(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 304-305
(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ – ตอนที่ 304 ถูกกักขัง / ตอนที่ 305 เจียงมู่เฉินหายตัวไป
ตอนที่ 304 ถูกกักขัง
แต่ว่าเขายังประหลาดใจมากจริงๆ ในเมื่อซูเตอร์รีบร้อนลงไม้ลงมือกับเขาขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะซือเหยี่ยนแน่นอน
เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง นึกถึงท่าทีที่ซือเหยี่ยนมีต่อซูเตอร์ก่อนหน้านี้ขึ้นมา ทั้งยังครั้งก่อนท่าทางตื่นตระหนกแบบนั้นของซือเหยี่ยนในโรงพยาบาลอีก
สมองเขาประกายวาบ ราวกับมีสิ่งของอะไรพาดผ่านเข้ามา
“พวกนายเบามือกับคุณชายเจียงหน่อยนะ อย่าทำให้เขาเจ็บตัวเด็ดขาด” ซูเตอร์เอ่ยอย่างเสแสร้ง
หลายคนรับคำสั่งแล้วรีบเข้าประชิดตัวเจียงมู่เฉินทันที
นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้ของเจียงมู่เฉินพินิจมองพวกเขาเหล่านั้นอย่างจริงจัง ถึงเขาจะสามารถใช้ศิลปะป้องกันตัวเป็นอยู่บ้าง แต่ต้องมาต่อสู้กับคนหลายคน แผนจะชนะสักนิดก็ไม่มี
อีกอย่าง เขามีข้อสงสัยนิดหน่อยขึ้นมาพอดี อยากจะไปแก๊งมังกรครามสืบสวนหาความจริง
“เดี๋ยวก่อน” เจียงมู่เฉินเอ่ยขึ้น
ซูเตอร์มองเขา “คุณชายเจียงอยากจะพูดอะไรอีก”
“ฉันก็แค่อยากถาม คุณซูเตรียมจะจัดการฉันตรงนี้ทีเดียว หรือต้องการตีฉันจนสลบแล้วพาตัวไป”
ซูเตอร์หรี่ตาลง “คุณชายเจียงคิดว่าไงล่ะ”
“สถานที่ที่นายกับฉันนัดเจอกัน เป็นย่านการค้าใจกลางเมือง ถ้าฆ่าคนที่นี่ ต้องจัดการเรื่องศพได้ไม่ดีอยู่แล้ว ฉันคิดๆ ดู เจตนาเดิมของคุณซูคงจะอยากเชิญฉันไปดื่มน้ำชาที่แก๊งมังกรครามใช่ไหมล่ะ”
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายเจียงจะฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้ทีเดียว”
เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ขอบใจสำหรับคำชม ถ้าเชิญฉันไปดื่มชา พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ต้องลงมือลงแรงแล้ว ฉันคนนี้เป็นคนที่รู้กาลเทศะโดยเฉพาะ ฉันเป็นฝ่ายเดินไปกับนายเองก็ได้แล้ว”
ซูเตอร์จ้องมองเขา ราวกับจะมองดูว่าเจียงมู่เฉินมีอุบายอะไรแอบแฝงหรือเปล่า หรือว่าคิดจะไปกับเขาจริงๆ
“นายยอมจริงๆ เหรอ”
“ยอมหรือไม่ยอมไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันอยู่แล้วไง” เจียงมู่เฉินยิ้มเย็น “ชัดจากมากเลยว่าวันนี้ฉันมีแค่สองทาง…หนึ่งคือถูกพวกนายตีจนสลบ สองคือว่าง่ายเดินไปกับพวกนายเอง” เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ถึงยังไงก็ต้องไปกับพวกนายอยู่ดี งั้นฉันเป็นฝ่ายไปเองไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เจ็บเนื้อเจ็บตัวน้อยลงไง”
ซูเตอร์มองบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง “ในเมื่อคุณชายเจียงพูดแบบนี้แล้ว ยังไม่รีบไปเชิญคุณชายเจียงไปที่แก๊งมังกรครามอีก”
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ด้านหลังพยักหน้ารับ เดินเข้าไปก้าวใหญ่ ยื่นมือหยิบเชือกไปมัดเจียงมู่เฉิน ทั้งยังเอาผ้าปิดตาเจียงมู่เฉินไว้
