(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 338-339
(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ – ตอนที่ 338 สมองมีแต่ขี้เลื่อย / ตอนที่ 339 ตกปลาชมดอกไม้
ตอนที่ 338 สมองมีแต่ขี้เลื่อย
คงจะเป็นของคนในปราสาท ไม่รู้ว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แม้แต่วันหมดอายุก็ไม่อ่านสักนิด เจียงมู่เฉินเปิดฝาถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออก แล้วเทน้ำร้อนใส่ลงไป
กลิ่นหอมโชยออกมา เจียงมู่เฉินคอขยับ อดจะกลืนน้ำลายไม่ได้
ฟู่เหยี่ยนเองก็ได้กลิ่นหอม เดินตามหากลิ่นเข้ามา
เขาน้ำลายไหลมองดูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของเจียงมู่เฉิน
พอเจียงมู่เฉินเห็นท่าทางเขาแบบนั้น ก็รีบเอาหลบด้านหลัง “นายอย่าริอาจหมายปองบะหมี่ของฉันนะ”
ฟู่เหยี่ยนจ้องมองเขาด้วยท่าทางดูน่าสงสาร เดิมเจียงมู่เฉินไม่อยากจะสนใจเขา แต่เห็นท่าทางที่เขามองตัวเอง ก็ชักจะห้ามใจไม่ค่อยได้แล้ว
เขามองฟู่เหยี่ยนทีหนึ่ง แล้วมามองบะหมี่ของตัวเองอีกทีหนึ่ง ลังเลใจอยู่สักพัก ถึงเอ่ย “แบ่งนายสองคำ โอเคอยู่ใช่ไหม”
ฟู่เหยี่ยนรีบพยักหน้า แบ่งสองคำก่อน รอจนกินหมด ค่อยหาที่เขาต้องการก็ได้แล้วนี่
ถึงอย่างไรขอคำแรกได้ ที่เหลือต่อไปก็ไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว
เจียงมู่เฉินหาถ้วยจากด้านข้าง ตักให้ฟู่เหยี่ยนไปสองช้อนใหญ่ๆ แล้วยังเทน้ต้มบะหมี่ให้เขาอีกนิด
“โอเค เยอะแล้ว”
เขามองฟู่เหยี่ยนอย่างหวาดระแวง กลัวฟู่เหยี่ยนจะเล็งบะหมี่ของเขากะทันหัน
ฟู่เหยี่ยนรู้สึกว่าท่าทางป้องกันสุดฤทธิ์สุดเดชแบบนี้ของเจียงมู่เฉิน จะไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่ เขาดูมีเจตนาเป็นตัวโกงชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ
เจียงมู่เฉินทำหน้าเตรียมป้องกันยกบะหมี่ของตัวเองมาถึงที่โซฟา นั่งขัดสมาธิกินบะหมี่อยู่ตรงนั้น
เส้นบะหมี่สองช้อนในถ้วยของฟู่เหยี่ยนที่น่าสงสาร เพียงแป๊บเดียวก็กินหมดแล้ว
เขาทำหน้าทำตาน่าสงสารมองเจียงมู่เฉิน ท่าทางต้องการอยากจะกิน
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาปราดเดียว หันหน้าหนีคร้านจะมองเขา
ฟู่เหยี่ยนเห็นว่าแกล้งทำตัวน่าสงสารไม่มีประโยชน์อะไร ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองวางแผนพลาด ควรจะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาสักหลายๆ ลังถึงจะถูกต้อง
เจียงมู่เฉินจัดการบะหมี่อย่างรวดเร็วเสร็จสรรพ ก็ทิ้งถ้วยลงถังขยะ ยืดเอวอย่างสบายตัว
‘กินอิ่มแล้วสบายจริงๆ’
เขาส่งสายตาให้ฟู่เหยี่ยนที่อยู่ข้างๆ แล้วเดินผ่านข้างกายเขาด้วยท่าทีนิ่งเฉยขึ้นชั้นบนไป
จนกระทั่งหลังจากเจียงมู่เฉินเดินไปไกลแล้ว จู่ๆ ฟู่เหยี่ยนก็หยิบมือถือออกมา “ช่วยฉัน ส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาสิบลังที”
เขาพูดจบก็กดสายทิ้งทันที และก็ไม่สนว่าพ่อบ้านที่ถือสายอยู่จะงุนงงหรือเปล่า
ฟู่เหยี่ยนวางสายแล้ว ก็ขบคิดถึงความรู้สึกที่ได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเมื่อครู่นี้ไปอย่างเงียบๆ
ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่รู้ ว่าที่แท้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะอร่อยได้ขนาดนี้
……
เช้าวันต่อมา เจียงมู่เฉินลงมาชั้นล่าง ก็เห็นหน้าทางเข้าห้องครัวมีลังบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสิบลังตั้งอยู่ ขมับกระตุกแล้วกระตุกอีก
ฟู่เหยี่ยนมองเขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เอ่ยอย่างลนลาน “มาสิ พวกเรามากินบะหมี่กันเถอะ”
