(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 296-297
(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ – ตอนที่ 296 เป็นแฟนฉัน / ตอนที่ 297 ไม่ปกติสักคน
ตอนที่ 296 เป็นแฟนฉัน
ไมเคิลพยักหน้า “โอเค มีเรื่องอะไรก็ติดต่อมาได้ตลอด” เขาพูดจบก็ส่งต่อของชิ้นหนึ่งให้ซือเหยี่ยน “สิ่งนี้นายเก็บไว้ ป้องกันทุกอย่างที่รบกวนข้างนอกได้”
“โอเค งั้นฉันขอตัวไปก่อนแล้ว”
ซือเหยี่ยนกลับออกทางเดิมผ่านประตูร้านไป เรียบง่ายเหมือนเข้ามาดื่มชายามบ่ายอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากกลับไปแก๊งมังกรครามแล้ว ก็เจอซูเตอร์ที่กลับมาจากข้างนอกพอดี
เมื่อซูเตอร์เห็นซือเหยี่ยน ก็เข้าไปทำตัวเกาะติดอีกฝ่ายทันที บาดแผลบนมือยังไม่หายดี มือคว้าซือเหยี่ยนไว้ ท่าทีใกล้ชิดสนิทสนม
ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “มือหายแล้วเหรอ”
ซือเหยี่ยนเห็นซือเหยี่ยนเป็นห่วงตัวเองก็ดีใจขึ้นมาทันที เขายิ้มทำหน้าทำตาน่าสงสารมองซือเหยี่ยน ยื่นมือมาไว้ต่อหน้าซือเหยี่ยน “ยังเจ็บมากอยู่เลย”
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองด้วยท่าทีเรียบเฉย “ในเมื่อแผลยังไม่หายดี ก็ระมัดระวังใส่ใจพักผ่อนเยอะๆ”
“เหยี่ยน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่นายเป็นห่วงฉันแบบนี้” เขามองซือเหยี่ยนด้วยท่าทีน่าสงสารชัดเจน
ซือเหยี่ยนถอนหายใจกุมขมับ “คนที่เป็นห่วงคุณมีออกตั้งเยอะ ยังจะขาดผมอีกคนที่ไหนกัน”
“ฉันไม่ต้องการความเป็นห่วงจากคนอื่น ฉันต้องการแค่จากนายคนเดียว” ความเอาแต่ใจของคุณชายน้อยซูเตอร์เผยให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย
ซือเหยี่ยนคว้ามือเขาไว้ “ในเมื่อกลับมาแล้ว จะได้ไปเยี่ยมดูพ่อคุณพอดีด้วย ได้ยินอาเรย์พูดว่าอาการคุณซูดีขึ้นแล้ว”
ซูเตอร์พลิกมือมาลากตัวเขาแทน “ได้สิ พวกเราไปเยี่ยมพ่อฉันด้วยกันเถอะ”
ซือเหยี่ยนดึงมือเขาออกอีกครั้ง “คุณไปเถอะ ผมไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอก”
ซูเตอร์จ้องมองเขา “นายไม่เหมาะสมตรงไหนเหรอ ฉันกลับรู้สึกว่านายเหมาะสมมากเลยนะ”
ซือเหยี่ยนปฏิเสธอีกครั้ง “อาเรย์กำลังรอคุณอยู่ฝั่งนั้น อย่าให้ท่านรอนานเลย”
ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนแวบหนึ่งด้วยความโกรธ “นี่นายไม่อยากไปด้วยกันกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไปกับคุณ” ซือเหยี่ยนอธิบายอย่างอดทนอดกลั้น “ถึงยังไงฐานะของผมก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี คุณอย่าบีบกันให้ลำบากใจเลย”
“งั้นนายก็เป็นแฟนฉัน ในฐานะนี้ถึงจะเหมาะสมได้แล้วใช่ไหม”
“เรื่องนี้ตอนนี้ผมยังไม่อยากพูด คุณเข้าไปก่อนเถอะ ผมขอตัวกลับไปก่อน” ซือเหยี่ยนพูดจบก็เดินจากซูเตอร์ไปทั้งอย่างนั้น ไม่ให้โอกาสซูเตอร์พูดอะไรอีก
ซูเตอร์กัดริมฝีปากมองตามแผ่นหลังของซือเหยี่ยนไป
เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนจะยังไม่ยอมตกลงปลงใจอีก ดูท่าว่าถ้าไม่กำจัดเจียงมู่เฉินแค่เพียงวันเดียว เขากับซือเหยี่ยนก็ไม่มีวันจะคืบหน้าไปไหนได้
ซูเตอร์คิดถึงกับดักที่ตัวเองวางไว้ แค่รอเจียงมู่เฉินมาเจอเขา ถึงตอนนั้นเขารับประกันว่าจะทำให้เจียงมู่เฉินอยากอยู่ก็อยู่ไม่ไหว อยากตายก็ตายไม่ได้
……
