๆ เมื่อนายมีคุณสมบัติพอ นายไปได้ทุกสาขา 

   ฉันบอกได้แค่ว่าสาขาสังคมศาสตร์ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์จริง 

  หลังพิจารณาเล็กน้อย ฟางผิงก็เห็นด้วยกับหลู่เฟิ่งโหรว สาขาสังคมศาสตร์ไม่จำเป็นต้องมีฐานปฏิบัติการ

  …

  ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงอาคารหลังที่สาม

   นี่เป็นศูนย์ฝึกยุทธ 

  หลู่เฟิ่งโหรวชี้ไปที่อาคารหลังที่สามแล้วกล่าว  นายจะเข้าใจว่ามันเป็นฐานของนักศึกษาสาขาศัสตราวุธก็ได้ 

   มีเคล็ดวิชาต่อสู้ทุกอย่างอยู่ในนี้! วิชาต่อสู้ขั้นกลาง วิชาต่อสู้ขั้นสูง แม้แต่เคล็ดวิชาจิตวิญญาณที่สร้างโดยปรมาจารย์… 

   นี่เป็นตึกวิชาลับงั้นเหรอ?  ฟางผิงเผลอพูดออกมา

   ฟังฉันพูดให้จบ!  หลู่เฟิ่งโหรวขัด จากนั้นเธอก็พูดต่อ  เคล็ดวิชาที่จริงแล้วมันเป็นแค่วิธีการหนึ่งในการใช้ปราณและเลือด มันไม่ได้สำคัญกับเรามากนัก 

   เป้าหมายของเคล็ดวิชาต่อสู้คือการเพิ่มช่องทางในการระเบิดการโจมตีที่รุนแรงยิ่งขึ้น 

   ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิชาทุกอย่าง นอกจากนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่ายิ่งวิชาขั้นสูงจะยิ่งดี เพราะงั้นวิชาต่อสู้จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของอาคารหลังนี้ 

   สิ่งสำคัญที่สุดก็คือห้องพลังงาน! 

   ห้องพลังงาน? 

   ถูกต้อง ใช้แร่พลังงานเป็นแหล่งกำเนิดพลัง พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจะทำให้ผู้ฝึกยุทธคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของถ้ำใต้ดิน 

   อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือพลังงานที่ปล่อยออกมาจากแร่พลังงานสามารถกระตุ้นกระแสปราณและเลือดของผู้ฝึกยุทธ ช่วยเพิ่มความเร็วฟื้นฟู 

   นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธถึงต่อสู้ได้นานกว่าเมื่อเทียบกับข้างนอก! 

   บางพื้นที่มีพลังงานมากกว่า ดังนั้นผู้ฝึกยุทธจึงฟื้นฟูปราณและเลือดได้เร็วมากและต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผู้ฝึกยุทธในถ้ำใต้ดินได้เปรียบเหนือคนธรรมดา 

   ยิ่งกว่านั้น ความเร็วการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธยังเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมนักศึกษามากมายในมหาลัยถึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว 

  เมื่อฟางผิงได้ยินแบบนั้น เขาก็ถามอย่างสงสัย  ถ้าเป็นแบบนั้น ผู้ฝึกยุทธที่ฝึกยุทธในถ้ำใต้ดินจะก้าวหน้าได้เร็วกว่าเหรอ? 

   ถูกต้อง 

   อย่างไรก็ตาม ถ้ำใต้ดินอันตรายเกินไป จะมีใครกันที่อยากฝึกปรืออยู่ที่นั่นตลอด? 

   นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งคนไปเป็นจำนวนมาก กระนั้นก็มีบางคนซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้ดินเพื่อฝึกฝนอยู่เหมือนกัน 

   อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องดี ถ้ำใต้ดินมีอันตรายแฝงอยู่ทุกหนแห่ง แม้แต่เรื่องกินยังเป็นปัญหา นอกจากนี้แหล่งพลังงานภายนอกยังไม่แข็งแกร่งพอ ต่อให้อาจฝึกฝนได้เร็วกว่า แต่มันก็ยังมีข้อจำกัด ว่าไปแล้วใช้ยาและฝึกฝนอยู่บนโลกยังดีซะกว่า 

   งั้นของเรา… 

   ห้องพลังงานของโม๋อู่ปลดปล่อยพลังงานได้มากกว่า แน่นอนมันจำเป็นต้องใช้คะแนน หนึ่งชั่วโมงต่อ 10 คะแนน 

  ฟางผิงพูดไม่ออก ปล้นกันตอนกลางวันแสกๆชัดๆ!

