World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 76
ตอนที่ 76 เกณฑ์รับเข้าของมหาลัยต่างๆ
ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐเหมือนจะเพิ่มขึ้นในโลกที่มีผู้ฝึกยุทธอาศัยอยู่
กลางเดือนมิถุนายน ไม่ถึงสองสัปดาห์หลังสอบ ผลสอบก็ถูกประกาศออกมา
…..
ย่านกวนหูหยวน
ฟางหยวนเฝ้าดูฟางผิงพิมพ์หมายเลขผู้สอบอย่างช้าๆ ฟางหยวนรู้สึกกังวลแทน เธอเซ้าซี้เขาไม่หยุด “ฟางผิง พิมพ์เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?”
“น้องจะรีบไปทำไม?”
ฟางผิงไม่สะทกสะท้าน เขาใช้เวลายืนยันข้อมูลอยู่ครู่นึง
หลังเข้าหน้าผลสอบ ฟางผิงก็ชำเลืองดูคร่าวๆ พูดด้วยน้ำเสียงราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ “ไม่ต่างจากที่พี่คิดไว้”
จีน : 120
คณิตศาสตร์ : 131
ศิลปศาสตร์ : 112
วิทยาศาสตร์ : 264
คะแนนรวม : 627
ผลสอบวิชาศิลปศาสตร์ของเขาอยู่ในระดับกลางๆ นี่เป็นเพราะชีวิตก่อนเขาไม่ใช่นักเรียนศิลปะ แถมการเมืองและประวัติศาสตร์ของโลกนี้ก็ต่างจากชีวิตก่อนอยู่บ้าง
ส่วนวิชาอื่น เขาทำได้ไม่เลวเลย เขาได้คะแนนตามที่คาดหวังไว้
คะแนนรวม 627 คะแนน มันสูงกว่าเกณฑ์รับเข้ามหาลัยใหญ่ๆที่รัฐบาลประกาศวันก่อนกว่า 32 คะแนน
วันก่อน มีการประกาศในข่าวว่า เกณฑ์รับเข้าของมหาลัยใหญ่ๆที่รัฐบาลกำหนดคือ 595 คะแนน
“627 คะแนน!”
ฟางหยวนแทบเอาหน้ามุดหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว เธอรู้สึกประหลาดใจระคนยินดีเมื่อได้เห็นคะแนน
แม้ฟางผิงจะสอบวัฒนธรรมศึกษาได้ไม่แย่นัก แต่คะแนนเขาส่วนใหญ่จะคาบเส้น
ฟางหยวนไม่คิดเลยว่าตอนสอบเกาเข่า เขาจะสูงกว่าเกณฑ์ตั้ง 30 คะแนน!
“ฟางผิง นายมีสิทธิ์เข้ามหาลัยวิชายุทธ!”
ฟางหยวนดีใจมาก เธอตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
คำกล่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่าฟางผิงเข้าได้ไม่มีปัญหาแน่นอน มันยังไม่ได้รับการยืนยัน ถ้าเขาสอบวัฒนธรรมศึกษาได้น้อย ถ้าเขาทำได้แย่เกินไปจริงๆ ต่อให้ปราณและเลือดสูง เขาก็เป็นได้แค่ผู้ฝึกยุทธทั่วไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากคะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษาของเขาสูงถึง 627 คะแนน มันหมายความว่าฟางผิงมีสิทธิ์เข้าแน่นอนแล้ว
ฟางหยวนมีความสุขมาก ก่อนที่ฟางผิงจะได้ตอบ เธอก็วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว
เธอตะโกนพลางวิ่งพลาง “หนูจะไปบอกข่าวดีกับพ่อแม่!”
“ช้าลงหน่อย…”
ฟางผิงตะโกนตอบ แต่ฟางหยวนลงไปชั้นล่างแล้ว
บางครั้งสาวน้อยก็โง่
ถ้าเธออยากบอกข่าวดีกับพ่อแม่ โทรไปก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?
อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนดีใจแค่ไหน ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้ พวกเขาคงคิดว่าเธอเป็นคนที่สอบเกาเข่า
หลังฟางหยวนวิ่งไป ฟางผิงก็ส่ายหน้า เขายังตรวจสอบข้อมูลที่เหลือไม่เสร็จ
เขาเป็นนักเรียนวิชายุทธ ยังมีวิชาอื่นนอกจากวัฒนธรรมศึกษา
ฟางผิงเปิดหน้าต่างแถบใหม่ คะแนนสอบวิชายุทธครั้งก่อนก็ปรากฏขึ้นในไม่ช้า
ชื่อ : ฟางผิง
ปราณและเลือด : 149แคล
ทั่วไปศึกษา : 85 (เต็ม 100)
ประเมิณภาคปฏิบัติ : 98 (เต็ม 100)
…..
