World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86 วีไอพี
หลังเขาแสดงใบอนุญาตวิชายุทธชั่วคราวกับยาม ฟางผิงก็ได้รับอนุญาตให้เข้าในมหาลัย
มหาลัยใหญ่เกินไป แม้จะมีนักศึกษามากมายที่ยังอยู่ในวิทยาเขต แต่พวกเขาก็กระจายอยู่ทั่วมหาลัย มันจึงยากมากที่จะบังเอิญเจอใครสักคน
ฟางผิงสังเกตว่ามันเริ่มสายแล้ว เขาจึงหยุดเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมาย
เขาถามยามว่าแผนกต้อนรับอยู่ไหน จากนั้นฟางผิงก็มุ่งหน้าตรงไปยังแผนกต้อนรับ
เขาใช้เวลาเดินอยู่ในวิทยาเขตประมาณ 7-8 นาทีกว่าจะพบแผนกต้อนรับ
มันเป็นตึกสามชั้นที่ดูเก่ากว่าตึกอื่นๆข้างๆ
เช่นเดียวกับสถานีรถไฟ ชั้นแรกเป็นเหมือนศูนย์ให้บริการทั่วไปที่กว้างขวาง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้างในเงียบมาก เด็กปีหนึ่งยังไม่ถึงเวลาลงทะเบียน แถมแผนกต้อนรับปกติจะต้อนรับผู้ปกครองซะมากกว่า
นักศึกษาบางคนก็ออกไปทําภารกิจนอกวิทยาเขต ดังนั้นพอผู้ปกครองมาที่มหาลัย พนักงานจึงมีหน้าที่ทําให้ผู้ปกครองเหล่านี้สบายใจ
มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มีเงินทุน ดังนั้นเมื่อผู้ปกครองมาเยี่ยมและนักเรียนไม่มีการเตรียมการรองรับ ทางมหาลัยจะจัดการดูแลอาหารและที่อยู่ให้ มันเป็นหนึ่งในวิธีการยืนยันของมหาลัยยุทธเช่นกัน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”
ฟางผิงเคาะประตูกระจกเบาๆ ในห้องโถงที่ว่างเปล่านี้ เสียงเคาะดังชัดเจนมาก
” เชิญเข้ามา!”
เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตู หญิงกลางคนที่กําลังจีบหลับอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับ
เมื่อฟางผิงเดินเข้ามา หญิงกลางคนก็เห็นกระเป๋าเดินทางที่เขากําลังลากอยู่ เธอประหลาดใจเล็กน้อย ” คุณเป็นนักศึกษาปีหนึ่งหรือ?”
ถ้าเขาไม่ใช่ เขาก็คงไม่จําเป็นต้องมาแผนกต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณป้า ผมเป็นเด็กปีหนึ่ง นี่จดหมายรับเข้าครับ…”
ฟางผิงสุภาพมาก เขารีบหยิบเอาจดหมายรับเข้าออกมา ยื่นให้เธอไปพร้อมกับใบอนุญาตวิชายุทธชั่วคราว
หญิงกลางคนรับเอกสารมาดู อย่างไรก็ตามแทนที่เธอจะตรวจสอบอย่างละเอียด เธอพูดอย่างเรียบง่ายแทน ”คุณมาลงทะเบียนแล้ว? ทางมหาลัยยังไม่ได้เตรียมที่พักให้คุณ คุณก็น่าจะทราบ”
” ปกติแล้วนักศึกษาที่มาก่อนจะมาก่อนสามถึงห้าวันเท่านั้น มาก่อนเปิดเทอมเดือนนึงนี่มัน…”
หญิงกลางคนขมวดคิ้วเล็กๆ ลําบากใจนิดหน่อย
เมื่อนักศึกษาปีหนึ่งมาที่แผนกต้อนรับ พวกเขามักจะมาขอที่อยู่ อย่างไรก็ตามทางมหาลัยยังไม่ได้เก็บกวาดหอพักให้ มันจึงไม่สะดวกที่จะจัดให้ตอนนี้
กระนั้นตอนที่ฟางผิงมาถึงสถานี เฉินจือชวนบอกว่าให้มาขอความช่วยเหลือที่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ แถมฉินเฟิงชิงก็แนะนําอีกเช่นกันว่าให้มาที่แผนกต้อนรับ
ที่พวกเขาพูดแบบนั้นมันย่อมต้องมีเหตุผล
ถ้าเป็นมหาลัยทั่วๆไป นักศึกษาที่มาก่อนเวลาย่อมถูกทิ้งให้พึ่งตัวเอง มหาลัยจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย
