(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 482-483
ตอนที่ 482 แม่งประทับใจฉิบหาย
ซือเหยี่ยนชะงักงันทันที เวลานี้ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
เมื่อหลายปีก่อน พวกเขาเพิ่งจะมาอยู่โรงเรียนฝึกตำรวจได้ราวๆ ครึ่งปี ทั้งสองคนออกไปเดินเล่นข้างนอก ก็เห็นมีคนกำลังขอแต่งงานกันพอดี
ตอนนั้นเจียงมู่เฉินพูดว่า “รอวันหน้าฉันมีคนที่ชอบแล้ว ฉันจะใส่ชุดสีขาวหิมะเหมือนเขาคนนั้น หอบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดใส มีทั้งขาวทั้งแดง ต้องทำให้เธอประหลาดใจแน่ๆ”
ซือเหยี่ยนได้ยินคำพูดครั้งนี้ของเขา มุมปากก็อดจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้
‘เจ้าหมอนี่แน่ใจนะว่าจะขอคนรักแต่งงาน ไม่ใช่ขอคู่อริแต่งงาน’
แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากหลายปีผ่านไป ซือเหยี่ยนกลับใส่ชุดสีขาวหิมะที่เจียงมู่เฉินเคยพูดไว้ทั้งยังหอบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดใสแบบนั้นมาด้วย…
‘อืม…’ ซือเหยี่ยนแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้คิดจะทำให้เจียงมู่เฉินตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนขนาดนี้
‘ถึงยังไงเจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเมื่อไหร่ก็ได้’
“เราสองคนจะแต่งงานกันแล้ว ของคุณก็เหมือนของผมไม่ใช่เหรอ”
เจียงมู่เฉินขบกราม ‘แม่งเอ๊ย ซือเหยี่ยนพูดมาขนาดนี้ เขายังหาจุดผิดอะไรไม่เจอเลย’
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “ดังนั้นคุณอยากจะรับคำขอแต่งงานของผมไหม”
มุมปากเจียงมู่เฉินกระตุกแล้วกระตุกอีก รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ขอแต่งงานได้เหมือนเล่นละครมากพอแล้ว ไม่มีใจจะไปด้วยเลยสักนิด
‘คงจะไม่ใช่ว่าเห็นเขาพูดว่าอยากขออีกครั้ง ก็เลยทำแบบขอไปทีให้เขาหรอกใช่ไหม’
เจียงมู่เฉินยื่นมือไปหยิบดอกไม้จากในมือซือเหยี่ยนมา แล้วโยนลงข้างตัวซือเหยี่ยน “รับคำกับน้องสาวนายสิ”
โยนทิ้งเสร็จก็เดินหนีไปทันที
ข้อมือเขาถูกรั้งไว้กะทันหัน ซือเหยี่ยนกำมือเจียงมู่เฉินแน่น “เฉินเฉิน ผมรอวันนี้มานานแล้วนะ”
เจียงมู่เฉินถูกซือเหยี่ยนร้องเรียกขนาดนี้ เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดในดวงตา แม่งรู้สึกประทับใจฉิบหายยังไงชอบกล
เขาอดจะด่าตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จักโตสักที เขาทนไม่ไหวอยากหันกลับไปมองซือเหยี่ยน
เจียงมู่เฉินหันหน้ากลับไปช้าๆ ก็เห็นผู้คนที่รายรอบเมื่อครู่นี้หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เขากับซือเหยี่ยนสองคน
จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้น ยืดหลังตรงจดจ้องมองมาที่เจียงมู่เฉิน
“ทั้งโลกรู้ ผมซือเหยี่ยนเป็นแฟนของเจียงมู่เฉิน ถ้าเวลานี้ คุณเทผม ผมต้องเสียหน้ามากเป็นพิเศษแน่ๆ”
เขาทำหน้าทำตาน่าสงสารมองเจียงมู่เฉิน “เขาทำใจเห็นผมเสียหน้าไม่ลงแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ”
เจียงมู่เฉินขบกรามแล้วขบกรามอีก สุดท้ายก็ยังไม่ได้พูดอะไร
เวลานี้เองซือเหยี่ยนถึงได้เข้าเรื่องหลักเสียที “เจ็ดปีก่อนผมก็อยากลักพาตัวคุณมาแต่งงานกับผมที่นี่ คิดไม่ถึงว่าต้องใช้เวลาหลายปีขนาดนี้ถึงลักพาตัวมาสำเร็จได้…