ช่องประเมิณร่างกายไม่มีคะแนนอย่างอื่นเลยนอกจากปราณและเลือด
เนื่องจากปราณและเลือดถูกประเมิณ มันก็หมายความว่าเขาผ่านส่วนอื่นแล้ว
…..
ฟางหยวนเห็นคะแนนตัวเองแล้วค่อนข้างพอใจ
ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องประเมิณภาคปฏิบัติ เขามีปราณและเลือดสูง บรรลุจวงกงขั้นยืนมั่นคง ดังนั้นคะแนนปฏิบัติเขาจึงไม่ต่ำ
เขาเริ่มเรียนทั่วไปศึกษาสายไปหน่อย ได้ 85 คะแนนถือว่าไม่เลวเลย
…..
เมื่อผลสอบเกาเข่าออกมา มหาลัยทั่วประเทศก็จะแก้ไขเว็บไซต์ทางการเพื่อแสดงเกณฑ์รับเข้าของปีนี้
มหาลัยวิชายุทธจะกำหนดเกณฑ์สูงกว่าเมื่อเทียบกับมหาลัยอื่น
เกณฑ์การรับเข้าจะกำหนดโดยมหาลัยเองและแสดงบนเว็บไซต์
เรื่องนี้มีข้อดี นักเรียนจะสามารถจำกัดขอบเขตการสมัครให้แคบลง
ฟางผิงไม่ได้รีบดูเกณฑ์รับเข้าของมหาลัยอื่น เขาเปิดเว็บไซต์ทางการของมหาลัยหนานเจียงทันที
“เกณฑ์รับเข้าของมหาลัยวิชายุทธมณฑลหนานเจียงปี 2008 คือ”
“ปราณและเลือด : 116แคลหรือสูงกว่า”
“วัฒนธรรมศึกษา : 605 หรือสูงกว่า”
“ทั่วไปศึกษา : 80 หรือสูงกว่า”
“ประเมิณภาคปฏิบัติ : 80 หรือสูงกว่า”
…..
นี่เป็นเกณฑ์ต่ำสุดของทุกวิชา สำหรับปี 2008 มหาลัยจะยอมรับนักเรียน 1200 คนจากทั่วประเทศ
หมายเหตุ 1 : ถ้าปราณและเลือดสูงกว่า 130แคล แม้ว่าคะแนนวิชาอื่นจะต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย แต่ก็อาจผ่านการพิจารณา
หมายเหตุ 2 : ถ้าคะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษาสูงกว่า 680 คะแนน แม้ว่าคะแนนวิชาอื่นจะต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย แต่ก็อาจผ่านการพิจารณา
หมายเหตุ 3 : ผู้สมัครสอบจะได้รับการคัดเลือกหลังได้รับการพิจารณาปราณและเลือด คะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษา ทั่วไปศึกษา และการประเมิณภาคปฏิบัติ ผู้สมัครสอบที่มีคะแนนสูงสุดจะผ่านการพิจารณาก่อน
…”
เกณฑ์การรับเข้าของมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงนั้นชัดเจน
คะแนนต่ำสุดสูงกว่าปีที่แล้วมาก
เกณฑ์ปราณและเลือดต่ำสุดปีก่อนคือ 112แคล ของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 116แคล
ต่อให้มีการระบุเกณฑ์คนที่มีคะแนนวัฒนธรรมศึกษาเกิน 680 คะแนนจะได้รับการยอมรับแม้คะแนนวิชาอื่นจะต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย แต่การได้คะแนนสูงกว่า 680 คะแนนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นักเรียนที่ได้คะแนนวัฒนธรรมศึกษาเกิน 680 คะแนนจะไม่เข้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียง บางคนก็เป็นนักเรียนสังคมศาสตร์ ไม่ว่าจะมีคะแนนสูงแค่ไหนก็ลงทะเบียนเข้ามหาลัยไม่ได้
อีกส่วนก็คือคนที่มีปราณและเลือดสูงพอที่ไม่พิจารณามหาลัยวิชายุทธหนานเจียง
มีนักเรียนวิชายุทธน้อยมากที่ได้คะแนนสูงกว่า 680 คะแนน แต่มีปราณและเลือดต่ำกว่า 116แคล มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มหาลัยทุกแห่งทั่วประเทศรู้สึกว่าจำเป็นต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
แม้ว่าวิชายุทธจะมีตำแหน่งสูง แต่มันไม่ได้หมายความว่าสังคมศาสตร์จะถูกละเลย
มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงเป็นมหาลัยวิชายุทธโดยเฉพาะที่เปิดรับนักศึกษาจำนวนมาก รับกว่า 1200 คนทั่วประเทศ
ฟางผิงดูเกณฑ์ของมหาลัยอีกสองแห่งในหนานเจียงที่มีคณะวิชายุทธ
มีมหาลัยวิชายุทธสามแห่งในหนานเจียง หนึ่งในนั้น มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงเป็นมหาลัยเดียวที่มีแต่คณะวิชายุทธ พวกเขาไม่รับนักศึกษาสังคมศาสตร์
อีกสองมหาลัยวิชายุทธเปิดรับนักศึกษาสังคมศาสตร์ด้วย
เกณฑ์ของมหาลัยเทคนิคหนานเจียงก็คล้ายกับมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง แต่พวกเขามีเกณฑ์คะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษาสูงกว่า นั่นก็คือ 610 คะแนนหรือสูงกว่า
พวกเขาเปิดรับนักเรียนน้อยกว่าด้วย พวกเขารับแค่ 200 คนเท่านั้น
มหาลัยสุดท้ายคือมหาลัยหนานเจียง เกณฑ์ปราณและเลือดสูงกว่ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียง 1แคล นั่นคือ 117แคล นอกจากนี้เกณฑ์วัฒนธรรมศึกษายังต้องเป็น 610 คะแนนหรือสูงกว่า
พวกเขาเปิดรับนักเรียนน้อยกว่ามหาลัยเทคนิคหนานเจียง พวกเขาเปิดรับเข้า 150 คนเท่านั้น
มหาลัยวิชายุทธสามแห่งในมณฑลหนานเจียงรวมแล้วรับทั้งหมด 1550 คน
สามมหาลัยวิชายุทธในหนึ่งมณฑลไม่ใช่จำนวนน้อยๆ มีมณฑลมากมายที่มีมหาลัยวิชายุทธโดยเฉพาะเพียงแห่งเดียวที่เปิดรับนักศึกษา 100-200 คนเท่านั้น
มณฑณที่ขาดแคลนทรัพยากรเช่นนั้น หากไม่มีผู้นำที่แข็งแกร่งมาช่วยต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร นักเรียนวิชายุทธจะหลั่งไหลออกไปมณฑลอื่นหมด
พวกเขาทำได้แต่จ่ายราคาสูงเพื่อรั้งผู้เข้าสอบที่เก่งกาจเอาไว้
“ในทั้งสามมหาลัยในหนานเจียง มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงมีเกณฑ์ต่ำสุด มันอาจเป็นเพราะพวกเขายอมรับนักเรียนจำนวนมาก”
ฟางผิงเปรียบเทียบเกณฑ์ของมหาลัยทั้งสาม เขาจะสมัครมหาลัยไหนก็ได้ อู๋จื้อเห่าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน
อีกคนในห้องที่ผ่านเกณฑ์ต่ำสุดคือหยางเจี้ยน เขาไม่มีปัญหากับเกณฑ์ 116แคล อย่างไรก็ตามคะแนนวัฒนธรรมศึกษาของเขานั้น…
ฟางผิงเป็นห่วงหยางเจี้ยน เจ้าหมอนี่จะทำคะแนนผ่านเกณฑ์ 605 คะแนนได้ไหม?
เมื่อปราณและเลือดของผู้เข้าสอบเท่ากัน คะแนนวัฒนธรรมศึกษาของพวกเขาจะถูกพิจารณาเป็นอย่างแรก ถัดจากนั้นคือคะแนนสอบทั่วไปศึกษาและสอบปฏิบัติ
ฟางผิงเชื่อว่ามีนักเรียนมากมายที่มีปราณและเลือดถึง 116แคล จำนวนมันต้องมากกว่า 1200 คนแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนั้น เกณฑ์รับเข้าอาจสูงกว่า 605 คะแนนเล็กน้อย
หลิวรั่วฉีโชคร้าย เพราะปราณและเลือดของเธอมี 115 แคลเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่เธอจะสอบวัฒนธรรมศึกษาได้ 680 คะแนนก็ต่ำเช่นกัน นี่หมายความว่าเธอเข้ามหาลัยทั้งสามแห่งในหนานเจียงไม่ได้
ส่วนมหาลัยอื่นในประเทศ…ฟางผิงไม่รู้ว่ามีมหาลัยไหนที่กำหนดเกณฑ์ต่กว่า 116แคลไหม
มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่ใช่มหาลัยวิชายุทธที่เข้มงวดที่สุด
มหาลัยวิชายุทธธรรมดาทุกแห่งมีเกณฑ์ปราณและเลือดพอๆกัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีโอกาสเลย
…..
