Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 27 ไพ่ของตระกูลหลิน
รู้จักที่เย่เทียนเห็นคือนักรบหลายคนจากทีมล่าหมาป่าวายุ พรสวรรค์ความเร็วขั้นต้นที่เขา ได้รับมาจากพังพอนจันทราสีเงินก็มาจากทีมนี้!
จะว่าไปแล้ว เขายังติดหนี้ทีมล่าหมาป่าวายเช่นกัน
พรสวรรค์ด้านความเร็วช่วยเขาได้ไม่น้อยในช่วงแรก ๆ หากเขาไม่มีพรสวรรค์ด้านความเร็ว บางทีเขาอาจตายภายใต้มือของเงาทมิฬหลี่ฉุนไปนานแล้ว
“ในภารกิจนี้ ถ้าเราสามารถช่วยทีมล่าหมาป่าวายุได้ เราก็ยื่นมือเข้าช่วยพวกเขาสักหน่อย!”
เย่เทียนพูดกับตัวเองในใจ
เย่เทียนจ่าหมาป่าวายุได้ แต่หมาป่าวายจ่าเย่เทียนไม่ได้
เนื่องจากเย่เทียนเปลี่ยนไปมากหากเทียบกับครั้งก่อน ประการแรกคืออารมณ์หลังจากการฝึกฝนและการฆ่าสัตว์อสูรครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายของเขามีกลิ่นอายการสังหารทําให้ใบหน้าของเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะอายุเพียงสิบหกปี แต่ก็ดูเหมือนอายุสิบแปดสิบเก้าปี เขาโตเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก
นอกจากนี้เดิมเขาสูงประมาณ 170 เซนติเมตร แต่ตอนนี้เขาสูง 180 เซนติเมตร และร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นมาก
หมาป่าวายุเคยพบเย่เทียนแต่เย่เทียนในตอนนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น หมาป่าวายุและคนอื่นๆจะจดจําผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ําต้อยได้อย่างไร? พวกเขาลืมเย่เทียนไปนานแล้ว
เย่เทียนไม่ได้จ้องที่หมาป่าวายุและคนอื่นๆ แต่ยืนอยู่ที่มุมห้องเพื่อรอการมาถึงของผู้นําอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่ต้องการทําความรู้จักกับเย่เทียน เนื่องจากเย่เทียนยังเยาว์วัยแต่dลายเป็นนักรบแล้ว พรสวรรค์ของเขาจะต้องสูงมาก และในอนาคตพวกเขาคาดว่าเย่เทียนจะกลายเป็นนักรบชั้นยอดได้
ถ้าพวกเขารู้ว่าเย่เทียนเป็นนักรบชั้นยอดแล้ว พวกเขาจะต้องตกใจมากแน่ๆ
ในความเป็นจริงหากไม่ใช่นักรบผู้เชี่ยวชาญก็ยากที่จะล่วงรู้พลังบ่มเพาะของคนอื่น มีเพียงการต่อสู้หรือกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาเท่านั้นที่สามารถบอกได้ เย่เทียนได้เก็บกลิ่นอายเอาไว้แล้ว จึงไม่มีใครสามารถรับรู้ระดับการบ่มเพาะของเยเทียน
เย่เทียนเองก็ไม่อยากเปิดเผยพลังบ่มเพาะที่แท้จริงของเขา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา รอให้เขาคัดลอกพรสวรรค์ของมดจอมพลังแล้ว ค่อยเปิดเผยมันก็ยังไม่สาย ถึงตอนนั้นเขาไม่จําเป็นต้องกังวลอะไรมากนัก
มีนักรบหลายคนที่ต้องการผูกมิตรกับเย่เทียน เขาปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ
“หลินหมิงจือมาแล้ว!”
ฝูงชนเริ่มโกลาหล
หลินหมิงจือ?
