(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 494-495
ตอนที่ 494 สั่นระริก
หลินฝานมองดูมือถือที่ถูกตัดสายไป ในใจก็ดีใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าไป๋จิ่งมีท่าทีเป็นอย่างไร ได้กินข้าวด้วยกัน เขาก็มีความสุขมากแล้ว
เขารีบออกจากโรงพยาบาล ระหว่างที่เดินไป แม้แต่เสียงฝีเท้าก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาก
อีกฝั่งหนึ่ง ไป๋จิ่งที่กดตัดสายไปมองมือถืออย่างไม่สบอารมณ์ สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
‘ช่างเถอะ รับปากไปแล้ว เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว…
…อีกอย่าง ก็แค่กินข้าวกันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก’
หลังจากเตรียมตัวทำใจเรียบร้อยเสร็จสรรพ ไป๋จิ่งถึงได้กลับมาสู่โหมดทำงานต่อ
……
เป็นเวลาช่วงเที่ยงพอดี หลินฝานออกมาจากโรงพยาบาล หาร้านอาหารจานด่วนกินสักหน่อย
หลินฝานมองดูเวลา ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกเยอะ จึงเรียกรถกลับคอนโดมิเนียมของไป๋จิ่งไป
หลังจากถึงเขตที่พักอาศัยแล้ว หลินฝานไม่ได้รีบเข้าไปทันที แต่หันกลับไปตลาดที่อยู่ข้างๆ แทน
ในใจคิดถึงเรื่องที่คืนนี้ไป๋จิ่งจะกลับมากินข้าว จึงอยากทำอาหารที่เขาชอบกิน หลินฝานเดินเข้าตลาดไป ก็มุ่งหน้าตรงไปยังส่วนที่ขายผักสด
เขาเข็นรถมองไปรอบๆ ซื้อผักที่ไป๋จิ่งชอบมาจำนวนไม่น้อย ทั้งยังซื้อซี่โครงหมูและปลาไนมาด้วย
เขาคิดจะทำซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดงกับซุปปลาไนให้ไป๋จิ่ง
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเพิ่งจะย้ายมาอยู่กับไป๋จิ่ง มีครั้งหนึ่งเขาเคยทำเมนูนี้ให้ไป๋จิ่ง ไป๋จิ่งยังเคยบอกว่าอร่อยอีกด้วย
เพียงแต่ว่าหลังจากครั้งนั้น ไป๋จิ่งก็ไม่เคยกินข้าวด้วยกันกับเขาอีกเลย
ดังนั้นพอคิดถึงว่าคืนนี้ไป๋จิ่งอยากจะกินข้าวด้วยกันกับเขา ในใจหลินฝานก็ฉายสะท้อนความดีอกดีใจ
เขาคนเดียวเข็นรถอย่างไม่เร็วไม่ช้า ซื้อทั้งผักสดและเนื้อสัตว์มาจำนวนมาก พร้อมทั้งซื้อผลไม้มาด้วย ถึงเพิ่งได้กลับไปยังคอนโดมิเนียม
ในคอนโดมิเนียมเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด แม้แต่ของที่จัดวางอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักชิ้น
คิดดูแล้วมีความเป็นไปได้สูงมากที่เมื่อคืนนี้ไป๋จิ่งจะไม่ได้กลับมา
นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าไป๋จิ่งไม่ได้เป็นคนพาตัวเขาไปส่งโรงพยาบาล
หลินฝานรู้ความจริงข้อนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นมาอีก ก็ยังรู้สึกเศร้าใจอยู่ไม่น้อย
ยามที่เขาป่วยเป็นไข้ กลับไม่รู้ว่าไป๋จิ่งอยู่ที่ไหน
หลินฝานอดจะคิดไม่ได้ ว่าเวลานั้นไป๋จิ่งอยู่ที่ไหน แล้วอยู่ข้างกายใคร…
เขาหลับตาลง ทำให้ตัวเองไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านแล้ว
หลินฝานกวาดสายตามองห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถือของมาวางไว้ในห้องครัว
จากนั้นก็จัดเข้าตู้เย็น พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เวลายังห่างจากเวลาที่ไป๋จิ่งกลับมาบ้านอีกนาน เขาเดินไปถึงหน้าโซฟา ทิ้งตัวลงนอนหลับไปพักหนึ่ง
ตามประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ปกติไป๋จิ่งมักจะกลับมาเวลาประมาณสองสามทุ่ม
ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำอาหารเวลาหนึ่งทุ่มตลอด
ตอนนี้เวลาอยู่แค่บ่ายสองโมงครึ่ง ห่างจากเวลาหนึ่งทุ่มอีกประมาณสี่ชั่วโมงครึ่ง
หลินฝานเอนพิงโซฟา เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
……
เวลาหกโมงเย็น ไป๋จิ่งเปิดประตูห้องคอนโดมิเนียมเข้ามา ข้างในเงียบสงบ ไม่มีกลิ่นที่คุ้นเคยเลยสักนิด
ไป๋จิ่งชะงักงันไป ในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์เมื่อวานลอยขึ้นมา
เขารีบปิดประตู เตรียมจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องของหลินฝาน แต่กลับเห็นหลินฝานนอนบนโซฟาพอดี
อุณหภูมิร่างกายเขาลดลงแล้ว สีหน้าฟื้นกลับคืนมาขาวนวลผ่องดังเช่นในวันปกติอีกครั้ง
ไป๋จิ่งจ้องมองเขา คิดแล้วก็เตรียมจะเดินเข้าไปเอาเสื้อสูทในมือห่มเขา
เขาเดินทีละก้าวๆ เข้าไปหยุดอยู่ต่อหน้าหลินฝาน เพิ่งจะก้มตัวลงเตรียมจะลงมือเอาเสื้อสูทมาห่มให้เขา จู่ๆ หลินฝานก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นมา
แพรขนตายาวของเขาสั่นระริก เหมือนจะอยากลืมตาขึ้นมา
ไป๋จิ่งที่เดิมจะห่มให้ก็พลิกมือในทันใด เก็บมือเข้ามา แล้วกลับคืนไปอยู่ในท่าทีเย็นชาเหมือนเดิม
หลินฝานกะพริบตาปริบๆ ตื่นขึ้นมาจากความง่วงนอนแล้ว
เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของไป๋จิ่งพอดี หลินฝานตะลึงงัน เหมือนจะยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาอดจะหลับตาลงสักพัก แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ไป๋จิ่งเห็นท่าทีตอบสนองของเขา เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น “จะกินข้าวกันไม่ใช่เหรอ”
ตอนที่ 495 คนเช่าบ้านธรรมดา
เวลานี้เองหลินฝานถึงเพิ่งได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ไป๋จิ่งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาคือไป๋จิ่งตัวจริง
เขารีบลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอ่ยอย่างร้อนรน “ขอ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่านายจะกลับมาเร็วขนาดนี้”
เขารีบร้อนเข้าห้องครัวไป ขณะที่เดิน ก็ไม่ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยไปด้วยว่า “นายรอฉันแป๊บหนึ่ง ฉันจะรีบทำ”
ไป๋จิ่งมองตามแผ่นหลังของเขาที่อยู่ในสภาวะกระวนกระวาย แล้วถอนหายใจเงียบๆ
เขาหันหลังเดินเข้าห้องนอนไป
หลินฝานยุ่งอยู่ในห้องครัว ส่วนไป๋จิ่งกลับมาห้อง เขาก็เข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆ อยู่บ้าน
เขาอาบน้ำเสร็จ ท้องฟ้านอกหน้าต่างก็มืดลงแล้ว ไป๋จิ่งยื่นมือไปเปิดประตูห้องนอนออกมา ก็ได้ยินเสียงดังจากในห้องครัว
ยังได้กลิ่นหอมจางๆ อีกด้วย
มือไป๋จิ่งที่เปิดประตูหยุดชะงักไป เขารู้สึกขึ้นมากะทันหัน ว่าการมีคนอยู่ที่บ้านด้วยก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
เขาคิดว่าหลินฝานคงจะยังต้องการเวลาอีกพอสมควร จึงเข้าห้องหนังสือไป วันนี้เขากลับมาเร็ว แต่ยังต้องสะสางงานบางส่วนอยู่
เวลานี้ก็ทำได้พอดี
เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ หลินฝานหยิบกระบวยตักซุปปลาไนขึ้นมาหนึ่งคำ รสชาติสดใหม่หอมกรุ่นมาก เวลานี้ถึงได้วางกระบวยลง
เขายกอาหารจากในห้องครัวมาวางบนโต๊ะ แล้วก็ตักซุปปลาไนใส่ชามเสร็จสรรพ
ทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อย หลินฝานถึงได้เดินเข้าไปเคาะประตูห้องหนังสือ
“ไป๋จิ่ง…กิน กินข้าวได้แล้ว”
“อืม” ข้างในมีเสียงขานรับ ทันทีหลังจากนั้นประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออก
หลินฝานคิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่งจะเร็วขนาดนี้ เขายังไม่ทันได้เดินออกไปจากตรงนั้น ก็เผชิญหน้ากับไป๋จิ่งพอดี
เขาเห็นใบหน้าไป๋จิ่งก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างน่าประหลาดใจ หลินฝานบีบนิ้วมือ รีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที
“ฉัน ฉันไปก่อนนะ”
ขณะพูด เขาก็ก้มหน้าแล้วเดินนำออกไป
ไป๋จิ่งเดินตามหลังเขาไป แววตาที่มองหลินฝานสับสนอยู่ในที
ทั้งสองคนนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ต่างฝ่ายต่างกินข้าว ไม่พูดอะไรสักคำ
กินข้าวเสร็จอย่างเงียบๆ ไป๋จิ่งก็เข้าไปห้องหนังสืออีกครั้ง
หลินฝานคิด เขากับไป๋จิ่งเป็นแบบนี้ ควรจะถือว่ามีความคืบหน้าแล้วสินะ อย่างน้อยที่สุดได้มีปฏิสัมพันธ์กันยังถือว่าเข้ากันได้อยู่
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ไป๋จิ่งก็มักจะได้กินอาหารมื้อเย็นกับหลินฝานอยู่บ่อยๆ ถ้ามีธุระอย่างอื่น ก็จะบอกหลินฝานล่วงหน้าสักคำสองคำ
ราวกับว่าพวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไป๋จิ่งมากินข้าวด้วยกันกับเขาได้ พูดจาก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้นแล้ว
แต่ไป๋จิ่งไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่การสัมผัสร่างกายสักนิดก็ยังไม่มี
หลินฝานรู้สึกว่า พวกเขาเป็นแบบนี้ นับวันยิ่งเหมือนเขาเป็นคนเช่าบ้านของไป๋จิ่ง มาเช่าบ้านไป๋จิ่งอยู่
แล้วทำอาหารแลกค่าเช่าบ้านอย่างไรอย่างนั้น
ใช้ชีวิตเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มานานมากๆ เป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
ยามที่หลินฝานคิดว่าเขากับไป๋จิ่งจะมีชีวิตเป็นแบบนี้กันไปตลอด ทุกอย่างก็พังทลายลงแล้ว
……
จู่ๆ ก็มีเสียงลิฟต์ดังขึ้นมา ไป๋จิ่งตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝันทันที
เขาได้ยินเสียงลิฟต์ก็รีบมองตามไป ซึ่งก็คือชาวอเมริกันหนวดขาวคนหนึ่ง
เหมือนจะรู้สึกว่าไป๋จิ่งดูแปลกประหลาดมาก ชาวอเมริกันคนนี้อดจะมองแล้วมองอีกไม่ได้
ในใจไป๋จิ่งฉายสะท้อนความหดหู่ เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น เขายังคิดว่ามั่วไป๋กลับมาแล้ว
เขากุมขมับ ดูเวลาในมือถือ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เขารออยู่ที่นี่เกือบจะถึงหนึ่งวันแล้ว มั่วไป๋ก็ไม่มาปรากฏตัวสักที
ข้างในหลังประตูห้องก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไป๋จิ่งอดจะคิดไม่ได้ หรือว่ามั่วไป๋จะไม่ได้อยู่ที่นี่
‘เขายังมีที่พักอื่นอีกเหรอ’
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา ไป๋จิ่งก็ว้าวุ่นใจแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคย
กว่าเขาจะตามหาที่นี่เจอไม่ใช่ง่ายๆ ถ้ามั่วไป๋ไม่พักอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่รู้จริงๆ แล้วว่าจะไปตามหามั่วไป๋ต่อได้อย่างไร
ไป๋จิ่งที่เฝ้าอยู่นอกประตู ไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนที่เขามา มั่วไป๋เพิ่งจะออกไป