หลังอ่านเกณฑ์รับเข้าที่มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงกำหนด ฟางผิงก็เปิดเว็บไซต์ทางการของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้อย่างอดไม่ได้
“ปราณและเลือด : 130 แคลหรือสูงกว่า
วัฒนธรรมศึกษา : 620 คะแนนหรือสูงกว่า
ทั่วไปศึกษา : 90 คะแนนหรือสูงกว่า
ประเมิณภาคปฏิบัติ : 90 คะแนนหรือสูงกว่า
…”
ฟางผิงรู้สึกอายเล็กน้อยหลังอ่านข้อมูลเหล่านี้ จากเกณฑ์แล้ว เขายังไม่ผ่านเกณฑ์ต่ำสุดของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ด้วยซ้ำ คะแนนทั่วไปศึกษาเขาได้ 85 คะแนนเอง
เหมือนกับมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็มีหมายเหตุด้านล่าง
“หมายเหตุ 1 : หากปราณและเลือด 149 แคลหรือสูงกว่า แม้ว่าคะแนนวิชาอื่นจะต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย แต่ก็อาจผ่านการพิจารณา”
หมายเหตุเดียวก็ทำให้ฟางผิงรู้สึกถึงความแตกต่างของมหาลัยวิชายุทธชั้นยอด
รับเข้าเป็นพิเศษน่ะมี แต่ต้องเป็นผู้เข้าสอบที่โดดเด่นเท่านั้น
ปราณและเลือด 149แคลหมายถึงอะไร?
มันหมายความว่าคนๆนั้นต้องเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธสูงสุด!
ฟางผิงเป็นเพียงคนเดียวในเมืองรุ่ยหยางที่ผ่านเกณฑ์นี้ และก็เป็นคนเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา!
นักเรียนประเภทนี้ ถือเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่งในหนานเจียง แต่กลับมีสิทธิพิเศษเล็กน้อยเท่านั้นในมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้
“หมายเหตุ 2 : หากคะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษา 700 คะแนนหรือสูงกว่าและมีปราณและเลือด 120 แคลหรือสูงกว่า จะได้รับการพิจารณา”
ฟางผิงมุมปากกระตุกอีกครั้ง จะมีกี่คนเชียวที่ทำได้?
นักเรียนวิชายุทธต้องทำหลายอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ละเลยวัฒนธรรมศึกษาได้ทำคะแนนสอบได้ดี แต่ 700 คะแนนหรือสูงกว่ามันก็มากเกินไป คนที่ได้คะแนนขนาดนี้เป็นที่หนึ่งของมณฑลได้โดยง่ายเลย
ฟางผิงมีสิทธิ์เข้ามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ตามหมายเหตุ 1
มันบอกว่า’อาจผ่านการพิจารณา’ถ้าเขาลงสมัคร อย่างไรก็ตามเขาไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ เพราะเขาแค่ไม่ผ่านเกณฑ์ศึกษาทั่วไปเพียงเล็กน้อย
เกณฑ์ของมหาลัยชั้นยอดอีกแห่ง มหาลัยวิชายุทธปักกิ่ง ก็มีเกณฑ์พอๆกันไม่มากก็น้อย
เกณฑ์ในแง่ของปราณและเลือดสูงกว่ามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ 2แคล ปราณและเลือดขั้นต่ำคือ 132แคล แต่เกณฑ์อื่นเหมือนกัน
ฟางผิงน่าจะสมัครมหาลัยวิชายุทธปักกิ่งได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามฟางผิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อันที่จริงฟางผิงคิดหาคำตอบของคำถามนี้มาตั้งแต่ประเมิณปราณและเลือดแล้ว
เขาควรเป็นหัวไก่ในมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง…แค่กๆ ประโยคนี้ทำให้ฟางผิงคิดไปอีกทางตลอดเลย…หรือจะเป็นหางฟีนิกซ์ในสองมหาลัยดังดี
แน่นอนด้วยปราณและเลือด 149แคล ต่อให้เป็นสองมหาลัยดัง เขาก็ไม่ได้เป็นหางฟีนิกซ์
อันที่จริงปราณและเลือดเขาเกิน 149แคลแล้ว ผู้ฝึกยุทธปีหนึ่งของสองมหาลัยดังก็เทียบกับระดับปัจจุบันของเขาไม่ได้ เขาเป็นใหญ่ในสองมหาลัยดังได้แน่นอน
“ความแตกต่างระหว่างมหาลัยวิชายุทธจะต่างกันแค่ไหนนะ?”
