World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 189.2 มักจะได้เงินเสมอ (2)
ณ สถานีขนส่งเมืองเจียงเฉิง
ฟางผิงไม่ได้ไปสถานีรถไฟ เพราะมันยุ่งยาก แถมเขายังมีอาวุธมาด้วย มันต้องมีการตรวจสอบ ไม่เหมือนกับรถบัสที่ไม่ต้องตรวจสอบ
หลังซื้อตั๋ว เขาก็ยังมีเวลาอยู่บ้างก่อนรถจะออก ฟางผิงจึงไม่เร่งรีบขึ้นรถบัส
เขายืนอยู่ข้างรถบัส ทอดสายตามองไปเรื่อยเปื่อย มีผู้คนค่อนข้างมากที่เดินทางผ่านรถบัส มันค่อนข้างวุ่นทีเดียว
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดา ผู้ฝึกยุทธที่ขึ้นรถบัสจะหาได้ยาก เพราะสถานะทางสังคมที่สูงส่ง
ฟางผิงไม่ได้ขับรถมา เขาจึงได้แต่นั่งรถไป
ฟางผิงมองดูรอบๆแล้วถอนหายใจ ถ้าไม่มีถ้ำใต้ดิน ชีวิตแบบนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนธรรมดา
เขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินจะปรากฏในหนานเจียง ถ้าเกิดขึ้นจริง…คนพวกนี้ยังมีความสุขเช่นนี้อยู่ไหม?
ทุกครั้งที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินปรากฏ มันจะก่อเกิดหายนะครั้งใหญ่
ภัยธรรมชาติยังพูดยาก แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือแนวป้องกันเกิดช่องโหว่
หลายปีที่ผ่านมานี้ เคยมีสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินหลุดมาบนพื้นผิวโลก บางครั้งมันก็หลุดออกนอกร่างแห ไม่ถูกกำจัดทันที
ผลที่ตามมาคือสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินเหล่านั้นสังหารมนุษย์ทุกคนที่เห็นจนเกิดการนองเลือด
สุดท้ายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกยิงตายด้วยข้ออ้างจัดการกับผู้ป่วยทางจิต ทว่าผู้ที่ตายไปแล้วไม่มีทางฟื้นกลับมา
ฟางผิงเหม่อลอย
ปราณและเลือดของฟางผิงแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาไม่ได้สนใจ ความแข็งแกร่งของปราณและเลือดที่แผ่ออกไปอยู่ในการควบคุมของเขา
บางทีมันอาจแผ่ออกมาโดยไม่ได้ควบคุม แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร
มันเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้ฝึกยุทธขั้นต่ำจะควบคุมปราณและเลือดของตัวเองได้ไม่มั่นคง
เมื่อปราณและเลือดเขาแผ่ออกไป ฟางผิงก็คิ้วกระตุก เขาเหลือบมองไปตรงจุดที่อยู่ห่างกับเขาไม่มาก
ผู้ฝึกยุทธ…
ฟางผิงสงสัยเล็กน้อย ความรู้สึกเขาผิดพลาดเหรอ?
เขากวาดสายตามองไปตรงจุดที่เขาสัมผัสได้เมื่อครู่ เขารู้สึกถึงปราณและเลือดที่เหนือกว่าคนธรรมดา แต่มันคลุมเครือ…
ผู้ฝึกยุทธที่ขึ้นรถบัส…ไม่ยากจนก็ต้องเป็นลัทธิชั่ว!
ฟางผิงเหน็บแหนม เขารวมตัวเองอยู่ในหมวด ‘คนจน’ ด้วย เขาค่อนข้างยากจนจริงๆ
เขากวาดสายตามองอีกครั้งแล้วจ้องมองชายกลางคนสวมแว่นคนนึง
เขาดูอ่อนโยน ไม่เป็นอันตรายต่อใคร
เขาไม่ใช่คนที่ล้อเล่นด้วยได้!
ฟางผิงตัดสินโดยใช้สัญชาตญาณล้วนๆ!