…เจียงมู่เฉิน ผมซือเหยี่ยนทั้งชีวิตนี้ชอบคุณแค่คนเดียว อดีต ปัจจุบัน อนาคต ต้องเป็นคุณเท่านั้น”
เขายิ้มหัวเราะเบาๆ ดวงตาสีดำขลับเปล่งประกาย ราวกับว่าจะดึงดูดเจียงมู่เฉินเข้าทีละนิดๆ อย่างไรอย่างนั้น
เขายื่นมือไปหยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ข้างในเป็นแหวนคู่ที่เรียบง่ายมาก
“ดังนั้นคุณอยากจะแต่งงานกับผมไหม”
……
ทันใดนั้นแสงไฟด้านหลังทั้งหมดก็สว่างขึ้นมา พ่อแม่ของเขา ยังมีพ่อแม่ของซือเหยี่ยน แล้วก็ไป่จิ่งทุกคนยืนอยู่ข้างๆ
เจียงมู่เฉินตะลึงงัน ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยถาม “นายเรียกพวกเขามาเมื่อไหร่กัน”
ไป๋จิ่งเห็นเขาถามแบบนี้ ขมับก็กระตุกขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ “เจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนยังคุกเข่าอยู่นะ คำถามที่นายถามหลุดประเด็นไปหน่อยไหม”
เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ในใจเขาประทับใจจนไม่ไหวแล้ว แต่กลับยังมองซือเหยี่ยนด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง
“ในเมื่อนายพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันคิดดูแล้ว ยอมตกลงกับนายครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ ลุกยืนขึ้นมาสวมแหวนให้เจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินมองดูแหวนอีกวงหนึ่งที่เหลือ ไม่รู้ว่าทำไมนิ้วมือถึงได้สั่นเทาขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยคิดวางแผนจะแลกของเป็นพิธีอะไรแบบนี้มาก่อน
ตอนที่ 483 เพื่อนเจ้าบ่าวเก็บไว้ให้นาย
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนาทีนี้ ในใจเขาเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกตราตรึงใจจนไร้หนทางจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เขากำมือแน่นอย่างอดไม่ได้ สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแหวนที่อยู่ข้างๆ มาสวมให้ซือเหยี่ยนอย่างช้าๆ
มือของคนสองคนที่สวมแหวนแบบเดียวกันประสานเข้าด้วยกันอย่างแนบสนิท
สว่างเป็นประกายจางๆ อยู่ภายใต้แสงไฟ
คุณแม่เจียงกับเหวินฮุ่ยยืนอยู่ข้างหลังของทั้งสองคน เมื่อได้เห็นฉากนี้ ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
คุณพ่อเจียงและคุณพ่อซือเห็นภรรยาของตัวเองอยู่ในอาการแบบนี้ ต่างก็พากันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นี่ขนาดเป็นเพียงแค่การขอแต่งงานเท่านั้นเอง รอพรุ่งนี้แต่งงานกันจริงๆ เกรงว่าจะร้องไห้เป็นสายน้ำไปแล้ว
ไป๋จิ่งอิจฉาอยู่ในใจ พอนึกถึงเรื่องของตัวเองกับมั่วไป๋ ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
มือถือที่เจียงมู่เฉินใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมากะทันหัน เขาหยิบออกมาดู ก็เห็นเป็นวิดีโอที่มั่วไป๋ส่งมา
เจียงมู่เฉินกดเปิดดูก็เห็นเพียงมั่วไป๋นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เขาไม่ได้ใส่ชุดคนไข้ เหมือนกับว่าตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเพื่อถ่ายวิดีโอนี้
เพียงแต่ว่าสีหน้ายังค่อนข้างซีดเซียว
“เจียงมู่เฉิน เรื่องที่นายจะแต่งงานกับซือเหยี่ยน ฉันรู้เรื่องแล้วนะ ยินดีกับพวกนายด้วย ในที่สุดสมดั่งใจปรารถนาได้สักที…
…อีกสองวันฉันมีผ่าตัดเคสเล็กๆ เหยียนอวี้ไม่ให้ฉันออกไป ฉันเลยทำได้แค่ถ่ายวิดีโอส่งให้นาย…