อย่างไรก็ตาม มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เป็นมหาลัยทางการ เศรษฐกิจและวิชายุทธถูกหลอมรวมกันมานานแล้ว
อีกอย่างนักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ต่างก็เป็นหัวกะทิ เป็นเสาหลักในอนาคต
แม้หญิงกลางคนจะหนักใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “เรายังไม่ได้จัดเตรียมหอพัก และการลงทะเบียนก็ยังไม่เริ่มเช่นกัน”
“ถ้าคุณไม่ขัดข้อง ฉันจะจัดหาห้องพักให้คุณที่โรงแรมโม่อู่ที่อยู่บริเวณนอกมหาลัย”
” เมื่อถึงเวลาลงทะเบียน คุณค่อยมาที่นี่อีกครั้งและเราจะจัดการให้เพิ่มเติม”
ฟางผิงประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่ามหาลัยจะจัดที่พักให้เขาจริงๆ
ฟังจากชื่อโรงแรมเพียงอย่างเดียว เห็นได้ชัดว่าโรงแรมโม่อู่เป็นของมหาลัย
(ผู้แปล : โม่ มาจากคําว่า โมต(เซี่ยงไฮ้) อู่ คือ ยุทธ)
ฟางผิงยังไม่ได้หาที่พักเอง ถ้ามหาลัยจัดการให้เขา เขาก็จะได้ไม่ต้องไปลําบากเพิ่ม
ไม่ใช่ว่าเขาอยากประหยัดเงิน สิ่งสําคัญคือเขาไม่คุ้นกับพื้นที่ใกล้เคียงมหาลัยวิชายุทธ
ตอนนี้เขาอยู่โรงแรมของมหาลัยได้ ถ้าเขาไม่ชอบ เขาค่อยไปหาบ้านที่หลัง
“ตกลงครับ ขอบคุณครับคุณป้า”
“ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยคุณลงทะเบียนให้ก่อน”
หญิงกลางคนไม่เหมือนพนักงานต้อนรับในมหาลัยส่วนใหญ่ บางมหาลัย พนักงานจะไม่พอใจมากถ้าได้ทํางานเพิ่ม แถมคําพูดของพวกเขาค่อนข้างรุนแรงอีกต่างหาก
ถ้ามีนักศึกษาไม่ทําตามกฏปกติ ต่อให้พวกเขามาเคาะประตู พวกเขาก็โดนเพิกเฉย
อย่างไรก็ตามที่มหาลัยวิชายุทธ เหตุการณ์เช่นนั้นหาได้ยาก
นักศึกษาเหล่านี้มีอนาคตที่สดใสรออยู่ ดังนั้นไม่มีความจําเป็นเลยที่ต้องล่วงเกินพวกเขาในเรื่องเล็กน้อย
หญิงกลางคนป้อนข้อมูลของฟางผิง และนั่นก็เป็นตอนที่เธอสังเกตเห็นใบอนุญาตวิชายุทธของเขาเช่นกัน
หลังชําเลืองดู เธอก็ถึงกับจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปพักนึง
จากนั้นเธอก็หันมามองฟางผิงอย่างอดไม่ได้ เมื่อเธอมั่นใจว่าถูกคน เธอก็พูดออกมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ ” นักศึกษาฟางผิง คุณทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธหลังสอบเสร็จเหรอ?”
“ไม่ ผมยังเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธ”
“โอ้ คุณขัดเกลากระดูกสองครั้ง?”
“ใช่ครับ”
ฟางผิงค่อนข้างท้อใจ นี่เป็นความแตกต่างระหว่างเมืองเล็กกับเมืองใหญ่งั้นเหรอ?
เมืองหยางเฉิงแทบไม่มีใครเลยที่รู้เรื่องขัดเกลากระดูกสองครั้ง
อย่างไรก็ตามพอมาเซี่ยงไฮ้ มันเหมือนกับทุกคนรู้เรื่องนี้
แน่นอน นี่เกี่ยวข้องกับคนที่ฟางผิงได้พบด้วย เฉินจือชวนและหญิงสาวมีหน้าที่ต้อนรับผู้ฝึกยุทธ เฉินเพิ่งชิงเป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ ส่วนหญิงกลางคนตรงหน้าก็เป็นพนักงานของมหาลัยวิชายุทธ
พวกเขารู้เรื่องขัดเกลากระดูกสองครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
มีนักศึกษามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงหลายคนที่ขัดเกลากระดูกสองครั้ง ไม่ต้องพูดถึงมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เลย
“สุดยอด!”
