(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 416-417
ตอนที่ 416 สิบปีของซือเหยี่ยน
ในห้องเงียบสงัดลงไปเพียงชั่วพริบตาเดียว เงียบจนเข็มตกก็ได้ยินได้อย่างชัดเจน
ซือเหยี่ยนเองก็ไม่รีบร้อน คุกเข่าอยู่ที่เดิมรอให้พวกเขาทำความเข้าใจกันอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเหวินฮุ่ยก็ยืนขึ้นมา เธอมองซือเหยี่ยนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น พร้อมเอ่ยเสียงต่ำ “ยังมีอะไรอีก ลูกพูดมาทีเดียวให้หมดเถอะ”
“พ่อแม่ของเจียงมู่เฉินรู้เรื่องหมดแล้วครับ แต่ว่าน้าเจียงต่อต้านเรื่องที่พวกเราคบกันมาก…
…พ่อครับ แม่ครับ ผมชอบเฉินเฉินมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เจอกันที่อเมริกาตอนอายุยี่สิบปี อายุยี่สิบสองปีผมกับเขาได้คบกัน อายุยี่สิบสี่ปีผมกับเขาต้องแยกจากกัน อายุยี่สิบเก้าปีถึงได้กลับมาคบกันใหม่อีกครั้ง…
…ผมใกล้จะสามสิบแล้ว ยี่สิบปีก่อนผมไม่รู้ว่าต้องการอะไร สิบปีให้หลังผมชอบเฉินเฉินมาโดยตลอด ทั้งชีวิตนี้ผมไม่สามารถจะพบเจอกับเจียงมู่เฉินคนที่สองได้อีก…
…ดังนั้น ผมอยากจะขอร้องพ่อกับแม่ด้วยความตั้งใจจริง ให้ผมได้คบกับเขา”
ซือเหยี่ยนตั้งแต่เล็กจนโตมา เขาเย่อหยิ่งทะนงตัวยิ่งกว่าใคร เหวินฮุ่ยยังจำได้ตอนยังเด็กๆ มีครั้งหนึ่งซือเหยี่ยนทำสุนัขที่เขารักหายไป
เขาตามหาอยู่ข้างนอกทั้งคืน แต่ก็ยังคงหาไม่เจอเหมือนเดิม
ตอนนั้นซือเหยี่ยนอายุเพียงไม่กี่ขวบ ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย เพียงว่าหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยจะเลี้ยงสุนัขตัวไหนอีก
เพราะว่าสำหรับซือเหยี่ยนแล้ว ต่อให้มีสุนัขอีกสักกี่ตัว ก็ไม่ใช่ตัวนั้นในใจของเขาทั้งสิ้น
ก็เหมือนกับเจียงมู่เฉินในตอนนี้ ถ้าซือเหยี่ยนคบกับเจียงมู่เฉินไม่ได้ ทั้งชีวิตนี้เขาก็จะไม่ตามหาใครคนไหนอีก
เหวินฮุ่ยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ถ้าวันนี้พวกเขาคัดค้าน ต้องการให้ซือเหยี่ยนเลิกกับเฉินเฉิน ซือเหยี่ยนก็จะทำตามที่พูดเมื่อครู่นี้จริงๆ ทั้งชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน จะไม่มีคนรัก
เหวินฮุ่ยรู้จักนิสัยของซือเหยี่ยนดีเกินไป แวบแรกจึงไม่รู้จริงๆ ว่าจะเอ่ยอย่างไรออกมาดี
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นครั้งแรกที่ลูกชายของเธอยอมคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาเพื่อคนคนเดียว เพื่อจะหวังให้พวกเขายอมรับคนรักของเขาให้ได้
หลายปีมานี้ ซือเหยี่ยนก็ขอร้องแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว พวกเขาจะไม่ยอมตกลงรับปากได้อย่างไรกัน
ตั้งแต่เล็กจนโตซือเหยี่ยนไม่เคยทำให้พวกเขาเป็นทุกข์ใจเลยสักนิด ตั้งแต่รู้ความตัวเองก็เริ่มดูแลตัวเองได้ ฉลาดมีความสมารถ สมบูรณ์แบบไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
แม้แต่ตอนนั้นที่กลับมารับช่วงต่อบริษัทโดยไม่บอกกล่าวก็เหมือนกัน ตอนนั้นเขาเพิ่งจะเรียนจบได้ไม่นาน แต่กลับกัดฟันรับบริษัทมาต่อจากในมือของพ่อเขา
ตอนนั้นเธอยังรู้สึกแปลกๆ ทำไมจู่ๆ ซือเหยี่ยนถึงเลือกกลับมารับช่วงต่อบริษัทได้
ตอนนี้มาคิดดู คงจะเป็นเพราะเจียงมู่เฉินสินะ เวลานั้นเจียงมู่เฉินประสบอุบัติเหตุถูกส่งตัวกลับมา
