World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 35
ตอนที่ 35 ทุกอย่างพร้อม
ตอนกลางคืน
หลังหวังจินหยางจากไปไม่นาน ฟางผิงก็เริ่มเพิ่มพลังตัวเอง
ไม่นาน ตัวเลขตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
ทรัพย์สิน : 2370800
ปราณและเลือด : 124 แคล
จิตใจ : 140 Hz
…..
หลังใช้ค่าทรัพย์สินมากกว่าสามหมื่น ฟางผิงก็เพิ่มค่าปราณและเลือดและค่าจิตใจจนสูงสุดที่รับได้
ด้วยค่าปราณและเลือด 124 แคล เขารู้สึกแล้วว่าเส้นเลือดเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว
ด้วยค่าจิตใจ 140 hz ความรู้สึกสดชื่นตอนแรกเปลี่ยนเป็นอาการปวดหัวและวิงเวียน
ฟางผิงรู้ว่านี่เป็นขีดจำกัดปัจจุบันของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเพิ่มสถานะอีก
เนื่องจากเขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ฟางผิงจึงตัดสินใจไม่ทดสอบผลของค่าจิตใจอีกคืนนี้ กลับกันเขาเลือกเข้านอนแทน
…..
วันถัดมา
วันเสาร์ 12 เมษายน
พอเขาตื่น ฟางผิงไม่รู้สึกสลึมสลือเลย หัวเขาปลอดโปร่ง กระตือรือร้น แม้แต่อากาศก็รู้สึกสดชื่น
แทนที่จะขี้เกียจตื่นเหมือนปกติ ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกไม่อยากอยู่บนเตียงเลย
เขาลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา
หลังล้างหน้าล้างตาเสร็จ ฟางผิงก็ทุบประตูห้องฟางหยวนแล้วร้องตะโกน “ตื่นได้แล้ว น้องจะสายแล้วนะ!”
“ฟางหยวน! ยิ่งน้องหลับนาน หน้าน้องจะยิ่งกลมนะ!”
หลังเคาะประตูอย่างรุนแรง ฟางหยวนก็เดินหาวออกนอกห้องด้วยดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่น
สาวน้อยเหลือบมองฟางผิงอย่างบูดบึ้ง จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเหมือนทุกวัน
ฟางหยวนที่ยังสลึมสลืออยู่ก็รู็สึกผิดปกติ
อย่างไรก็ตามเธอก็คิดไม่ออกว่าผิดปกติตรงไหน
พอเธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ เธอก็กลับมาห้องนั่งเล่นแล้วเห็นฟางผิงกำลังกินข้าวอยู่ ฟางหยวนมานั่งอยู่ตรงข้าม เอามือท้าวคาง เธอพูดขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากหาว
“ฟางผิง หนูว่าหนูลืมอะไรบางอย่าง…”
“ลืมอะไร?” ฟางผิงแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วตอบอย่างไม่เต็มใจ
“นั่นสิ ลืมอะไรนะ…”
สาวน้อยตกอยู่ในห้วงความคิด เธอลืมขอลายเซ็นจากหวังจินหยางเหรอ?
หรือเธอลืมทำการบ้าน?
การบ้าน…
ใช่แล้ว!
ฟางหยวนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอมองฟางผิงอย่างไม่เป็นมิตรและแยกเขี้ยวใส่ “ฟางผิง!”
“ว่าไง?”
“วันนี้วันอะไร?”
“พี่ลืมแล้ว”
“มันเป็น…วันเสาร์!”
ฟางหยวนโกรธมากจนแก้มป่อง เธอตะโกนใส่ด้วยความโกรธ “นายมีเรียนวันเสาร์ แต่หนูไม่มี! แล้วทำไมนายถึงปลุกหนู?”