เมื่อเย่เทียนได้ยินชื่อนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับหลินหมิงจือก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
หลินหมิงจือเป็นบุตรชายของผู้นําตระกูลหลินคนปัจจุบัน เขาอายุเพียง 30 ปี แต่เขาอยู่ในจุดสูงสุดของนักรบชั้นยอดแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากนักรบผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้หลินหมิงจือยังมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะปานกลาง และมีคุณสมบัติที่เพียงพอจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญ แต่ตลอดชีวิตของเขาจะเป็นได้เพียงนักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นต้นเท่านั้น
แต่แม้แต่นักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นต้นก็เพียงพอที่จะปกครองฐานหลินไม่ได้ เพราะนอกจากนักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดในตระกูลหลินแล้ว นักรบผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็เป็นเพียงขั้นต้นเช่นกัน
ตามการคาดเดาของเย่เทียน นักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของตระกูลหลินน่าจะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ได้ และนักรบผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็อายุมากแล้ว เดาได้เลยว่าเขาคงไม่สามารถทะลวงผ่านจอมยุทธระดับปรมาจารย์ได้ไปตลอดชีวิต
“ทุกคนเงียบหน่อย!”
นักรบที่มีคิ้วหนาและตาโตยืนอยู่ไม่ไกลตะโกนใส่ทุกคน เขาคือหลินหมิงจือ
“ในเมื่อพวกเจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ ก็หมายความว่าพวกเจ้าทุกคนต้องเต็มใจที่จะเข้าร่วมภารกิจกวาดล้างสัตว์อสูรอย่างแน่นอน แผนการครั้งนี้มีประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงสําหรับฐานหลินไห่ ฐานหลินไห่ของเรามีขนาดเล็กเกินไป และทรัพยากรก็มีจํากัด เมื่อเปิดเส้นทางการค้าและซื้อขายกับฐานขนาดกลาง พวกเจ้าทุกคนก็จะสามารถซื้อสมบัติที่ฐานหลินไห่ไม่มีได้ในอนาคต ดังนั้นแผนการครั้งนี้จึงสําคัญมาก!”
“แน่นอนว่าแผนในครั้งนี้ก็อันตรายเช่นกัน แต่การเก็บเกี่ยวนั้นมากกว่าการล่าสัตว์อสูรของโดย ปกติของพวกเจ้าอย่างแน่นอน ข้าสามารถรับรองได้ว่าสิ่งที่พวกเจ้าจะได้รับในภารกิจครั้งนี้จะเป็น ของพวกเจ้าครึ่งหนึ่ง ในเมื่อพวกเจ้าล่ามันมาด้วยตัวเองไม่มีใครจะแย่งชิงของของพวกเจ้า ตระ กลหลินของเราจะนํากลับมามอบให้กับพวกเจ้า แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้าควรจะได้รับ และตระกูลหลินของเรายังเตรียมของขวัญอีกอย่างไว้ให้ นักรบแต่ละคนจะได้รับเลือดสัตว์อสูรระดับกลาง 20 ชุด และเงิน 2 ล้านหยวน นักรบชั้นยอดจะได้รับเลือดสัตว์อสูรระดับสูง 3ชุด และ เงิน 10 ล้านหยวน”
ค่าพูดของหลินหมิงจือทําให้เหล่านักรบที่อยู่ที่นั่นเดือดพล่าน
การเก็บเกี่ยวเป็นของพวกเขาครึ่งหนึ่ง แล้วยังได้รับรางวัลพิเศษอีกด้วย พวกเขาจะหาอะไรดีๆแบบนี้ได้ที่ไหน?