   นอกจากห้องเคล็ดวิชาต่อสู้กับห้องพลังงานที่อยู่ในอาคารหลังที่สาม ยังมีห้องฝึกยุทธอย่างอื่นด้วย ยกตัวอย่างห้องแรงโน้มถ่วง สระปราณและเลือด… 

  ฟางผิงพอเข้าใจแนวคิดของห้องแรงโน้มถ่วง แต่เขาสงสัยเรื่องสระปราณและเลือด  สระปราณและเลือดคือ? 

   มันไม่เกี่ยวกับนาย มันมีไว้สำหรับผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง 

   ส่วนตอนนี้ นายรู้ทิศทางการฝึกยุทธของผู้ฝึกยุทธขั้นกลางรึยัง? 

  ฟางผิงพูดไม่ออก อาจารย์ไม่บอกเขาแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง?

  มหาลัยยังคงสอนทิศทางฝึกยุทธที่เป็นพื้นฐานที่สุด เน้นสามขั้นล่างเป็นหลัก

  ถ้าอาจารย์ไม่พูดถึง ฟางผิงก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าทิศทางการฝึกยุทธของผู้ฝึกยุทธขั้นกลางเป็นอย่างไร

   ขัดเกลากะโหลก? 

  ร่างกายมนุษย์มีกระดูก 206 ชิ้น กะโหลกมีอยู่ 29 ชิ้น นี่ไม่ใช่ขอบเขตที่ผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่างฝึกฝน

  หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหน้า  ไม่ใช่ ผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางฝึกฝนอวัยวะภายใน! 

   อวัยวะภายในทั้งห้า? 

   ถูกต้อง ขัดเกลากระดูกสามขั้นแรกเป็นแค่การวางรากฐาน 

   อันที่จริงผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่างมีข้อบกพร่องมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอวัยวะภายใน อวัยวะภายในบอบช้ำเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยที่สุดเมื่อผู้ฝึกยุทธประมือกัน 

   อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่กับผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลาง พวกเขาฝึกฝนอวัยวะภายใน 

   พวกเขาฝึกฝนอวัยวะภายในและภายนอกจนถึงขั้นไม่ต่างกับศิลาแกร่ง ผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการโจมตี ด้านป้องกันและด้านระเบิดพลังแข็งแกร่งมากจนผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่างทาบไม่ติด 

   เมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นหกสูงสุด เราพูดได้เต็มปากแล้วว่าร่างกายมนุษย์มาถึงขีดจำกัดแล้ว 

  ผู้ฝึกยุทธระดับนี้พูดได้เลยว่าแทบไม่อาจทำลายได้ แถมยังทนต่อพิษ

   ต่อให้ผู้ฝึกยุทธขั้นหกสูงสุดสิ้นใจ ร่างกายพวกเขาก็เป็นดั่งพระโพธิสัตว์ที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย 

   แน่นอน สมองยังเสื่อมสลายได้อยู่ 

   ส่วนฝึกฝนกะโหลก ที่จริงเกี่ยวข้องกับสามขั้นบน มันจะเป็นเวลาที่ร่างกายมนุษย์ไปสู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง 

   เป็นร่างกายไร้ตำหนิ กายาที่สมบูรณ์แบบ! 

   กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนัง อวัยวะภายในทั้งห้าต่างผ่านการขัดเกลาจนมีขีดความสามารถสูงสุด 

   ยอดยุทธระดับปรมาจารย์ถือเป็นพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิต อาวุธปืนที่พัฒนาจากเทคโนโลยีไม่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เว้นแต่จะเป็นปืนใหญ่อันทรงพลังโจมตีโดนพวกเขาเต็มๆ พวกเขาถึงจะบาดเจ็บ 

   กะโหลก สมองและจิตใจเป็นทิศทางฝึกฝนของปรมาจารย์ นายจำเป็นต้องรู้วิธีฝึกฝนเฉพาะทาง แถมยังแบ่งแยกเป็นขั้นเจ็ด ขั้นแปด ขั้นเก้า แต่มันยังอยู่อีกไกล! 

  นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หลู่เฟิ่งโหรวอธิบายรายละเอียดทิศทางและหนทางฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธโดยรวมแก่ฟางผิง

  เริ่มตั้งแต่ขัดเกลากระดูกของสามขั้นล่าง ไปยังฝึกฝนอวัยวะภายในของสามขั้นกลาง และสุดท้ายเป็นร่างกายสมบูรณ์แบบของสามขั้นบน

  ฟางผิงผ่อนลมหายใจออกมาแล้วถามเบาๆ  เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ยอดยุทธระดับปรมาจารย์ไม่ถือเป็นมนุษย์แล้วเหรอ? 

  ฟางผิงบอกได้เลยว่าผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่างต่างจากคนธรรมดา

  กระดูกที่พวกเขาขัดเกลาค่อยๆกลายเป็นสีหยกอ่อน ไม่ใช่ซีดขาวเหมือนกับกระดูกทั่วไป

  ฟางผิงจินตนาการได้เลยว่ากระดูกของยอดยุทธระดับปรมาจารย์คงไม่ต่างจากร่างทองในตำนานของพระโพธิสัตว์ ไม่ใช่แค่กระดูกเท่านั้น แต่เป็นทั้งร่างกายและอวัยวะภายในทุกส่วน

   มนุษย์?  หลู่เฟิ่งโหรวกล่าวเบาๆ  ถ้านายถือว่าตัวเองเป็นมนุษย์ นายก็จะเป็นมนุษย์ตลอดไป! 

   ถ้านายคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แล้ว ต่อให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน นายก็ไม่ใช่มนุษย์ 

   เราเป็นสายพันธุ์เดียวกับชาวต่างชาติไหม? 

   พวกเขาดูแปลก แต่นายก็ถือว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ พวกเขาก็ถือว่าตนเองเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น พวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกัน 

   ถ้านายไม่ถือว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ และแม้แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ งั้นเราก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกัน 

   การแยกแยะความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตนั้นเรียบง่ายมาก! 

   บางคนปฏิบัติต่อสุนัขดุจลูกหลานของตน ดังนั้นสุนัขตัวนั้นก็คือลูกหลานของพวกเขา พวกเขาปฏิบัติต่อสุนัขของตนเองดีกว่าปฏิบัติต่อมนุษย์ นายจะยังแยกแยะได้ไหมว่ามนุษย์หรือสุนัขอันไหนสำคัญกว่ากัน? 

  ฟางผิงไม่รู้จะตอบยังไง อย่างไรก็ตามเขาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและเอ่ยถามด้วยความรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง  อาจารย์ ผมถามเรื่องสระปราณและเลือด… 

  เขาไม่ได้ถามอะไรมากนัก แต่เหล่าหลู่อธิบายซะยาวเหยียด

   โง่เขลา!  หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิ เธอพูดต่ออย่างฉุนเฉียว  ฉันบอกแล้วว่าผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางขัดเกลาอวัยวะภายใน มันมีความเสี่ยงมากและยังท้าทายมาก 

   สระปราณและเลือดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลาง 

   พูดง่ายๆก็คือ ยาปราณและเลือดมหาศาลกลายมาเป็นของเหลว สร้างเป็นสระปราณและเลือด เมื่อผู้ฝึกยุทธฝึกฝนในสระปราณและเลือด พวกเขาจะฟื้นฟูปราณและเลือดได้ตลอดเวลา นอกจากนี้มันยังอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย… 

   สกปรกมาก! 