ฟู่เหยี่ยนอยู่เป็นเพื่อนเจียงมู่เฉินตกปลาทั้งบ่าย
เจียงมู่เฉินเอนพิงนอนหลับสบายอยู่บนเก้าอี้ เรียวขายาวไขว้กัน ทั่วทั้งร่างเผยความเอ้อระเหยลอยชายมาตั้งแต่เกิด
ฟู่เหยี่ยนเองก็ไม่รีบร้อน ปล่อยให้คันเบ็ดตกปลาวางไว้ด้านข้าง เขากอดอกพินิจมองเจียงมู่เฉิน
นัยน์ตาแฝงความใคร่ครวญ
เจียงมู่เฉินนอนหลับไปนานเท่าไหร่ ฟู่เหยี่ยนก็มองเขาอยู่ข้างๆ นานเท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เจียงมู่เฉินถึงได้ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมา ก็สบสายตาของฟู่เหยี่ยนพอดี
หัวใจเขาหดเกร็งแต่กลับแกล้งทำเป็นมองฟู่เหยี่ยนด้วยท่าทีเฉยเมย “อะไรกัน ไม่ตกปลา มามองฉันนอนอยู่ตรงนี้แทน”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “เดิมทีก็อยากจะตกปลา เพียงแต่ว่ากลับโดนคุณชายเจียงดึงดูดใจไปแล้ว”
ม่านตาสีอ่อนของเจียงมู่เฉินหรี่ลงเล็กน้อย นัยน์ตาดอกท้อเชิดขึ้นเพียงนิด “ถ้างั้น นี่นายโทษฉันเหรอ”
ตอนที่ 297 ไม่ปกติสักคน
“เปล่า โทษผมเอง” ฟู่เหยี่ยนเอ่ยขึ้นมาอย่างขำๆ
เจียงมู่เฉินมองเขา “จะว่ายังไง”
“โทษผมที่ต้านทานเสน่ห์ของคุณไม่ได้ ถูกเสน่ห์ของคุณยั่วยวนเข้าให้แล้ว”
เจียงมู่เฉินแทบจะกระอักเลือดออกมา นี่จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม ซังจิ่งก็คนหนึ่ง ฟู่เหยี่ยนก็คนหนึ่ง ทั้งสองคนนี้ไม่ปกติสักคน
‘มิน่าล่ะพวกเขาถึงเป็นเพื่อนกันได้’
ไม่มีอะไรแตกต่างสักอย่าง
เจียงมู่เฉินนั่งต่ออีกสักพัก ตกปลาไม่ได้สักตัว เขาสูญเสียความสนใจไปแล้วลุกยืนขึ้น “ไม่ตกปลาแล้ว”
ฟู่เหยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ รีบเอ่ยถาม “ทำไมจู่ๆ จะไม่ตกปลาแล้วล่ะ”
“ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ตกปลาไม่ได้สักตัว ยังมีอะไรน่าตกอีกเหรอ”
ฟู่เหยี่ยนเอาคันเบ็ดตกปลาในมือมาวางไว้ข้างหน้าตัวเอง ผ่านไปไม่กี่นาที คันเบ็ดก็สั่นกระตุกขึ้นมา
ฟู่เหยี่ยนดึงคันเบ็ดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ ในนั้นมีปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
เขายักคิ้วให้เจียงมู่เฉิน “ขอเพียงแต่คุณชายเจียงเต็มใจ ปลาตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด[1]”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองฟู่เหยี่ยนแวบหนึ่ง พินิจมองเบาๆ เขากลัวไม่ใช่อยากจะพูดว่าปลาตัวนี้ก็เป็นของเขาหรอกใช่ไหม
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ผู้ชายห่ามๆ หยาบๆ คนหนึ่ง มีอะไรน่าทำให้คนโหยหานักเหรอ
อีกอย่างคนมีเงินเยอะขนาดนี้อย่างฟู่เหยี่ยน อยากได้สาวสวยมาอยู่ในอ้อมกอด แค่กวักมือเรียกก็มีคนมาต่อแถวเป็นร้อยเป็นพันกันเป็นพรวนแล้ว
‘จะหมุนรอบมาถึงได้ที่ไหนกันล่ะ’
เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ อย่างหนักเอาเบาไม่สู้ “งั้นถ้าฉันไม่เต็มใจล่ะ”
สายตาฟู่เหยี่ยนเย็นยะเยือกเพียงนิด เขาจ้องมองเจียงมู่เฉินแล้วยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “ถ้าคุณไม่เต็มใจ งั้นก็ไม่เป็นไร”
เจียงมู่เฉินลองทดสอบหยั่งเชิงนิดหน่อย “ที่จริงฟู่เหยี่ยนนายเป็นคนเก่งออกขนาดนี้ คนชอบนายคงจะนับก็นับจนจำไม่ได้เลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ”
ฟู่เหยี่ยนเลิกคิ้ว “แล้ว?”