เมื่อเธอได้คําตอบยืนยันของฟางผิง หญิงกลางคนก็ชื่นชมเขาด้วยความจริงใจ
วันที่ 1 พฤษภาคม ปราณและเลือดเขาอยู่ที่ 149แคล
วันที่ 31 กรกฎาคม เขามีมากกว่า 180แคล!
เขาใช้เวลาแค่สามเดือนมาไกลถึงตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวหน้าแบบนี้หลังทะลวงผ่านขีดจํากัด
แน่นอน แม้ว่าบรรลุถึงขั้นนี้ตอนสามเดือนจะเป็นเรื่องยาก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะ
ฟางผิงไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เขาขัดเกลากระดูกครั้งที่สองสําเร็จตอนกลางเดือนมิถุนายน
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ปราณและเลือดของฟางผิงก็สูงถึง 189แคล
เวลาผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ฟางผิงย่อมไม่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม
ทรัพย์สิน : 2,800,000
ปราณและเลือด : 196แคล (199แคล)
จิตใจ : 197เฮิรซต์ (199เฮิรตซ์)
เมื่อเขามาถึง 189แคล ทรัพย์สินของฟางผิงมีถึง 3.2 ล้าน ต่อมาเขาก็ได้รับรางวัลเพิ่มอีกแสนหยวน ดังนั้นมันจึงเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้าน
ตอนนี้ปราณและเลือดเขาเพิ่มขึ้นมา 10แคล ส่วนจิตใจเขายังไม่เปลี่ยน มันก็ผลาญค่าทรัพย์สินของฟางผิงไปถึง 5 แสนแล้ว
เมื่อปราณและเลือดมาถึง 199แคล จิตใจ 199เฮิรตซ์ ฟางผิงก็ติดอยู่ตรงนี้มาสามสี่วัน ส่วนค่าจิตใจเขาไม่ได้เปลี่ยนมาตลอดทั้งเดือน
ขีดจํากัด 200แคลเขาได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่ามันเป็นความจริง
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาจะขัดเกลากระดูกครั้งที่สามได้ตอนปราณและเลือด 200แคล
หลังขัดเกลากระดูกสามครั้ง ฟางผิงตัดสินใจทะลวงขั้น
“ฉันสงสัยว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน คอขวดนี้ทะลวงยากไปหน่อย…”
ฟางผิงพึมพําในใจ จากค่าจิตใจที่ไม่ขยับมาตลอดทั้งเดือน ฟางผิงบอกได้ว่า 200 เป็นคอขวดที่ทะลวงได้ยากมาก
มีเตรียมผู้ฝึกยุทธน้อยมากที่ขัดเกลาสามครั้ง มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่มีแม้แต่คนเดียว เท่าที่หวังจินหยางรู้ มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น
นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่ามันยากแค่ไหน
หลังหญิงกลางคนพูดชม เธอก็ช่วยฟางผิงลงทะเบียนต่อและพูดไปพลางๆ นักศึกษาฟาง ถ้าคุณอยากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ คุณให้โรงแรมแจ้งมาทางมหาลัยได้เลย”
“แม้ว่ามหาลัยยังไม่เปิดภาคเรียน แต่เมื่อเตรียมผู้ฝึกยุทธขัดเกลากระดูกสองครั้งอยากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ ทางมหาลัยส่งอาจารย์มาดูแลคุณได้”
ความแข็งแกร่งเป็นตัวกําหนดสิทธิพิเศษ
ถ้าฟางผิงไม่ได้เป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธขัดเกลากระดูกสองครั้ง ถ้าเขามีปราณและเลือด150แคล และอยากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธตอนนี้ ทางมหาลัยอาจไม่เตรียมการอะไรให้เขาเลย
ท้ายที่สุดแล้วภาคเรียนก็ยังไม่ได้เริ่ม พวกเขาจําเป็นต้องยกเว้นให้และไปรบกวนอาจารย์ด้วยเหรอ? คนทั่วไปไม่คู่ควรที่ต้องเสียเวลาให้ขนาดนั้น
การทะลวงขั้นต้องพึ่งพาผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง อาจารย์เหล่านั้นไม่ได้เชิญตัวมาได้ง่ายๆ
เมื่อฟางผิงได้ยินว่ามีการเตรียมการแบบนั้นด้วย เขาก็กล่าวระคนประหลาดใจ ” ตอนนี้ก็ได้?”