  ฟางผิงนึกถึงโรงอาบน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นสถานที่สาธารณะ พอน้ำสกปรกก็ต้องเปลี่ยน

  สกปรกมาก!

  หากมีคนจำนวนมากฝึกฝนอยู่ในสระ เกิดมีคนถ่ายเบาลงในสระล่ะ?

  ถ้ามีคนเผลอดื่มน้ำเข้าไปล่ะ มันน่าคลื่นไส้มาก

  หลู่เฟิ่งโหรวสีหน้าดำคล้ำ เธอตะคอก  นายคิดว่าสระปราณและเลือดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่เหรอ? มันเป็นแค่ชื่อเรียก สระปราณและเลือดมีไว้ใช้คนเดียว 

   โอ้ งั้นผมจะซื้อยาปราณและเลือดมาละลายน้ำแล้วใช้อาบเอาก็ได้ 

   โง่เขลา!  หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิอีกครั้ง สีหน้าของเธอดำคล้ำยิ่งขึ้น  ถ้านายเอายาปราณและเลือดไปละลายน้ำ พลังของปราณและเลือดก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว! 

   สระปราณและเลือดต่างออกไป เพราะปราณและเลือดไม่หายไปเช่นนั้น! 

   จริงเหรออาจารย์? สระปราณและเลือดมีวัตถุดิบอะไรบ้าง? มันเปลี่ยนเป็นปราณและเลือดได้ยังไง… 

   วัตถุดิบเสริมบางอย่าง รวมถึงสมุนไพรฟื้นฟูปราณและเลือดบางตัว แน่นอนวัตถุดิบหลักไม่ใช่สมุนไพร? 

   แล้ววัตถุดิบหลักคือ… 

   นายถามไปทำไม? วางแผนจะผลิตยาเหรอ? อย่าได้คิด 

  หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้ให้คำตอบแก่เขา ทั้งยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมพลังของปราณและเลือดในสระปราณและเลือดถึงไม่หายไป

  ฟางผิงอยากถามเพิ่ม แต่หลู่เฟิ่งโหรวเริ่มเดินต่อ

  อาคารทั้งสามหลังก่อนหน้านี้เปิดหูเปิดตาฟางผิงมาก

  เมื่อเขาตระหนักว่าอาคารหลังที่สี่มีไว้ทำไม เขาก็รู้สึกอยากปล้นที่นี่ขึ้นมา

   นี่เป็นอาคารเก็บทรัพยากร มีทั้งยาต่างๆ อาวุธสำเร็จรูป รวมถึงแร่พลังงานอันล้ำค่า ทุกอย่างอยู่ในนี้หมด 

   แผนกโลจิสติกส์เป็นเพียงที่เก็บสินค้าชั่วคราว 

   พวกเขาเน้นสินค้าให้นักศึกษาขั้นหนึ่งขั้นสองฝึกฝน 

   แต่ยาปราณและเลือดขั้นสูงจริงๆอยู่ในนี้หมด รวมถึงทรัพยากรฝึกยุทธของอาจารย์ด้วย 

  ฟางผิงแววตากลายเป็นรูปเงินหยวนแล้ว เงินจะเป็นเงินมากเท่าไหร่กันนะ?

  เขารู้สึกอยากปล้นแผนกโลจิสติกส์แล้ว แถมสถานที่แห่งนี้ยังเก็บทรัพยากรฝึกฝนของอาจารย์ขั้นกลางหลายพันคน! ถ้าเขาขโมยมาได้สักกำมือหนึ่ง เขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทรัพยากรไปทั้งชีวิต!