“นายมีทางเลือกมากมายขนาดนั้น ทำไมจะต้องเลือกฉันคนที่ธรรมดาไปในทุกด้านด้วย”
“ธรรมดาไปในทุกด้าน?” ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเบาๆ “คุณชายเจียงชอบดูถูกตัวเองขนาดนี้เชียวเหรอ”
เจียงมู่เฉินบันเทิงแล้ว “คิดไม่ถึงว่านายจะแตกฉานเรื่องสำบัดสำนวนมากเอาเรื่อง ใช้เป็นอยู่ไม่น้อยทีเดียว”
“ข้อดีของผมไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องนี้” คำพูดเขาแฝงความนัยน์
เจียงมู่เฉินจ้องมองเขาอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงเอ่ยถามอย่างคิดไม่ตก “นายว่ามา ตกลงแล้วนายติดใจอะไรฉัน ฉันเปลี่ยนยังไม่ได้เหรอ”
“ติดใจคุณ…” ฟู่เหยี่ยนบีบคางครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ตรงไหนก็ติดใจ ขอเพียงแต่เป็นคุณ ก็ชอบหมด”
เจียงมู่เฉินเอามือกุมหน้าผาก เขาจะถูกฟู่เหยี่ยนตีพ่ายแล้วจริงๆ เป็นแบบนี้ตลอด ยังไงก็คุยต่อไม่ได้อยู่แล้ว โอเคไหม
เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเกียจคร้าน “เอาล่ะ นายค่อยๆ ตกปลาไปเถอะ ฉันง่วงแล้ว จะกลับไปนอนแล้ว”
ฟู่เหยี่ยนเองก็ไม่ได้ขัดขวาง มองเจียงมู่เฉินค่อยๆ เดินห่างออกไปไกลอย่างช้าๆ แบบนี้ เขาจ้องมองแผ่นหลังของเจียงมู่เฉินแล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเงียบๆ ความอยากเอาชนะแฝงในแววตา
หลังจากเจียงมู่เฉินกลับห้องมา เขาเอนกายลงบนเตียง คิดทบทวนอย่างจริงจัง รู้สึกมาตลอดว่าตั้งแต่หลังจากที่ซือเหยี่ยนเลิกกับตัวเองแล้ว เรื่องราวมากมายก็ค่อยๆ หลุดออกจากวงจรไปอย่างช้าๆ
ราวกับมีคนอยู่ข้างหลังคอยชักจูงให้เดินมาทีละก้าวๆ จนถึงวันนี้
เรื่องทุกอย่างหลุดออกจากแผนเดิมไปหมดจนดึงก็ดึงไม่กลับมา
เจียงมู่เฉินครุ่นคิด เอาเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างในช่วงเวลานี้มาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ถ้าว่าจะจับให้ได้ว่าจุดไหนไม่ค่อยปกติกันแน่ ก็หาไม่เจอ
สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ในเมื่อก็เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้ว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นอกจากไปต่อ ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
เจียงมู่เฉินกุมหัว เขาปวดหัวนิดหน่อย
ฟ้าใกล้มืด ซังจิ่งถึงเพิ่งกลับมา เจียงมู่เฉินนั่งอาบแสงจันทร์อยู่ข้างนอกพอดี เขาเลิกคิ้วมองซังจิ่ง “ทำไมกัน ยุ่งขนาดนี้เชียวเหรอ”
[1] ปลาตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด มาที่มาจากสำนวน “เจียงไท่กงตกปลา ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด” เจียงไท่กง เป็นนักยุทธศาสตร์คนสำคัญของโจวเหวินหวังและโจวอู่หวัง ผู้นำในการก่อรัฐประหารเพื่อล้มล้างราชวงศ์ซาง และสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณสามพันกว่าปีที่แล้ว กล่าวกันว่า เขาเคยตกปลาที่ที่ริมแม่น้ำเว่ย หวังว่าจะได้พบพระเจ้าโจวเหวินหวัง ณ ที่แห่งนี้ เบ็ดตกปลาของเขาเป็นแบบเหยียดตรง ไม่มีเหยื่อล่อบนตะขอเบ็ด นอกจากนั้นเบ็ดยังอยู่ห่างจากผิวน้ำมากอีกด้วย เขาตกปลาไปพลาง พูดพลางว่า “รีบมาติดเบ็ดซะ ตัวไหนเต็มใจก็รีบมาติดเบ็ดซะ” มีอยู่วันหนึ่งพระเจ้าโจวเหวินหวังเสด็จมาพบเขา จึงได้ทรงเชิญให้ไปช่วยพระองค์ปกครองประเทศ ต่อมาผู้คนจึงได้ใช้สำนวนที่ว่า “เจียงไท่กงตกปลา ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด” มาเปรียบเทียบกับการยอมทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยความเต็มใจ