สําหรับซากของสัตว์อสูรที่จะนํากลับมาได้นั้นพวกเขาไม่มีความเห็นใดๆ เพราะซากของสัตว์อสูรบางตัวมีขนาดใหญ่เกินไป และมักจะทิ้งมันไปเป็นของเสีย และตระกูลหลินก็ให้คํามั่นว่าจะเอากลับมาและมอบพวกมันครึ่งหนึ่งให้กับพวกเขา
เย่เทียนมองเหล่านักรบที่ตื่นเต้นและส่ายหัว
เงื่อนไขฟังดูเหมือนจะยุติธรรม รางวัลนั้นก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน แต่พวกเขาก็ต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงชีวิต ถ้าหากพวกเขาตาย พวกเขาจะไม่ได้รับเงินแม้แต่เหรียญเดียว และตระกูลหลินก็จะไม่เสียเปรียบใดๆ
การดึงอันธพาลกลุ่มหนึ่งโดยไม่ต้องลงทุนใดๆทั้งยังสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรมากมายได้ ตระกูลหลินวางแผนได้สวยงามมาก
“ที่นี่มีนักรบเกือบ 200 คน หากรวมนักรบจากตระกูลใหญ่ๆ คาดว่าแผนการในครั้งนี้จะระดมนักรบได้ไม่น้อยกว่า 1,000 คน!” เย่เทียนคิด
ฐานหลินไห่มีนักรบเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น และได้ส่งออกทหารไปมากกว่าครึ่ง
ทันใดนั้น
หลินหมิงจือสั่งให้คนหยิบเสาที่เป็นเครื่องมือทดสอบออกมา เสานี้เป็นอุปกรณ์เวทย์ที่ใช้ทดสอบพลัง ใช้กําปั้นโจมตีไปยังเสา แสดงระดับของพลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งของล้ําค่าที่ได้มาจากฐานทัพอื่น
ผู้ฝึกยุทธต้องขึ้นไปทดสอบพลังและจัดกลุ่มตามระดับการบ่มเพาะของพวกเขา
เย่เทียนลดระดับพลังของเขาลงเล็กน้อย เขาไม่ได้แสดงพลังของนักรบชั้นยอด แต่แสดงพลัง ของนักรบขั้นปลายแทน
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ นักรบทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ พรสวรรค์ของเย่เทียนก็สูงเช่นกัน แม้แต่หลินหมิงจือก็ยังมีใจที่จะชักชวนแต่เย่เทียน แต่เย่เทียนก็ปฏิเสธออกไปอย่างนอบน้อม
หลินหมิงจือไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เขาแค่คิดว่าเย่เทียนมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับกลางเท่านั้น ซึ่งพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับกลางไม่ได้อยู่ในสายตาตระกูลหลิน
หลังจากการทดสอบความแข็งแกร่งของนักรบทุกคนเสร็จสิ้น กลุ่มย่อยก็ถูกก่อตั้งขึ้น โดยแบ่งจากระดับการบ่มเพาะ
ภารกิจที่แต่ละกลุ่มได้รับนั้นแตกต่างกัน กลุ่มนักรบจะต้องกวาดล้างสัตว์อสูรระดับต่ำ ในขณะที่กลุ่มนักรบชั้นยอดจําเป็นต้องกวาดล้างสัตว์อสูรระดับกลาง
“กัปตันหมาป่าวาย พวกเรามารวมกลุ่มกันดีไหม?”
เย่เทียนเดินไปหาหมาป่าวายุและพูด
จําเป็นต้องตั้งกลุ่ม 10 คน ทีมหมาป่าวายุมีสมาชิกเพียง 8 คน และยังขาดอีก 2 คน
“น้องชาย เจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมทีมกับพวกเราจริงๆหรือ? ทีมของเรามีนักรบขั้นปลายเพียงคนเดียว พรสวรรค์ของเจ้านั้นสูงมาก ดังนั้นเจ้าควรเข้าร่วมกลุ่มที่แข็งแกร่งที่ประกอบไปด้วยนักรบขั้นปลายจะดีกว่า” หมาป่าวายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา
“ผมคิดว่ากัปตันหมาป่าวายุเป็นคนดี และชื่อเสียงของคุณก็ดีมากเช่นกัน ดังนั้นผมจึงยินดีที่จะเข้าร่วมกลุ่มพวกคุณ แต่ถ้าพวกคุณไม่ต้องการ ก็ถือซะว่าผมไม่ได้พูดอะไร” เย่เทียนพูดเบา ๆ
“งั้นยินดีต้อนรับน้องชายมาร่วมทีมของเรา!”
หมาป่าวายุยื่นมือขวาออกไปและกล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้ม