  หลู่เฟิ่งโหรวสังเกตเห็นแววตาอันแวววาวของฟางผิงแล้วกล่าวอย่างไม่แยแส  ที่นี่ใช้อุปกรณ์ต่อต้านโจรกรรมที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก แม้แต่พื้นและผนังก็ทำมาจากอัลลอย 

   นอกจากนี้ ปรมาจารย์ของมหาลัยยังประจำอยู่ที่นี่ตลอดเวลา 

   อยากปล้นก็ปล้นเลย ฉันไม่มีความเห็น 

  ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ  ผมไม่กล้าหรอก ผมแค่อยากเข้าไปชื่นชมข้างในสักหน่อย… 

   เลิกฝันหวาน นายได้รับอนุญาตให้ดูเท่านั้น  คำพูดของหลู่เฟิ่งโหรวทำให้ฟางผิงจุกอก

  พวกเขาเดินกันไปต่อ ตอนนี้พวกเขาเห็นอาคารเล็กๆหลายแห่งกระจายอยู่สองข้างถนน

   มีอาจารย์และนักศึกษาอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน ถ้านายต้องการ พอนายบรรลุขั้นกลาง นายย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 

   ที่นี่สงบกว่า ไม่มีใครมารบกวน 

   แต่ฉันชอบที่หลบภัยมากกว่า อาจารย์กับนักศึกษาที่นี่ไม่มีความรู้สึก อาจไม่มีใครคุยกับนายทั้งเดือน 

  หาได้ยากมากที่จะได้ยินหลู่เฟิ่งโหรวบ่น เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่นี่น่าเบื่อมาก

  หากไม่เริ่มคุยกับใครก่อน อาจารย์และนักศึกษาที่นี่ก็จะเมินเฉยไปหลายเดือน

  ก็เหมือนกับฟางผิงและหลู่เฟิ่งโหรว ทั้งสองเดือนไปรอบๆมาครึ่งค่อนวันแล้ว แต่ทุกคนก็ไม่สนใจพวกเขา

  หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็มาถึงอาคารหลังสุดท้าย

  หลู่เฟิ่งโหรวกล่าว  นี่เป็นทางเข้าที่เชื่อมระหว่างโม๋อู่กับถ้ำใต้ดิน ลงจากตรงนี้และเดินต่อประมาณ 5 กิโล นายจะเจอกับทางเข้าถ้ำใต้ดิน 

  นักศึกษาโม๋อู่ที่ต้องการไปถ้ำใต้ดินใช้ได้ทั้งเส้นทางอื่นและเส้นทางนี้

   เหตุผลหลักที่มีทางเดินอยู่ด้วยก็เพื่อให้ผู้คนหลบหนีได้… 

   หลบหนี?  ฟางผิงรู้สึกสับสนงุนงงอีกครั้ง

   มีคนจากกองทัพมากมายประจำการอยู่ทางเข้าถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้ ทางเดินนี้สร้างมาจากอัลลอยตลอดห้ากิโลเมตร! 

   มันเป็นการป้องกันการจลาจลในถ้ำใต้ดิน ในอดีตมีทางเดินอื่นพังและมีคนติดกับ 

   ดังนั้นทางเดินเช่นนี้จึงถูกสร้างขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีคนจากกองทัพมาประจำการเป็นยาม 

   เว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ เราจะไม่ใช้เส้นทางนี้ การตรวจตรายุ่งยากกว่าหน่อย เพราะกลัวมีคนมาสร้างความเสียหาย 

   ห้ากิโล อัลลอยตลอดทาง…มันเป็นระดับไหน? 

   คลาสดี 

  ฟางผิงกลืนน้ำลาย เขาอยากปล้นที่นี่!

  ทางเดินอัลลอยคลาสดีตลอดทาง มันต้องมีอัลลอยคลาสดีมากเท่าไหร่เนี่ย?

  อัลลอยเช่นนี้มีราคา 20 คะแนนต่อหนึ่งกิโลกรัม!

  ฟางผิงจินตนาการไม่ออกเลยว่า หากเอาอัลลอยทั้งหมดออกจากทางเดินสายนี้ มันจะสร้างอาวุธได้มากแค่ไหน

  หลู่เฟิ่งโหรวพูดต่อ  อันที่จริง อาจารย์ใหญ่ไม่สนใจเสียงข้างมากและยืนกรานสร้างขึ้นมา 

   ปีนั้น ทางเข้าถ้ำใต้ดินตงหลินพังทลาย คนจากกองทัพนับหมื่นติดอยู่ข้างใน สุดท้ายทุกคนก็เสียชีวิตอย่างน่าสังเวช ถูกสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินสังหารโหด! 

   ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางและขั้นสูงไม่จำเป็นต้องหลบหนีจากเส้นทางเช่นนี้ อย่างไรก็ตามมันจำเป็นกับคนธรรมดาและผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่าง 

   อาจารย์ใหญ่คิดว่าชีวิตคนสำคัญยิ่งกว่าเงินทอง 

   อย่างน้อยที่สุด เจ้าหน้าที่ทางทหารทั่วไปจากกองทัพจะยังมีหวังรอดชีวิต พวกเขาไม่สมควรตายเปล่า 

  ฟางผิงพยักหน้า แต่จิตใจเขาเหม่อลอยไปไกล

   ครั้งนี้ฉันพานายมาที่นี่ก็เพื่อให้นายเห็นสิ่งต่างๆ ถ้านายอยากมาอีก นายก็มาเองได้เลย 

   สถานที่หลักที่นายจำเป็นต้องไปคือห้องจำลองต่อสู้ อย่างน้อยนายต้องจำแผนที่ภูมิประเทศใกล้ทางเข้าถ้ำใต้ดินใต้โม๋อู่ให้ได้! 

   ถ้านายหลงทางในถ้ำใต้ดิน…นายมีโอกาสรอดเป็นศูนย์ 

  การหลงทางในถ้ำใต้ดินไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว มีวิญญาณที่โชคร้ายเช่นนี้ทุกปี

  ฟางผิงสีหน้าขมขื่น กล่าวอย่างสิ้นหวัง  อาจารย์ ผมหลงทางตลอด ผมไม่มีสัมผัสเรื่องทิศทาง… 

  นี่เป็นความจริง เขาสัมผัสเรื่องทิศทางไม่ได้เลยจริงๆ

  เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า เขาก็ไม่รู้แล้วว่าทิศไหนเป็นทิศไหน

  หลู่เฟิ่งโหรวตอบอย่างเคร่งขรึม  งั้นนายก็ต้องพยายามเพิ่ม ฉันขอเตือน ถ้านายหลงทางในถ้ำใต้ดิน นายจบเห่แน่นอน แม้แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้! 

   ไม่เช่นนั้น นายก็เข้าถ้ำใต้ดินเป็นกลุ่มและตามคนอื่นไป 

   ไม่ว่ายังไง ถ้านายจำทิศทางไม่ได้ นายจะมีโอกาสตายสูงยิ่งกว่าคนอื่น! 

   เอ่อ…  ฟางผิงพึมพำด้วยสีหน้าขมขื่น  ผมคิดว่าจำเป็นต้องประดิษฐ์จีพีเอสกับระบบแผนที่ในถ้ำใต้ดินแล้วสิ 

   ฮ่าๆ นายก็ลองทำสิ 

  หลู่เฟิ่งโหรวไม่รอให้เขาตอบ เธอหันหน้ากลับมาแล้วพูด  วันนี้ฉันพานายมาดูเฉยๆ เรื่องอื่นนายจัดการเอง ถ้าไม่มีอะไรฉันจะไปแล้ว 

   ครับ 

  หลังหลู่เฟิ่งโหรวเดินจากไป ฟางผิงก็ชำเลืองมองอาคารหลังที่สี่อีกครั้ง นี่เป็นอาคารเก็บทรัพยากร!

  เขาอยากก่อเรื่องใหญ่จริงๆ!

  อย่างไรก็ตามเมื่อเขาจำได้ว่ามีปรมาจารย์อยู่ด้วย รวมถึงอาวุธไฮเทค ฟางผิงจึงต้องไล่ความคิดเหล่านี้ทิ้งไป

   เฮ้อ ได้แต่ชื่นชมอยู่ไกลๆ แต่เล่นกับมันไม่ได้… 

  ฟางผิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกหดหู่ปนไม่พอใจ เขาไม่มีอารมณ์ไปดูแผนที่อีก ยังไงเสียตอนนี้เขาก็ยังเข้าถ้ำใต้ดินไม่ได้

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ " ตอนที่ 179 ฉันอยากก่อเรื่องใหญ่จริงๆ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์