“แน่นอน คุณขัดเกลากระดูกสองครั้งแล้ว แม้แต่ในบรรดานักเรียนทั้งหมด คุณก็ยังเป็นหัวกะทิ”
“นักศึกษามหาลัยวิชายุทธทั่วๆไปไม่ได้มีความสําคัญเท่ากับคุณ”
ตอนนี้เธอรู้ความสามารถของฟางผิงแล้ว หญิงกลางคนจึงกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม
เนื่องจากเขาขัดเกลากระดูกสองครั้งแล้ว เมื่อเขาทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ เขาจะทะลวงผ่านสามขั้นแรกได้อย่างง่ายดาย
นักศึกษาเช่นนี้มีค่าและเป็นที่รักของเหล่าอาจารย์
นักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธก่อนเกาเข่า อาจไม่ได้ขัดเกลากระดูกสองครั้งเสมอไป แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นขั้นหนึ่งแล้ว แต่มีโอกาสสูงที่ฟางผิงจะก้าวหน้าเหนือกว่าพวกเขาได้ในเวลาไม่นาน
หญิงกลางคนมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าฟางผิงเลือกทะลวงขั้นตอนนี้ จะมีอาจารย์มาช่วยเขาทะลวงขั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
“ถ้าเกิดผมอยากขัดเกลากระดูกสามครั้งล่ะ…”
ฟางผิงลองถาม หญิงกลางคนพูดอย่างประหลาดใจ “คุณอยากขัดเกลากระดูกสามครั้ง?”
ฟางผิงหัวเราะ “ผมอยากลอง”
” นักศึกษาฟาง ฉันไม่แนะนํา
หญิงกลางคนส่ายหน้า ขัดเกลากระดูกสามครั้งกินเวลานานเกินไป แถมมันยังยากมาก”
หลายปีมานี้ มีนักศึกษาน้อยกว่าห้าคนที่ขัดเกลากระดูกสามครั้งสําเร็จ”
” บางคนก็จบการศึกษาไปแล้ว ส่วนในมหาลัยมีเหลืออยู่คนเดียวคือเซี่ยเหล่ยปีสอง”
“นักศึกษาเซี่ยเหล่ยขัดเกลาสามครั้งสําเร็จ แต่ตอนนี้เขาอยู่ขั้นสองเท่านั้น เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนก็ไปถึงขั้นสามแล้ว”
“เซี่ยเหล่ย…”
ครั้งก่อนฟางผิงได้ยินเหล่าหวังพูดเรื่องนี้ เขาบอกว่ามีนักศึกษาขัดเกลาสามครั้งอยู่ที่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เช่นกัน
เนื่องจากหญิงกลางคนบอกว่ามีนักศึกษาขัดเกลากระดูกสามครั้งเหลืออยู่คนเดียว งั้นคนนั้นคงเป็นเซี่ยเหล่ยใช่ไหม?
เขาขัดเกลาสามครั้ง แต่เขายังอยู่ขั้นสอง ซึ่งหมายความว่าขั้นพลังเขาต่ํากว่าหวังจินหยางขั้นนึง
ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าหวังบอกว่าขัดเกลาสามครั้งไม่ควรฝืนทํา มันอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะมันกินเวลาเกินไป
หญิงกลางคนแนะนําเขา เพราะเธอไม่รู้ว่าฟางผิงอยู่ห่างจากขัดเกลากระดูกสามครั้งแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน เขาขอบคุณเธอและหยุดพูดถึงหัวข้อนี้
ไม่นาน การลงทะเบียนก็ลุล่วง
หญิงกลางคนยกโทรศัพท์ของสํานักงานบนโต๊ะขึ้นมาโทร
ไม่ถึงห้านาทีก็มีรถยนต์มาจอดอยู่หน้าทางเข้าตึกต้อนรับ
ชายวัยสามสิบที่สวมชุดสูทแม้อากาศจะร้อน เดินเข้ามาหาแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “พี่สาวจาง ผมมาแล้ว”
“ฉันเห็นแล้ว!”