ดังนั้น เพราะมีเจียงมู่เฉินอยู่ ซือเหยี่ยนถึงได้กลับมาอยู่ที่ถานโจวต่อโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ลูกชายของตัวเองทำอะไรมากมายถึงขั้นนี้เพื่อเจียงมู่เฉินได้ เกรงว่าต่อให้มีสักวันที่ให้ซือเหยี่ยนเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเฉินเฉิน ซือเหยี่ยนก็จะไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วลงมือทำทันที
จะพูดให้ถูก เฉินเฉินก็คือชีวิตของซือเหยี่ยน
พวกเขาเป็นพ่อแม่จะพรากชีวิตของลูกไปได้อย่างไร
เหวินฮุ่ยส่งมือไปดึงตัวซือเหยี่ยนให้ลุกยืนขึ้น “เอาเถอะ เรื่องพ่อแม่ของเฉินเฉินส่งให้แม่โอเคไหม แม่จะช่วยลูกจัดการพวกเขาเอง”
ในที่สุดซือเหยี่ยนก็เผยรอยยิ้มแรกในคืนนี้ออกมา ราวกับเด็กที่ตามหาของรักที่ทำหายไปนานแล้วเจอ
เหวินฮุ่ยเห็นท่าทีแบบนี้ของซือเหยี่ยน ความหนักอึ้งในใจก็ค่อยๆ สลายหายไป ในเมื่อเป็นคนที่ซือเหยี่ยนชอบ จะเป็นผู้ชายหรือว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง
จะยังมีอะไรเทียบกับความสุขของลูกชายตัวเองได้
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงมู่เฉินก็เป็นคนที่พวกเขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะดูไม่จริงจังไม่แคร์โลก แต่หัวใจกลับมีความดีงามกว่าใครคนไหน
พวกเขาสองคนคบกัน แล้วจะไม่ยอมรับได้อย่างไร
“พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับ”
คุณพ่อซือเอื้อมมือไปตบบ่าของซือเหยี่ยน “พ่อสนับสนุนลูกนะ ไม่ต้องกลัว”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ รู้สึกว่าหนทางข้างหน้าของเขากับเจียงมู่เฉินในที่สุดก็โล่งขึ้นบ้างแล้ว บางทีอาจจะใช้เวลาไม่นาน เขาก็จะจูงมือคุณชายน้อยเจียงเจ้าคนซื่อบื้อที่ทั้งเย่อหยิ่งและอวดดีกลับบ้านไปได้
บอกพวกเขาได้อย่างผึ่งผายและเปิดเผยว่า ‘นั่นคือคนรักที่เขาซือเหยี่ยนชอบมาเป็นสิบปีแล้ว’
ตอนที่ 417 ฉันไม่อยากตาย
“ไป๋จิ่ง นี่คือของขวัญที่ฉันจะให้นาย นายชอบไหม” หลินฝานยืนอยู่ต่อหน้าไป๋จิ่ง ในมือประคับประคองของขวัญในมือด้วยความระมัดระวัง
ไป๋จิ่งกวาดสายตามองไปส่งๆ เดินแฉลบผ่านหลินฝานออกไป “ไม่ชอบ เอาทิ้งเลย”
หลินฝานถูกน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้ของเขาทิ่มแทง รู้สึกแค่เพียงหัวใจที่หดเกร็งบีบคั้น ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดทีละนิด
เขาเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย “นายยังไม่ได้ดูเลยนะ ดูสักหน่อยได้ไหม”
ไป๋จิ่งทำอะไรไม่ได้ถูกเขาตื้อไม่เลิก เปิดดูแวบหนึ่งแบบขอไปที ข้างในเป็นซานตาคลอสตัวหนึ่ง
ความสับสนฉายสะท้อนในแววตาของไป๋จิ่ง ดันมือของหลินฝานกลับไป “ไม่ชอบ เอาทิ้งเลย”
หลินฝานยังไม่ตัดใจ ส่งกลับไปให้ไป๋จิ่งอีก
ไป๋จิ่งมองหลินฝานด้วยความรำคาญ เอามือปัดกล่องในมือเขาตกลงไป “พอได้แล้ว ผมยังยุ่งมาก ไม่มีเวลามาเล่นเกมเป็นเด็กๆ กับคุณที่นี่หรอก”
กล่องของขวัญตกลงพื้น หุ่นซานตาคลอสที่ประณีตงดงามร่วงหล่นมากระแทกพื้นจนแตกกระจาย แต่เหมือนไป๋จิ่งกลับมองไม่เห็น หันหลังเดินออกไป
หลินฝานยืนอยู่ที่เดิม ตะลึงงันมองดูซานตาคลอสบนพื้นอย่างโง่ๆ ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอยู่นานสองนาน