ฟางผิงยอมรับอย่างเปิดเผย เขากล่าวลวกๆ “พี่บอกว่าลืมได้ไหม? อีกอย่างตื่นเช้าดีต่อตัวน้องด้วย พี่ทำไปก็เพื่อน้อง”
“อ้าก หนูโกรธมาก!”
สาวน้อยแยกเขี้ยวกางเล็บพุ่งใส่ฟางผิงเตรียมต่อสู้จนตัวตาย
…..
ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางหยวนก็เอามือลูบแก้มแดงๆจากการถูกหยิก เธอถลึงตามองฟางผิงด้วยความโกรธ
เธอแข็งแกร่งไม่เท่าเขา เธอจึงแก้แค้นไม่สำเร็จ สุดท้ายก็จบลงด้วยแก้มเธอพองกว่าเดิม!
หลังหยอกล้อฟางหยวน ฟางผิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาก และตัดสินใจหยุดแกล้งฟางหยวน
ฟางผิงหยิบเงินร้อยหยวนออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฟางหยวนที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “น้องหยุดทั้งที อย่าอยู่แต่บ้าน”
“ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆเถอะ”
เขามีเงินสดมากกว่า 220,000 หยวนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นฟางผิงจึงนำติดตัวไปมากกว่า 20,000 หยวน
ส่วนที่เหลือกว่า 200,000 หยวนยังอยู่ในห้องเขา
เขากังวลว่าถ้ายัยหนูมีเวลาว่างอยู่บ้านมากเกินไป เธอจะเข้าไปสำรวจห้องเขา ถ้าเป็นแบบนั้น ล่อลวงเธอไปที่อื่นล่วงหน้าก่อนดีกว่า
พอถึงวันหยุดเขาพรุ่งนี้ เขาจะได้ไปจัดการกับเงินก้อนนี้ได้ เขาจะได้เอาไปซื้อบ้านหรือเอาฝากธนาคาร แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เอาเงินเก็บไว้ที่บ้านตลอดก็ไม่ได้ เงิน 100 หยวนที่เขาหยิบออกเป็นเงินน้อยมากสำหรับฟางผิง
อย่างไรก็ตามสำหรับฟางหยวน เงิน 100 หยวนเป็นเงินค่าขนมมากที่สุดที่เธอเคยได้มา
นอกจากปีใหม่ เธอไม่เคยมีเงินร้อยหยวนติดตัวเลย
พี่ชายของเธอที่ปกติจะเป็นคนขี้เหนียวให้ตังเธอร้อยหยวนแล้วบอกให้เธอออกไปเล่นงั้นเหรอ?
“ดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตกแน่!”
ฟางหยวนดูตกใจมาก เธออดพูดไม่ได้ “ฟางผิง เมื่อวานนายไม่สบายใช่ไหม? นายยังไม่หายเหรอ?”
สีหน้าของฟางผิงดำคล้ำ เขาพูดอย่างโกรธๆ “ตกลงจะเอาไหม?”
“งั้นหนูพนันเลยว่านายต้องทำอะไรไม่ดีมา นายพยายามติดสินบนหนูใช่ไหม?”
“ถ้าไม่เอา งั้นเอาคืนมา!”
“เอาสิ!”
ฟางหยวนรีบคว้าเงินจากมือฟางผิง สีหน้าเธอดูมีความสุข จากนั้นเธอก็พูดต่อ “แม่ให้มาเหรอ?”
“แม่ลำเอียงตลอด แม่ให้นายเยอะขึ้นทุกครั้งเลย”
“ฟางผิง ให้หนูจริงเหรอ?”
“นายไม่ขอคืนทีหลังใช่ไหม?”
“นายอยากให้ฉันคืนให้สิบหยวนเป็นค่าข้าวเที่ยงไหม?”