“คุณชายน้อย มัดเรียบร้อยแล้วครับ”
“พาตัวกลับไป” ซูเตอร์เอ่ยสั่ง
พวกเขายัดตัวเจียงมู่เฉินเข้าไปในรถจากทางประตูด้านข้างและขับรถกลับไปยังแก๊งมังกรคราม
ประมาณหนึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินถูกคนพาลงรถ เขาถูกปิดตา มองอะไรก็ไม่ชัด ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพียงรู้สึกว่าถูกคนพาเดินไปข้างหน้าไม่กี่นาที หลังจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา สุดท้ายลงบันไดไป
ประสาทรับรู้โดยฉับไวของเจียงมู่เฉินรู้สึกได้ถึง ว่าตัวเองควรจะอยู่ในห้องชั้นใต้ดินอะไรพวกนี้
ในเมื่อซูเตอร์กล้าพาตัวเองมาถึงที่แก๊งมังกรครามแล้ว เป็นธรรมดาที่จะเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ดูท่าว่าแบบนี้ ซือเหยี่ยนก็ควรจะไม่รู้เรื่องที่เขาถูกพาตัวมาที่แก๊งมังกรครามแล้ว
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว ดูท่าว่าเข้ามาแล้ว เขายังต้องคิดหาทางเอาตัวรอดเองด้วย
ถ้าไม่อย่างนั้นตามความโหดร้ายป่าเถื่อนของซูเตอร์ เกรงว่าจะไม่รู้เลยว่าจะลงมืออะไรกับเขา
“ถึงแล้ว เข้าไป” มีเสียงผู้ชายใหญ่และหยาบเสียงหนึ่ง ต่อมาเจียงมู่เฉินก็โดนผลักเข้าไป
เงียบไปหนึ่งนาที ถึงมีคนเดินเข้ามา ยื่นมือไปเปิดผ้าปิดตาบนหน้าเขาออก
“นายอยู่เงียบๆ ที่นี่ คุณชายน้อยจัดการธุระเสร็จแล้ว จะมาหานายเอง”
คนที่พูดอยู่นี้ก็คือคนคนนั้นที่มัดเขาไว้ เขาพูดจบก็เดินออกไป ยังไม่ลืมจะล็อกประตูด้วย
หลังจากคนคนนั้นเดินไป เจียงมู่เฉินพิจารณาสังเกตด้านข้าง พื้นที่ประมาณสิบกว่าตารางเมตร ห้องมืดมาก เหลือเพียงแค่หน้าต่างเล็กๆ เท่าฝ่ามือ
ตอนที่ 305 เจียงมู่เฉินหายตัวไป
เจียงมู่เฉินอยากหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าซูเตอร์จะยังมองเขาเป็นหนามยอกอกจริงๆ
ตอนคบกับซือเหยี่ยนก็มาแย่งโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้เลิกกับซือเหยี่ยนแล้ว ยังมาระบายความแค้นกับเขา
เป็นอย่างที่คิดไว้ คุณชายแห่งแก๊งมังกรคราม ไม่ควรมีเรื่องด้วยเลยจริงๆ
เพียงแต่น่าเสียดาย เขาเจียงมู่เฉินเองก็ไม่ใช่คนที่ถูกตีให้ล้มได้ง่ายๆ ขนาดนั้น
หลังจากถูกขังก็ไม่มีใครเข้ามาอีก นอกจากถึงเวลามีคนมาส่งข้าวแล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามาที่ห้องเล็กๆ นี้อีก
ไม่มีใครมาหาเรื่องเขาก็สงบเงียบดี
เจียงมู่เฉินนั่งชันเข่าขึ้นอยู่ด้านข้าง เอ้อระเหยสบายอารมณ์
หลังจากซูเตอร์ขังเจียงมู่เฉินไว้เรียบร้อยแล้วก็ไปหาซือเหยี่ยน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจียงมู่เฉินอยู่ในกำมือของเขาแล้วหรือเปล่า ซูเตอร์ถึงได้มองซือเหยี่ยนด้วยความเบิกบานใจกว่าวันปกติ
ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่งด้วยความแปลกใจ “อะไรกัน หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ”
ซูเตอร์ยิ้มหัวเราะตาหยี “ไม่มี”
“งั้นคุณมองผมแบบนี้ทำไม”
“วันนี้อารมณ์ดีไง อยากมองนายเยอะๆ หน่อย”
ซือเหยี่ยนมองเขาปราดเดียว ไม่พูดจา