นี่เป็นคำถามที่ฟางผิงครุ่นคิดอยู่เกือบตลอด ด้วยผลสอบของเขา ถ้าเขาอยู่หนานเจียง เขาจะได้รางวัลอย่างงามแน่นอน
ถ้าความต่างระหว่างสองมหาลัยดังและมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่มากนัก การอยู่หนานเจียงก็ไม่ได้เลวร้าย อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะได้รับทรัพยากรจำนวนมากตั้งแต่แรกเริ่มเลย
ถ้ามันต่างกันมาก การอยู่หนานเจียงเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นตรงหน้าอาจไม่คุ้มค่า
“เหล่าหวังบอกว่าจะกลับมาเมืองหยางเฉิงพรุ่งนี้ ไว้ฉันไปถามความเห็นเขาดีกว่า”
ฟางผิงไม่รู้เรื่องนี้มากนัก เขาจึงได้แต่รอไปถามหวังจินหยาง
เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้นานนัก เพราะโทรศัพท์เขาเริ่มสั่นไม่หยุด
เขาไม่จำเป็นต้องดูหน้าจอ เขาก็บอกได้ว่าคนที่โทรมาเป็นเพื่อนร่วมห้อง และคนที่เป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นอู๋จื้อเห่า
และเขาก็คิดถูก หลังรับสาย ฟางผิงก็ได้ยินเสียงอู๋จื้อเห่าพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ฟางผิง คะแนนวัฒนธรรมศึกษาของนายได้เท่าไหร่?”
“ฉันได้ 645 คะแนน!”
“ฉันปวดหัวหนักมาก ฉันควรเข้ามหาลัยไหนดี?”
“ฉันเช็คดูแล้ว ด้วยปราณและเลือด 120 แคลของฉัน มีมหาลัยประมาณ 30-40 แห่งให้ฉันเลือก…”
ฟางผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นเหรอ? ยินดีด้วย! เอ้อใช่ ฉันได้ 627 คะแนน ฉันกำลังพิจารณาสองมหาลัยดัง นายคิดว่าไง?”
“แค่กๆ…”
อู๋จื้อเห่าก่นด่าในใจ เขาโทรหาผิดคนแล้ว เขาไม่ควรโทรมาโม้กับฟางผิง เขาควรหาเป้าหมายอื่นมากกว่า
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รู้สึกดีที่ได้โม้กับคนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธไม่ได้
และฟางผิงก็เป็นคนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้แน่นอน
หลังคิดเล็กน้อย อู๋จื้อเห่าก็ระบุเป้าหมาย เขาจะโทรไปอวดพี่น้องถาน!
พวกเขามีคะแนนสอบวัฒนธรรมกลางๆ ดังนั้นพวกเขามีคะแนนสอบต่ำกว่าเขาแน่นอน และพวกเขาย่อมไม่เข้าสองมหาลัยดังเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาน่าจะเข้ามหาลัยวิชายุทธโดยเฉลี่ยได้อย่างไม่มีปัญหา
ถ้าเขาไปโม้กับพี่น้องถาน เขาคงได้โม้อย่างมีความสุขและไม่ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น
เมื่อคิดได้แบบนั้น อู๋จื้อเห่าก็ขี้เกียจคุยไร้สาระกับฟางผิงอีก เขาวางสายทันที
…..
อู๋จื้อเห่าวางสายเร็วมากจนฟางผิงไม่ได้ถามเรื่องคะแนนสอบหยางเจี้ยนเลย
หลังคิดเล็กน้อย เขาก็โทรเข้าเบอร์บ้านของหยางเจี้ยน
หยางเจี้ยนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ถ้าฟางผิงโทรไปบ้านเขาเพียงเพื่อถามเรื่องนี้ คนที่ไม่ค่อยมีความคิดคงจะคิดว่าเขาโทรไปอวด
ส่วนหลิวรั่วฉี ฟางผิงไม่รู้อะไรนัก เพราะเขาไม่ค่อยคุยกับสาวๆในชั้น
เขาไม่ได้คิดถึงคนอื่นอีก เขาส่งข้อความไปหาเหล่าหวัง มันเป็นข้อความที่สั้นมาก
“ได้คะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษา 627 คะแนน ขอคำแนะนำ!”
เหล่าหวังตอบอย่างรวดเร็ว “ขอแสดงความยินดีด้วย ฉันจะกลับเมืองหยางเฉิงพรุ่งนี้”