แน่นอน เหตุผลหลักคือความไม่เข้ากัน…
ถูกต้อง เขาดูไม่เข้า
ชายคนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางคนธรรมดา แต่เขาดูไม่กลมกลืน
ผู้ฝึกยุทธก็เป็นแบบนี้แหละ…
แม้ว่าทุกคนจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ระหว่างผู้ฝึกยุทธกับคนธรรมดามีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด เอาแค่บรรยากาศก็ต่างกันแล้ว
เขาเกือบหลบสัมผัสฉันได้ เขาต้องแข็งแกร่งไม่เบา…
ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งขั้นสองอ่อนแอกว่าเขา มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะซ่อนตัวจากสัมผัสเขาได้
ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว ฟางผิงคงไม่แผ่ปราณและเลือดออกมาเพียงเพื่อสัมผัสกับปราณและเลือดของคนอื่น มีแต่คนที่ว่างจนไม่รู้จะทำอะไรเท่านั้นแหละที่ทำแบบนั้น
ขณะที่จิตใจเขาล่องลอยไปไกล ฟางผิงก็เดินไปตรงจุดนั้น
เมื่อเขาเข้าใกล้ชายกลางคน อีกฝ่ายก็หันมามองเขา พวกเขาสบตากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นสักครู่ คนขับรถก็ตะโกนเรียก คนที่จะไปเมืองอู้เฉิงขึ้นรถ!
อู้เฉิงอยู่ในหนานเจียงเช่นกัน มันไม่ไกลจากเมืองหยางเฉิงนัก
ชายกลางคนเริ่มก้าวเท้าเดินไป ฟางผิงเดินตามไปจนอยู่ห่างจากอีกฝ่ายประมาณหนึ่งเมตร เขายิ้ม ลุงจะไปอู้เฉิงเหรอ?
อืม
ลุงจะกลับบ้านหรือ…
ชายกลางคนไม่ตอบ ฟางผิงก็พูดต่อโดยไม่แยแส ลุงตรงนี้มีคนพลุกพล่าน เราไปคุยกันที่อื่นไหม?
ชายกลางคนขมวดคิ้ว ฉันไม่ใช่คนเลว น้องชาย เราไม่เคยพบกัน ฉันไม่ได้จะทำร้ายใคร ทำไมเธอถึงไล่ตามฉันไม่หยุดล่ะ?
ฟางผิงพิจารณาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังอยู่พักนึง จากนั้นจู่ๆเขาก็พูดขึ้น พานเสี่ยวหยาง?
ชายกลางคนหน้าเปลี่ยนสี
จารกรรมทางพาณิชย์ ที่จริงคุณไม่ได้ชั่วร้ายนัก ขั้นสามสูงสุด ฉันอาจต่อกรกับคุณไม่ได้
ฉันฟางผิงจากโม๋อู่ ตอนนี้เป็นขั้นสองสูงสุด แต่ฉันว่าฉันแข็งแกร่งพอ สิบอันดับแรกของอันดับขั้นสองก็อาจไม่ใช่คู่มือฉัน
พานเสี่ยวหยางขมวดคิ้วหนัก จากนั้นสักครู่เขาก็กล่าว เธออยากฆ่าฉัน?
เปล่า ฉันอยากได้รางวัล ประมาณสิบล้าน
พานเสี่ยวหยางสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ฟางผิงพลันพูดขึ้น เอาเม็ดยาทั้งหมดมาให้ฉัน ถ้าคุณมีบัตรเอทีเอ็มก็เอารหัสให้ฉันด้วย เราจะได้แยกย้ายกันอย่างสงบ เป็นอย่างไร?
นี่คือเจียงเฉิง มีปรมาจารย์อยู่กันหลายคน…
นี่เป็นครั้งแรกที่พานเสี่ยวหยางพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เขาตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เธอแน่ใจเหรอ?
แน่นอน
เอาไป!
พานเสี่ยวหยางโยนกระเป๋าให้เขาโดยไม่พูดอะไร
ฟางผิงเปิดกระเป๋าดู จากนั้นก็ขมวดคิ้ว คุณกำลังอำฉันเล่นเหรอ? ขั้นสามสูงสุด แต่มียาปราณและเลือดขั้นหนึ่งแค่ขวดเดียว?
ฉันใช้ไปหมดแล้ว
คุณมีเงินในบัญชีไหม?