หญิงกลางคนอารมณ์ไม่ดีแล้วหันมาทางฟางผิงทันที “เขาเป็นผู้จัดการโรงแรมของโรงแรมโม่ตู เขาจะพาคุณไปเอง”
จากนั้นเขาก็หันไปมองชายคนนั้นแล้วพูด “หลี่เฉิงเจ๋อ นี่คือนักศึกษาฟางผิง เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง มหาลัยยังไม่ได้จัดเตรียมหอพัก ดังนั้นเขาจะไปอยู่กับพวกนายก่อน”
“เอ้อ นักศึกษาฟางขัดเกลาสองครั้ง พาเขาไปอยู่ชั้นหก”
เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น แววตาของหลี่เฉิงเจ๋อก็เปล่งประกาย โรงแรมโม่ตรองรับผู้ปกครองของนักศึกษาเป็นหลัก
พูดอีกนัยนึ่ง ลูกค้าของพวกเขาจะเป็นผู้ปกครองของนักศึกษา แน่นอนว่ามีลูกค้าประจําอยู่บ้างเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักศึกษามหาลัยส่วนใหญ่มีหอพักเป็นของตนเอง จึงมีนักศึกษาน้อยมากที่พักอยู่โรงแรมโม่ตู
นั่นรวมถึงนักศึกษาปีหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะมาถึงไม่เร็วเท่าฟางผิง
แม้ว่าโรงแรมโม่ตูจะเป็นของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ แต่ทางมหาลัยไม่ค่อยสนใจธุรกิจเล็กๆแบบนี้นัก คนอย่างหลี่เฉิงเจ๋อจึงไม่ค่อยเข้าถึงคนของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ และต่อให้เขาจะเข้าถึง ระยะเวลาที่สั้นมาก
ตอนนี้ฟางผิงมาก่อนกําหนดเป็นเดือน มันหมายความว่าฟางผิงจะอยู่กับพวกเขาเป็นเดือน ถูกไหม?
หลี่เฉิงเจ๋อไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ ถึงตอนนี้ฟางผิงจะรู้สึกว่าผู้ฝึกยุทธจะไม่ค่อยมีค่านัก แต่นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนในวงการต่างหาก
สําหรับคนนอกแล้ว ผู้ฝึกยุทธยังอยู่เหนือพวกเขาอย่างยิ่ง
การได้รับใช้ผู้ฝึกยุทธ…ไม่สิ เขายังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ แต่การได้รับใช้เตรียมผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้งสําคัญยิ่งกว่าการได้รับใช้ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งเสียอีก
ปกติแล้วชั้นหกจะถูกสงวนไว้หรือมีไว้ให้ผู้ฝึกยุทธที่แท้จริง
หลี่เฉิงเจ๋อไม่จําเป็นต้องได้คําแนะนํากับหญิงกลางคนเพิ่ม เขาหยิบกระเป๋าเดินทางของฟางผิงด้วยตัวเองทันทีและพูดอย่างสุภาพ “คุณฟาง ขอบคุณที่เข้าพักโรงแรมโม่ดู ถ้าคุณต้องการอะไร โปรดแจ้งให้ผมทราบได้ทุกเมื่อ
ฟางผิงไม่คุ้นกับการประจบ เขาเอากระเป๋าเดินทางกลับมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม ผู้จัดการหลี่ คุณไม่ต้องสุภาพหรอก ผมต่างหากที่ต้องรบกวน”
” คุณป้า ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร เรากําลังจัดเตรียมหอพัก ฉันจะลองหาหอพักดีๆให้…”
หญิงกลางคนกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ แต่ในคําพูดมีความหมายแฝงอยู่
ถ้าเธอแทรกแซงการจัดสรรหอพักให้ หมายความว่าเธอมีเส้นสายในการดําเนินงานของมหาลัยอยู่บ้าง
แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ พนักงานและบุคลากรของมหาลัยย่อมมีเส้นสายกับทางมหาลัย
พวกเขาอาจเป็นสมาชิกครอบครัวของผู้มีอํานาจ เป็นสามีภรรยาของอาจารย์ หรือแม้แต่เป็นสมาชิกครอบครัวของนักศึกษา
ฟางผิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้นานนัก เขาขอบคุณเธออย่างสุภาพก่อนจะออกไปจากอาคารพร้อมกับหลี่เฉิงเจ๋อ
ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางผิงก็มาถึงโรงแรมโม่ตู
เมื่อเขาเห็นโรงแรมที่ภายนอกดูเรียบง่ายแต่ข้างในหรูหรา ฟางผิงก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโรงแรมให้ผู้ปกครองของนักศึกษาเข้าพักฟรี!
พวกเขารวยมาก!