“…”
ฟางผิงไม่สนใจเธอแล้วกินข้าวเช้าต่อ
พอเขากินเสร็จ ฟางผิงก็หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน “ออกไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ไปกินมื้อเที่ยงดีๆ”
“อีกอย่าง ห้ามออกไปกับเด็กผู้ชาย ไปได้กับผู้หญิงเท่านั้น”
“เชอะ ถ้าเป็นแบบนั้น หนูจะไปเที่ยวกับผู้ชาย!” สีหน้าของฟางหยวนราวกับจะบอกว่าเธอจะทำตรงข้ามกับทุกอย่างที่ฟางผิงบอก
ฟางผิงก็ไม่ได้สนใจนัก เขาเม้มปาก “พี่แค่พูดเฉยๆ”
“แต่พี่พนันเลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในห้องน้องอยากไปแก้มบวมหรอก”
“มันน่าอายเกินไป!”
“ฟางผิง!”
ทุกคนมีกับระเบิดที่ห้ามเข้าไปเหยียบ
อย่างไรก็ตามฟางผิงตั้งใจเหยียบกับระเบิดของเธอ ทำให้ฟางหยวนโกรธจนอยากเข้ามาตีเขา
หลังหยอกล้อฟางหยวนอีกพักใหญ่ ก่อนที่สาวน้อยจะระเบิด ฟางผิงก็หยิบกระเป๋าออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
…..
ณ โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่ง
มัธยมปลายปีสามห้องสี่
ต้องยอมรับเลยว่านักเรียนที่สอบวิชายุทธค่อนข้างทุ่มเท อย่างน้อยที่สุดพวกเขาพวกเขาก็มาโรงเรียนเช้าเสมอ
ฟางผิงสังเกตว่าทุกครั้งที่เขามาห้องเรียน ผู้เข้าสอบวิชายุทธคนอื่นต่างก็มาถึงแล้ว
เมื่อเขามาถึง เขาก็ได้ยินปากมากจางฮ่าวพูดอย่างตื่นเต้น “โจวปินไปตรวจค่าปราณและเลือดมาเมื่อวาน เขามี 125 แคลแล้ว!”
“สุดยอด!”
“ปีนี้เราอาจมีคนจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเข้าสองมหาลัยดังได้จริงๆก็ได้”
“เกณฑ์การรับเข้าของสองมหาลัยดังก็ 125 แคลใช่ไหม?”
จางฮ่าวถามคำถาม อนาคตเคราเฟิ้มหยางเจี้ยนรีบพยักหน้า “ปีก่อนเกณฑ์ต่ำสุดของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้คือ 125 แคล”
แน่นอนจางฮ่าวย่อมรู้เรื่องนั้น เขาแค่ถามเพื่อให้มีคนยืนยันคำพูดเขา
เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบพูดพร้อมเสียงหัวเราะ “ยังมีเวลาพอสมควรก่อนประเมิณร่างกาย ดังนั้นก่อนสอบ เรากินเม็ดยาปราณและเลือดได้อีกเม็ด”
“ถ้าเขากินยา ฉันพนันเลยว่าผลการสอบปราณและเลือดของโจวปินจะสูงถึง 128 แคล!”
“พระเจ้า โจวปินจะเข้าสองมหาลัยดังได้จริงเหรอ?”