มีสองล้าน ฉันถอนเงินออกไม่ได้ เลยใช้เงินไม่ได้ ถ้าเธออยากได้ ก็รอจนกว่าฉันจะจากไปก่อน
ฟางผิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง หลังครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็เอ่ยถาม ฉันอยากได้แร่ คุณมีบ้างไหม?
ไม่มี
ยาจก
ฟางผิงนิยามอีกฝ่าย หลังครุ่นคิดเพิ่มเติม เขาก็กล่าว ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 1 ขวดกับเงินสดสองล้านไม่เข้ากับสถานะคุณเลย
เราจะเอาแบบนี้ ฉันจะให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง อีกหนึ่งชั่วโมง ฉันจะให้คนไปตามจับนาย เป็นไง?
ได้!
พานเสี่ยวหยางไม่รอช้า หลังให้รหัสบัตร เขาก็ขึ้นรถบัสโดยไม่พูดกับฟางผิงอีกแม้แต่คำเดียว
จากนั้นรถบัสก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่าชายคนนี้คงหนีไปทันทีหลังรถบัสออกไปจากสถานี
แต่นี่เป็นสถานีขนส่ง เขาพึ่งเจอตัวพานเสี่ยวหยาง ถ้าพวกเขาประมือกัน คนธรรมดาจะได้รับผลกระทบ
หลังรถบัสขับออกไปแล้ว เขาก็โทรหาหวังจินหยางทันที
ผมเห็นพานเสี่ยวหยางที่สถานีขนส่ง เขาพึ่งขึ้นรถบัสไปเมืองอู้เฉิง ผมเจอกับเขา แต่เขายังไม่ได้หนีไปไกล…ถ้าพี่หวังจับเขาได้ ให้รางวัลผมสักสามในสิบได้ไหม?
หนึ่งในสิบ
ผมเป็นคนเจอเขา!
นายแจ้งเบาะแสฉันแล้ว หนึ่งในสิบ ฉันให้เป็นของขวัญ
หนึ่งในห้า! ทำธุรกิจกัน พี่หวังคิดถึงชื่อเสียงด้วย!
หนึ่งในสิบ!
ก็ได้! พี่หวังต้องรีบหน่อย ชายคนนี้มีค่าประมาณสิบล้าน ล้านนึงผมก็พอใจแล้ว
ฟางผิงถอนหายใจแล้ววางสาย
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างอารมณ์ดี ถ้าฉันนับของที่ได้มาเมื่อกี้ด้วย ฉันก็ได้รางวัลเป็นครึ่งนึงของรางวัลเต็มโดยที่ไม่ต้องทำอะไร! ฉันมันอัจฉริยะ!
ต่อมาเขาก็เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ฉันสัญญากับเขาว่าฉันจะแจ้งข้อมูลของเขาชั่วโมงหน้า ฉันทำเกินไปไหม?
ฟางผิงตำหนิตัวเอง จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนมาไม่แยแสเหมือนเดิม ถ้าพานเสี่ยวหยางหนีไปได้ มันก็แปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้พบหวังจินหยาง ดังนั้นอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขากลับคำพูด
ถ้าหนีไม่รอด…เขาก็ถูกจับ ฟางผิงจะสนใจไปทำไมว่าอีกฝ่ายพอใจไหม?
ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอเขา…ให้ตายเถอะ โชคดีชะมัด
ฟางผิงอยากจัดการอีกฝ่ายด้วยตัวเอง แต่เขาอยู่ที่สถานีขนส่ง แถมอีกฝ่ายยังเรียบๆร้อยๆ ส่งมอบของให้โดยดี ดังนั้นหลังครุ่นคิดดู เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
จัดการกับอีกฝ่ายเองอาจไม่คุ้มค่า
ก่อนหน้านี้ทุกคนต้องการหาคู่ต่อสู้เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ฟางผิงเกือบแพ้ให้กับกู้เสียง ตอนนี้เขารู้เป้าหมายแล้ว เขาจะเสี่ยงชีวิตสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นสามสูงสุดไปทำไมกัน?
ดูเหมือนเหล่าหวังจะขาดเงิน…เขาใช้เงินที่ได้มาหมดแล้วเหรอ?
ฟางผิงพึมพำกับตัวเองขณะขึ้นรถบัสไปเมืองหยางเฉิง