เจียงมู่เฉิน “…”
‘เจ้าหมอนี่สมองไม่ได้มีแต่ขี้เลื่อยจริงๆ ใช่ไหม’
เจียงมู่เฉินคิดว่าเวลาปกติฟู่เหยี่ยนดูหน้าตาเป็นจอมวางแผน เชื่อว่าเขาฉลาดหลักแหลมมากเหลือล้น ใครจะรู้ว่าบางเวลา จะซื่อบื้อจนกลายเป็นเช่นนี้ได้
“ใครจะกินบะหมี่กับนาย นายอยากกินก็กินเองสิ”
ฟู่เหยี่ยนทำหน้าไม่รู้เรื่อง เมื่อวานยังอยากกินอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่ผ่านคืนเดียวก็ไม่อยากกินแล้วล่ะ
เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปในห้องครัว ดึงเปิดตู้เย็นดูว่ามีอย่างอื่นกินหรือเปล่า ปรากฏว่าเมื่อเปิดก็เจอความว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง
เจียงมู่เฉินไปต่อไม่เป็นแล้ว รู้สึกว่าจะคุกเข่าให้ฟู่เหยี่ยนแล้วจริงๆ
‘เจ้าหมอนี่ให้คนมาส่งของ ก็ส่งมาแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริงๆ อะไรอย่างอื่นไม่มีมาเลย’
เจียงมู่เฉินพิงตู้เย็นมองฟู่เหยี่ยนอย่างเงียบๆ เอ่ยถามเน้นคำต่อคำ “ในสมองนายไม่ได้ขาดอะไรไปจริงๆ ใช่ไหม”
ฟู่เหยี่ยนทำหน้างุนงง นี่เขาถูกเจียงมู่เฉินเหยียดหยามกันเหรอ
“พี่ใหญ่ กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากเกินไป จะส่งผลต่อระบบย่อยและดูดซึมอาหารได้นะ”
ฟู่เหยี่ยนลูบจมูกปอยๆ “จริงเหรอ”
เจียงมู่เฉินมองบนใส่เขาเงียบๆ ไม่ค่อยอยากจะสนใจเขาเท่าไหร่นัก
คนคนนี้นี่จริงๆ เลย เขาโกรธจนปวดหัวไปหมด
เจียงมู่เฉินฉีกลังออกเงียบๆ หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จออกมาหนึ่งถ้วย เดินอ้อมไปต้มบะหมี่ ไม่สนใจฟู่เหยี่ยน
ฟู่เหยี่ยนทำหน้าทำตาน่าสงสารมองหลังตามเจียงมู่เฉินไป เห็นเขาต้มบะหมี่ก็เอ่ยถามอย่างน้อยใจ “แล้วผมล่ะ”
เจียงมู่เฉินมองเขาแล้ว ยิ้มเยาะ “อะไรกัน อยากกินเหรอ”
ฟู่เหยี่ยนพยักหน้าเงียบๆ
เจียงมู่เฉินมองบนใส่ เอ่ยอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด “อยากกินก็ต้มเองสิ!”
ตอนที่ 339 ตกปลาชมดอกไม้
ฟู่เหยี่ยนถูกเขาโจมตีด้วยคำพูดขนาดนี้ ก็มึนงงไป
เขาทำหน้าทำตาดูน่าสงสารมองเจียงมู่เฉิน “คุณไม่คิดจะต้มบะหมี่ให้ผมสักถ้วยหน่อยเหรอ”
เจียงมู่เฉินส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่คิด”
ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ไม่เหลือพื้นที่ใดให้ฟู่เหยี่ยน
ฟู่เหยี่ยนโดนปฏิเสธแบบนี้ ก็ลูบจมูกปอยๆ อย่างซื่อๆ ตัวเองหยิบถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาเดินเข้าห้องครัวไปอย่างว่าง่าย
คุณชายใหญ่ฟู่จะเคยต้มบะหมี่กินเองเมื่อไหร่กัน
เขามองดูถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยสีหน้าจำใจและจนปัญญา
สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงส่งสายมาหาเจียงมู่เฉิน “อันนี้ต้องต้มยังไงเหรอ”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง หัวเราะเสียงเย็น “นายดูแล้วทำเอาเองเถอะ”
เขาพูดจบก็หอบเอาถ้วยบะหมี่ของตัวเองเผ่นแน่บไปแล้ว ทิ้งฟู่เหยี่ยนให้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวไปต่อไม่เป็นอยู่ในห้องครัว
เห็นว่าเจียงมู่เฉินไม่คิดจะช่วยเขาจริงๆ ฟู่เหยี่ยนจึงจำใจต้องพึ่งลำแข้งตัวเอง เขามองดูถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเล็กๆ หัวก็ชักจะชาๆ
ฟู่เหยี่ยนนึกถึงท่าทางการกระทำของเจียงมู่เฉินเมื่อครู่นี้ เขาไม่เชื่อหรอก ว่าตัวเองจะอับจนหนทางกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเล็กๆ ถ้วยเดียวได้