“ถ้าเขาเข้าได้ งั้นโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งจะกลายเป็นโรงเรียนมีชื่อเสียง…”
จางฮ่าวเต้นแร้งเต้นกา เขาตื่นเต้นมากจนเหมือนกับเป็นเขาเองที่มี 125 แคล
ในบรรดาผู้สมัครสอบวิชายุทธ มีทั้งคนที่อิจฉาและคนที่เป็นกังวล
ในทางกลับกันนักเรียนสังคมศาสตร์ส่วนใหญ่รู้สึกแค่อิจฉา แต่ไม่ได้กังวลเลย เพราะยังไงเสียมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา
ส่วนฟางผิงที่พึ่งก้าวเข้ามาในห้อง เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
โจวปินเป็นนักเรียนที่มีศักยภาพที่สุดในโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่ง แต่แม้ปราณและเลือดของเขาจะมี 125 แคล ทว่าฟางผิงก็มีถึง 124 แคล
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนมีแค่ 1 แคลเท่านั้น มันเล็กน้อยมาก
แถมฟางผิงยังมีค่าทรัพย์สินมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายตามไม่ทัน เขาคงก้าวข้ามโจวปินในพริบตา
อันที่จริง ฟางผิงไม่ได้พิจารณานักเรียนพวกนี้เป็นคู่แข่งเลย
เป้าหมายเขาคือหวังจินหยาง หวังจินหยางอายุมากกว่าเขาเพียงปีเดียว แต่เขาใกล้ทะลวงขั้นสามแล้ว
เมื่อเทียบกับหวังจินหยาง ไม่ว่านักเรียนปีนี้จะมีปราณและเลือดสูงแค่ไหนก็ไม่ดึงดูดสายตาของฟางผิงเลย
ฟางผิงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจพวกเขาพูดกัน
เมื่อคืนเขาเหนื่อยเกินไป เขาจึงไม่ได้ตรวจสอบผลของค่าจิตใจที่เพิ่มขึ้้น
ส่วนการสมัครมหาลัยวิชายุทธ เขาไม่ได้ห่วงเรื่องปราณและเลือดเลย ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของฟางผิงคือสอบวัฒนธรรมศึกษา
ถ้าการเพิ่มค่าจิตใจมีผลจริง เขาจะได้มีต้นทุนผ่านสอบวิชายุทธ
ฟางผิงไม่อยากร่วมบทสนทนา แต่หยางเจี้ยนที่นั่งอยู่แถวหน้าอดหันมาพูดไม่ได้ “ฟางผิง ปราณและเลือดนายสูงแค่ไหนแล้ว? กี่แคลแล้ว?”
“ไม่รู้สิ ฉันยังไม่ได้ตรวจเลย”
หยางเจี้ยนรู้สึกคันอยู่ในใจ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากถามตัวเลขปัจจุบันของฟางผิงหรอก
พอฟางผิงพูดแบบนั้น หยางเจี้ยนก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆทันที “คืนก่อน พูดยังไง พ่อฉันก็จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล”
“ฉันไปกับพ่อ แต่แล้วฉันก็พบว่าปราณและเลือดฉันเพิ่มมา 1 แคล! ฉันมี 113 แคลแล้ว!”
ฟางผิงกลอกตามองบน เขามีอวดชัดๆ แล้วทำไมถึงหัวเราะเหมือนคนโง่แบบนั้น?
“ฟางผิง ถ้าฉันกินยาเพิ่มตอนประเมิณร่างกาย นายว่าฉันจะถึง 115 แคลได้ไหม?”
“ฟางผิง นายน่าจะสูงกว่าของฉันใช่ไหม? ทำไมพรุ่งนี้นายไม่ไปตรวจล่ะ?”
“ฟางผิง…”
“…”
ฟางผิงเริ่มปวดหัว เจ้าเคราเฟิ้มนี่พูดมากจริง
ฟางผิงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อโดยไม่สนใจคำพูดไร้สาระ และสัมผัสกับผลของการเพิ่มค่าจิตใจ
…..
หลังอ่านหนังสือช่วงเช้า ฟางผิงก็ปิดหนังสือแล้วจมอยู่ในห้วงความคิด
ผลของมันไม่เลวเลย!