เวลาผ่านไปนาน หลังจากไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของไป๋จิ่ง เหมือนหลินฝานเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
เขานั่งยองๆ ลงกับพื้น เก็บหุ่นซานตาคลอสที่ถูกเหวี่ยงลงพื้นแตกกระจายขึ้นมา เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น รู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวในดวงตา
หลินฝานยกมือข้างที่ยังว่างอยู่ มาเช็ดมาสัมผัสน้ำตาที่เย็นเฉียบอยู่ไม่น้อย
เขายิ้มหัวเราะด้วยความรู้สึกไม่เป็นไร เช็ดน้ำตาบนใบหน้าจนเกลี้ยง ในเมื่อไป๋จิ่งไม่ชอบอันนี้ เขาค่อยไปซื้ออย่างอื่นให้ไป๋จิ่งก็ได้
ต้องมีสักชิ้นที่เขาจะชอบได้
หลินฝานฝืนใจยิ้มหัวเราะ เพียงแต่น่าเสียดาย เขาแอบให้คนสลักตัวอักษรบนหน้าอกของซานตาคลอส
เดิมเขาคิดว่าไป๋จิ่งมีวันเกิดในวันคริสต์มาส ดังนั้นเขาจึงสั่งทำหุ่นซานคาคลอสตัวหนึ่ง จะได้อยู่เคียงข้างเขาแทนตัวเอง
ถึงอย่างไรไป๋จิ่งก็ไม่ชอบเขา ไม่มีทางจะให้เขาอยู่ข้างกายไป๋จิ่งได้ตลอดไป
แต่น่าเสียดาย เขาไม่นึกเลยว่าซานตาคลอสตัวนี้ ไป๋จิ่งเองก็ไม่ต้องการ
……
“คุณครับ ตื่นครับ”
จู่ๆ เสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาอยู่ข้างหู ดึงมั่วไป๋ออกมาจากการหลับฝัน เขาลืมตาขึ้นมองดู เวลานี้ถึงได้พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถ
“ถึงแล้วครับ คุณ”
มั่วไป๋พยักหน้า จ่ายเงินลงจากรถไป
รถมาจอดที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มั่วไป๋ยืนอยู่หน้าประตูโรงพยาบาลแทบจะไม่ลังเลเดินตรงเข้าไป
ก่อนที่เขาจะกลับอเมริกามา วันนี้นัดมาตรวจอาการอีกครั้งพอดี
ตอนที่อยู่ถานโจว อาการป่วยของเขานับวันยิ่งสาหัสขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา
มั่วไป๋เดินผ่านประตูโรงพยาบาลเข้าไปยังโถงรับรอง แล้วขึ้นไปชั้นสี่ด้วยความคุ้นเคย เดินมุ่งหน้าเข้าใกล้ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก
เขายืนอยู่หน้าประตูเคาะประตูสักหน่อย
เสียงข้างในดังขึ้นมา “เชิญครับ”
มั่วไป๋ยื่นมือผลักเปิดประตูเข้าไป คนข้างในเหมือนจะรู้สึกแปลกใจมากๆ อย่างไรอย่างนั้น มองมั่วไป๋อยู่ตั้งนานก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง
มั่วไป๋ไม่ได้พูดอะไร เดินเข้าไปพร้อมปิดประตูห้องเสร็จสรรพ
“ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว?”
เหยียนอวี้ผู้สวมเสื้อกาวน์สีขาวตัวใหญ่นั่งไม่ติดแล้ว ลุกยืนขึ้นต่อหน้ามั่วไป๋ ไม่พูดเสียงดัง เหมือนว่าถ้าไม่ระวังจะทำให้มั่วไป๋ตกใจได้
มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ “นายพูดเองไม่ใช่หรือไง ว่าถ้ายังไม่กลับมาอีกจะเกินเยียวยาแล้ว”
เหยียนอวี้ยกมือขึ้นมาจับแว่นกรอบสีทองกดต่ำลง “คิดไม่ถึงว่านายจะเชื่อฟังคำพูดของฉันได้”
มั่วไป๋เดินเข้าไปหยุดอยู่ต่อหน้าเหยียนอวี้ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ฉันยังไม่อยากตาย ก็ต้องมารักษาตัวเป็นธรรมดา”
“นายวางใจ ไม่ว่าต้องทำยังไง ฉันก็จะรักษานายให้ได้”
มั่วไป๋ยิ้มนิ่งๆ “งั้นก็ขอบใจนายนะ”
เหยียนอวี้พามั่วไป๋ไปทำการตรวจแบบครบวงจร หลังจากได้ผลรายงานรายละเอียดแล้ว เหยียนอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่