นั่นเป็นประโยคเดียวที่อยู่ในใจเขาครึ่งค่อนวัน
ฟางผิงอยู่ที่นี่ได้ฟรี กินฟรี ใช้บริการรถลีมูซีนฟรี
ฟางผิงเริ่มสงสัยด้วยซ้ําว่าถ้าเขาต้องการผู้หญิง มันจะฟรีด้วยไหม?
เมื่อเห็นว่าหลี่เฉิงเจอกระตือรือร้นแค่ไหน ฟางผิงก็คิดว่ามันอาจเป็นไปได้
ไม่นานฟางผิงก็มาถึงห้อง ห้องใหญ่พอๆกับห้องเพรสซิเด้นสูทเลยทีเดียว
มียิม ห้องโถง ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน บาร์…
มีทุกอย่างที่เขาต้องการ!
“มันฟรีจริงหรือ?”
ฟางผิงถามคําถามน่าอาย
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถาม ห้องแบบนี้ในเซี่ยงไฮ้ มันต้องมีราคาอย่างน้อยสองถึงสามพันหยวนถูกไหม?
และนั่นก็เป็นการประเมิณแบบต่ําสุดอีกด้วย
การเข้าพักเดือนนึง เขาต้องเสียหกถึงเจ็ดหมื่น ต่อให้เขาจ่ายไหว เขาก็ไม่ควรผลาญเงินแบบนั้น ถ้าฟางหยวนรู้เข้า เธอคงบีบคอเขาตาย
สีหน้าของหลี่เฉิงเจ้อไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาพูดเป็นกันเอง “ฟรี! โรงแรมโม่ตูมีไว้บริการนักศึกษามหาลัยและผู้ปกครองอยู่แล้ว”
“คุณฟาง คุณขัดเกลาสองครั้งแล้ว ดังนั้นห้องของคุณจึงดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ห้องอื่นก็ไม่เลวเหมือนกัน…”
” ค่อยยังชั่ว ขอบคุณผู้จัดการหลี่ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยๆ”
ไม่จําเป็นต้องพูดมากเกินไป หลี่เฉิงเจ๋อพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มทันที ถ้าคุณต้องการอะไร ขอแค่คุณกดกริ่ง จะมีคนมาให้ความช่วยเหลือ”
“ผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกผมได้ทุกเมื่อ”
” ตกลง ขอบคุณ…”
เมื่อเขาส่งหลี่เฉิงเจ๋อออกไป ฟางผิงก็เดินมาที่ระเบียงแล้วพึมพํา ”อย่างนั้น ฉันเป็นวีไอพีแล้ว?”
เขายังไม่ได้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการด้วยซ้ํา แต่ฟางผิงก็รู้สึกถึงความแตกต่างแล้ว
สถานะนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ และผู้ที่ขัดเกลาสองครั้ง ทําให้เขาได้เห็นถึงโลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบในเมืองหยางเฉิง
เมืองหยางเฉิงมีผู้ฝึกยุทธน้อยเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ไกลจากคนธรรมดา
ทุกคนพูดถึงผู้ฝึกยุทธ แต่มีน้อยคนนักที่ได้พบกับผู้ฝึกยุทธ
เมื่อหันไปมองห้องที่กว้างใหญ่ ฟางผิงก็ยิ้มมุมปาก “เสียดายที่ฉันถ่ายรูปไม่ได้ ถ้าฉันส่งไปให้ ฟางหยวนดู เธอคงรีบมาหาทันที…”
มันเป็นเพราะทุกอย่างฟรี!
อาหารที่อยู่ฟรี เธอแค่เสียค่าเดินทางมานี่เท่านั้น
ถ้าฟางหยวนรู้เรื่อง เธอจะอยู่เฉยได้อีกเหรอ?
อย่างไรก็ตามฟางผิงยังมีเรื่องต้องทํา และถ้าเธอมา เขาคงเหนื่อย เขาไม่มีทางเลือกนอกจาก ต้องข่มกลั้นความอยากอวดเอาไว้ เอาไว้ครั้งหน้าละกัน!
ฟางผิงเอนกายบนโซฟา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมดปัญหาเรื่องอาหารที่อยู่แล้ว
ถัดไป เขามีสองเรื่องต้องจัดการ หนึ่งคือวิธีหาเงิน สองคือการขัดเกลาครั้งที่สาม
เขาอยากทําทั้งสองอย่างนี้ให้เสร็จก่อนเปิดเทอม จากนั้นเขาจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธเมื่อมหา ลัยเปิดเทอม