…ที่จริงฉันแอบหนีออกไปสองครั้ง ก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าหมอนั่นถึงได้ตามจับฉันกลับมาได้ตลอดเลย”
เขายิ้มหัวเราะกระซิบประโยคหนึ่ง แต่กลับเอ่ยต่ออีก “แต่ว่าต่อให้ฉันไม่ไปดู ตำแหน่งเพื่อนเจ้าบ่าวของนายเก็บไว้ให้ฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะ ถ้านายให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของนาย ฉันกับนายเราขาดกัน”
“มั่วไป๋ ได้เวลาพอสมควรแล้วนะ” จู่ๆ ก็มีเสียงจากด้านข้างดังขึ้นมา
“รู้แล้ว รู้แล้ว ฉันเพิ่งจะพูดไปได้แค่สามประโยคเอง นายอย่าเอาแต่จ้องฉันไม่วางตาขนาดนี้จะได้ไหม”
ในวิดีโอมั่วไปเอียงหน้า เหมือนจะมองไปทางประตูอย่างไรอย่างนั้น
เขาพูดจบอย่างรวดเร็วมาก แล้วก็หันหน้ากลับมาอีก “เหยียนอวี้ไม่ให้ฉันพูดแล้ว พวกนายแต่งงานกันดีๆ ล่ะ รอฉันออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ฉันจะกลับไปหานายนะ”
วิดีโอเล่นมาถึงตรงนี้ก็จบพอดี เจียงมู่เฉินมองดูมั่วไป๋ในวิดีโอ พลางยกยิ้มมุมปากขึ้น แสดงสีหน้ายอมจำนนให้อีกฝ่าย
เขารีบพิมพ์ข้อความตอบกลับมั่วไป๋
[รู้แล้ว เพื่อนเจ้าบ่าวเก็บไว้ให้นาย]
……
ตอนค่ำพวกเขากลับมาที่โรงแรม เจียงมู่เฉินเอนตัวนอนอยู่บนขาของซือเหยี่ยน เขายังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “นี่ตกลงว่านายเรียกตัวพวกเขามาเมื่อไหร่กัน”
ซือเหยี่ยนไม่พูด
เจียงมู่เฉินตะเกียกตะกายขึ้นมาจากขาของเขาในทันใด “นายอย่าบอกฉันนะว่าตอนที่นายลักพาตัวฉันมา ก็บอกพวกเขาแล้ว”
ซือเหยี่ยนโดนพูดความในใจออกมา เขาก็ลูบปลายจมูกด้วยความเคอะเขิน
พอเจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนเป็นแบบนั้น เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองทายใจเจ้าหมอนี่ถูกจนได้ จึงถอนหายใจเงียบๆ “นายแม่งเมื่อไหร่จะเลิกเล่นแง่กับฉันสักที”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตอบกลับด้วยความจริงใจเป็นพิเศษ “ไม่รู้สิ”
‘ถึงยังไงเล่นแง่กับเจียงมู่เฉินสนุกออกขนาดนี้ ถ้าไม่เล่นแง่ใส่สักหน่อย ไม่ค่อยดีเท่าไหร่’
เจียงมู่เฉินถูกเขาทำให้โกรธจนหัวหมุน ตัวเองกลับลงไปนอนบนขาของซือเหยี่ยนอีกครั้ง มองดูแหวนในมืออย่างจริงจัง เวลานี้ถอนหมั้นจะทันไหม
หาแฟนโรคจิตขนาดนี้ ตอนนั้นที่เขาสารภาพรักกับซือเหยี่ยน ดวงตาต้องพร่ามัวอยู่แน่ๆ
เจียงมู่เฉินทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ถ้ารู้แต่แรกจะส่งสินค้าคืนไปนานแล้ว มีหรือจะเหมือนตอนนี้ ลงเรือโจรมานานขนาดนี้ อยากหนีก็หนีไม่ไหวแล้ว
ซือเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ อ่านหนังสือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงยังไงเฉินเฉินของเขาก็ถูกเขาจับขังไว้มาตั้งแต่แรกแล้ว หนีก็หนีไม่ไหวหรอก
‘อีกอย่างเจียงมู่เฉินวางของหมั้นไว้แล้ว ยังคิดจะหนีอีกเหรอ’
ถึงอย่างไรคนทั้งประเทศก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน อยากจะกลับลำก็กลับไม่ไหวแล้ว
มีหรือที่เจียงมู่เฉินจะรู้ว่าซือเหยี่ยนเพิ่งจะมาเล่นแง่กับเขาเสียที่ไหนกัน นับตั้งแต่ซือเหยี่ยนเริ่มตกหลุมรักเจียงมู่เฉิน เขาก็ค่อยๆ วางหมากล่อดึงดูดให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขาทีละนิดๆ
‘ถึงยังไงผู้ชายที่ประธานซือหมายตา อยากหนีก็หนีไม่ไหวหรอก’