ฟางผิงไม่รู้ว่าจิตใจ 140 Hz ดีจริงรึเปล่า
ไม่ว่ายังไงผลของมันก็ค่อนข้างชัดเจน สมองของเขาแจ่มชัดและกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ฟางผิงเคยเรียนหลักสูตรมัธยมปลายมาก่อน แถมผลสอบเขาก็ค่อนข้างดีเหมือนกัน นี่ก็เหมือนกับการทบทวน
ถึงกระนั้นเขาก็จบมัธยมปลายมาหลายปีแล้ว การทบทวนครั้งนี้เลยต้องใช้เวลาพอควรเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อฟางผิงเห็นความรู้ที่คุ้นเคยเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่ามันเข้าใจง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนทบทวนไม่กี่วันก่อน เขาระลึกถึงความรู้ที่เคยลืมได้มากมาย
นี่เป็นเพราะ 140Hz เช่นกัน หลังจากนี้ไม่กี่วัน พอเขาคุ้นเคยกับค่าจิตใจปัจจุบัน เขาคงพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
พอถึงตอนนั้น ทุกอย่างควรง่ายขึ้นมาก
ฟางผิงรู้สึกเหมือนเขาผ่านอุปสรรคสุดท้ายบนเส้นทางการสอบวิชายุทธไปครึ่งทางแล้ว
…..
หลังอ่านหนังสือมาตลอดทั้งเช้า ฟางผิงก็ซึมซับความรู้เก่าๆทั้งหมดเหมือนน้ำกลางทะเลทราย
ช่วงพักกลางวัน ฟางผิงก็ออกไปข้างนอก
เขาใช้เงินสิบหยวนเพื่อทำบัตรเอทีเอ็ม
จากนั้นเขาก็ใช้เงินอีก 1,200 หยวนซื้อโทรศัพท์มือถือแล้วอีก 100 หยวนซื้อซิมการ์ด
ไม่มีโทรศัพท์แล้วไม่สะดวกหลายอย่างเลย
เมื่อเขาได้โทรศัพท์และเปิดใช้ซิมการ์ด สิ่งแรกที่เขาทำคือส่งข้อความหาหวังจินหยาง
…..
ณ มหาลัยวิชายุทธหนานเจียง
หวังจินหยางพึ่งมาถึงมหาลัย พอเขาเห็นตัวเลขยาวๆบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเด็กที่น่าสนใจมาก!”
เมื่อวานฟางผิงเกรงใจไม่ยอมรับเงินล้านหยวน!
แม้ว่าเขาจะอยากได้ แต่เขาบอกว่า ไม่ต้องรีบ พี่หวังมีเวลาเมื่อไหร่ค่อยโอน
คำพูดเขาฟังแล้วเข้าหูดี
อย่างไรก็ตามไม่ถึงหนึ่งวัน ฟางผิงก็ส่งเลขบัญชีมาให้เขาแล้ว
หลังหัวเราะสักพัก หวังจินหยางก็ไม่ได้บิดพริ้วสัญญา เขาไปธนาคารในมหาลัยแล้วโอนเงินให้เสร็จ
ที่มหาลัยวิชายุทธ การโอนเงินล้านไม่ได้มากนัก ธนาคารในมหาลัยวิชายุทธหมุนเวียนเงินหลักพันล้านเป็นประจำ
เมื่อจบเรื่องเงิน หวังจินหยางก็ส่งของให้ฟางผิง ข้างในมีทั้งหนังสือเรียนของตัวเองและหนังสือเคล็ดวิชาพื้นฐาน
เขาไม่ได้ห่วงเรื่องพัสดุหายกลางทาง ต่อให้หายก็ไม่สำคัญ เพราะถ้าใครพยายามฝึกฝนโดยไม่มีพื้นฐานที่ถูกต้อง มันก็เหมือนรนหาที่ตาย
อย่างมาก เขาก็แค่ส่งของให้ฟางผิงอีกชุด
…..
ไกลออกไป ณ เมืองหยางเฉิง ฟางผิงกำลังรอเสียงแจ้งเตือนข้อความ
เมื่อข้อความเข้า ฟางผิงก็รู้สึกดีใจ “เยี่ยม ไม่เสียเวลาเลย!”
เฒ่าหวังเป็นคนตรงไปตรงมาดีแท้ แม้ว่าครั้งนี้เขาอาจได้กำไรมากกว่าฟางผิงมากก็ตาม