ทุกวันซูเตอร์คนนี้ก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เขาเองก็คร้านจะพูดอะไร ถึงอย่างไรซูเตอร์ควรจะทำอะไรก็ทำไป อย่ามารบกวนเขาก็พอแล้ว
“เหยี่ยน คืนนี้ออกไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ฉันรู้จักร้านเปิดใหม่รสชาติใช้ได้มากๆ เลย ไปลองชิมด้วยกันเถอะนะ”
ซือเหยี่ยนก้มลงมองเอกสารในมือ “ไม่ได้หรอก ผมยังมีงานอีกเยอะมาก คุณไปเองเถอะ”
ซูเตอร์มองเขาราวกับถูกทอดทิ้ง “แต่ฉันอยากให้นายไปด้วยกันกับฉันนี่”
ซือเหยี่ยนปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ผมไม่มีเวลาออกไป ถ้าคุณอยากไปก็ไปเองเลย”
ซูเตอร์ถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ไปแล้ว ไม่มีนาย กินอะไรก็ไม่ต่าง”
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบเดียว หยิบเอกสารในมือขึ้นมา “ยังมีธุระอย่างอื่นอีกไหม ถ้าไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว ก็ออกไปก่อนเถอะ”
ซูเตอร์มองเขาด้วยความโกรธเคือง “นี่นายไม่อยากเห็นฉันขนาดนี้เชียวเหรอ”
ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงกดต่ำในลำคอ “ซูเตอร์ นี่คุณกำลังขัดจังหวะการทำงานของผมอยู่นะ”
“นายกำลังช่วยฉันทำงาน ฉันให้นายไม่ทำงาน นายไม่ทำงานก็ได้” ซูเตอร์เอ่ยอย่างเอาแต่ใจ
ซือเหยี่ยนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง
เห็นท่าทีว่าจนแล้วจนรอดต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนเขาอยู่ดีก็วางปากกาลงแล้วลุกยืนขึ้นทันที “ได้ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
ซูเตอร์เห็นแบบนี้แล้ว ถึงได้ยิ้มหัวเราะขึ้นมา
เขาเดินเข้าไปอยากจะควงแขนของซือเหยี่ยนกลับถูกซือเหยี่ยนปฏิเสธอย่างระงับอารมณ์
ซือเหยี่ยนเดินก้าวใหญ่ไปข้างหน้า “ในเมื่อต้องการจะไปกินข้าว ก็รีบไปกันเถอะ กลับมาผมยังมีงานต่อ”
ซูเตอร์ขบกรามอย่างไม่ยินดี เมื่อไหร่ซือเหยี่ยนถึงจะเลิกเย็นชากับเขาแบบนี้สักที
ถ้าเขาดีกับตัวเองให้ได้สักครึ่งหนึ่งที่ทำกับเจียงมู่เฉิน ตนก็ไม่ถึงขนาดต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ซือเหยี่ยนมาขนาดนี้หรอก
เขากำมือแน่น เดินตามอีกฝ่ายไป
ถึงอย่างไรเจียงมู่เฉินก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว ถ้าเขาไม่มีความสุข เจียงมู่เฉินก็ต้องรับกรรมไปด้วย
ไม่ช้าก็เร็วสักวัน เขาจะทำให้เจียงมู่เฉินเสียใจที่เกิดมาในชาตินี้
……
ตอนค่ำเวลาสองทุ่มแล้ว เจียงมู่เฉินก็ยังไม่กลับมา ซังจิ่งรู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่
ตามหลักการแล้ว ถ้าเจียงมู่เฉินไม่กลับมา ต้องบอกเขาแน่นอน
แต่จนถึงตอนนี้เจียงมู่เฉินไม่โทรมาแม้แต่สายเดียว
เขาชักจะเป็นห่วงบ้างแล้ว ยกมือถือขึ้นมาโทรหาเจียงมู่เฉิน เพียงแต่ว่าหลังจากกดโทรออกไป ปลายสายก็อยู่ในสถานะปิดเครื่อง
ซังจิ่งขมวดคิ้ว หรือว่าเจียงมู่เฉินจะมีเรื่องสำคัญอะไรที่บอกเขาไม่ได้
รออีกไม่กี่ชั่วโมง เจียงมู่เฉินก็ยังไม่กลับมา
มือถือยังคงอยู่ในสถานะปิดเครื่อง
ซังจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ให้คนไปสืบร่องรอยของเจียงมู่เฉิน