ฟู่เหยี่ยนรีบฉีกฝาเทน้ำร้อนทำอย่างลวกๆ ไปที หลังจากทำเสร็จทุกอย่าง ก็หอบเอาถ้วยบะหมี่ของตัวเองออกไปยังห้องรับแขก
เจียงมู่เฉินกำลังนั่งขัดสมาธิกินบะหมี่อยู่ตรงนั้น เขาเห็นฟู่เหยี่ยนหอบบะหมี่ออกมา กวาดสายตามองแวบหนึ่ง แล้วก็กินของตัวเองอย่างจริงจังไป
คิดๆ ดูก็คิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยตระกูลเจียงจะตกต่ำถึงขั้นที่ทำได้เพียงพึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประทังชีวิต
เจียงมู่เฉินกินไปด้วย ถอนหายใจไปด้วย
เขากวาดสายตามองผ่านบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสิลลัง ในใจก็หดหู่
‘นี่ฟู่เหยี่ยนคงจะไม่พาเขามาเพื่อทรมานโดยการให้เขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันหรอกใช่ไหม’
เขาถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ โครงสร้างสมองของคนคนนี้ไม่ค่อยเหมือนคนปกติจริงๆ
ไม่สามารถอิงความคิดของขอวคนทั่วไปไปทำความเข้าใจเขาได้
ฟู่เหยี่ยมกุมถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ทั้งไม่สุกทั้งไม่มีกลิ่น น่าอนาถใจ
ทั้งที่เป็นบะหมี่เหมือนกันแท้ๆ ทำไมในมือของเขากับของเจียงมู่เฉินเมื่อวานถึงไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่
คุณชายใหญ่อย่างฟู่เหยี่ยนจะมากล้ำกลืนฝืนทนถึงขั้นยอมลดเกียรติมากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบนี้เมื่อไหร่กัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงมู่เฉิน เกรงว่าตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางจะมีวันนี้ได้
ฟู่เหยี่ยนกัดเข้าไปคำหนึ่ง กินไม่ได้กลืนไม่ลงจริงๆ จึงปิดฝาถ้วยแล้วทิ้งลงขยะไปอย่างขยะแขยง
เจียงมู่เฉินเห็นเหตุการณ์ก็ไม่พูดอะไร มองเขาอยู่อย่างนี้
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขา จะสนใจไปใย
เจียงมู่เฉินกินอย่างเอ้อระเหยจนเสร็จ ก็เอาถ้วยบะหมี่ทิ้งลงถังขยะ แล้วหยิบคันเบ็ดตกปลาไปที่เดิมเพื่อตกปลาต่อ
ฟู่เหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินเดินไปแล้ว ก็รีบเดินตามในทันที
เจียงมู่เฉินเองก็ไม่สนใจ ปล่อยให้เขาตามมา
ถึงอย่างไรเกาะเล็กๆ เกาะนี้ก็เป็นของฟู่เหยี่ยน เขาอยากจะไปไหนก็ไปที่นั่น
เจียงมู่เฉินนั่งบนเก้าอี้นอน วางคันเบ็ดขึ้นบนที่วางคันเบ็ด หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เขาถึงได้เอนพิงด้วยท่าทางขี้เกียจๆ อยู่ข้างๆ
ครั้งนี้ฟู่เหยี่ยนไม่ได้เอาคันเบ็ดลง แต่นั่งอยู่ข้างๆ มองดูเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินอยู่ที่นี่มาหลายวัน ชินกับการเพ่งมองจับตาดูของฟู่เหยี่ยนไปแล้ว ก็คร้านจะพูดกับเขา
ปล่อยเขาไปเลยตามเลยแล้ว
เจียงมู่เฉินหรี่ตาลงเอนพิงอยู่ตรงนั้น ผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็เอ่ยอย่างเอื่อยเฉื่อย “ตกลงว่านายเตรียมจะให้ฉันอยู่อีกนานแค่ไหน”
เขาคิดว่าฟู่เหยี่ยนทำเรื่องราวใหญ่โตพาตัวเขามาอยู่ที่นี่ ต้องมีเรื่องอะไรสำคัญสักอย่าง ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรสักอย่างเลย
ให้เขาตกปลาอยู่ที่นี่ทั้งวัน
เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หว่างคิ้ว ปวดหัวนิดหน่อย
ฟู่เหยี่ยนได้ยินเจียงมู่เฉินถามเช่นนี้ นัยน์ตาประกายเล็กน้อย “อะไรกัน ไม่อยากอยู่ที่นี่ขนาดนี้เชียว”
เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “พี่ชาย นายเสียแรงลำบากพาฉันมาถึงเกาะนี้ จะให้ฉันตกปลาชมดอกไม้ทั้งวันเหรอ”
เขาไม่เคยมีประการณ์ชีวิตการถูกลักพาตัวแบบนี้มาก่อน
อีกอย่าง การลักพาตัวก็ควรจะเหมือนที่ซูเตอร์ทำแบบนั้นไม่ใช่หรือไง