Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์ - บทที่ 109 กลับฐานหลินไห
บทที่ 109 กลับฐานหลินไห!
ฐานหลินไห่
นักรบยังคงออกไปล่าสัตว์อสูรในป่า คนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธ์ต่างทํางานเหมือนทุกๆวัน โดยไม่ได้สัมผัสถึงการมาถึงของคลื่นสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าฐานทัพทะเลมารได้ละทิ้งฐานหลินไห่ไปแล้ว พวกเขาไม่ได้แจ้งให้ทุกคนในฐานหลินไห่รู้เรื่องนี้เลย
แต่เหล่าผู้อาวุโสของฐานหลินไห่กลับสังเกตเห็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่ได้พบฝูงสัตว์อสูร แต่พบว่าคนของหอยุทธ์และธนาคารทะเลมารอพยพออกไปอย่างลับๆ
เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้เหล่าผู้มีอํานาจในฐานหลินไห่ก็จัดประชุมทันที
ปรมาจารย์หลี่และผู้ฝึกยุทธจํานวนมากมารวมตัวกันที่ตระกูลหลิน
ถึงอย่างไรตระกูลหลินก็เป็นผู้นําในนาม ดังนั้นการจะจัดประชุมที่ตระกูลหลินจึงเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ครั้งนี้ผู้ที่เป็นประธานในการประชุมไม่ใช่หลินว่านหลี่ แต่เป็นปรมาจารย์หล และมีเพียงผู้เฒ่าหลี่เท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการจัดประชุมครั้งนี้
ตาเฒ่าหลี่กล่าว “ทุกท่าน ข้าเดาว่าพวกเจ้าน่าจะกันรู้ดีแล้ว เหล่าผู้อาวุโสของหอยุทธในตลาดมืดต่างจากไปอย่างลับๆ ผู้นําหอยุทธก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หอยุทธตอนนี้เหลือเพียงผู้ฝึกยุทธที่เดิมที่เป็นคนของฐานหลินไห่เราเท่านั้น นอกจากนี้ธนาคารทะเลมารก็เช่นกันผู้บริหารระดับสูงได้หายตัวไปเกือบหมด จากการสืบสวนคร่าวๆจึงได้รู้ว่าพวกเขากลับไปที่ฐานทะเลมาร”
“กลับไปที่ฐานทะเลมาร?”
ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มใหญ่ต่างขมวดคิ้ว
“เกิดเหตุขึ้นที่ฐานทะเลมารเหรอ?” ผู้ฝึกยุทธุ์ถาม
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว “ข้าไม่แน่ใจ บางทีอาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ฐานทะเลมาร แต่หากเลวร้ายกว่านั้นคือมีบางอย่างกําลังจะเกิดขึ้นที่ฐานหลินไห!”
“อะไรนะ? มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ฐานหลินไห?”
นักรบผู้เชี่ยวชาญที่เดิมที่เป็นคนของฐานเขียวเหล็กร้องออกมาด้วยความตกใจ
เขาเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ฐานเขียวเหล็กล่มสลายได้ไม่นาน หรือว่าฐานหลินไห่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง?
ในเวลานี้ ตาเฒ่าหลี่ก็กล่าวเพิ่มเติม “พวกเจ้าลองคิดดูสิ ถ้าเกิดเกิดเรื่องขึ้นที่ฐานทะเลมาร ธนาคารและหอยุทธ์จะกลับไปเพื่ออะไร พวกเขาเป็นเพียงคนชั้นล่างของฐานทะเลมารเท่านั้น พวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายอย่างที่ฐานหลินไม่ได้อย่างไร? แต่ตอนนี้พวกเขากลับหนีไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขารีบร้อนที่จะออกจากฐานหลินไห่ของเรา และไม่ต้องการอยู่ที่นี่ นอกจากฐานหลินไห่กําลังจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว ข้าก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออก”
“เราสามารถติดต่อฐานทะเลมารได้หรือไม่? มันจะดีกว่าหากเราสอบถามจากพวกเขา!”
หลินว่านหลี่ขมวดคิ้ว
“ติดต่อไม่ได้!” ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว “อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดที่สามารถติดต่อได้ถูกนําออกไปแล้ว อุปกรณ์สื่อสารที่พวกเราซื้อมาก็สามารถใช้ได้แต่ในฐานหลินไห่เท่านั้น ไม่สามารถติดต่อคนของฐานทะเลมารได้”
“เป็นไปได้ไหมว่าฝูงสัตว์อสูรที่ทําลายฐานเขียวเหล็กกําลังจะมาที่ฐานหลินไห่? ผู้นําของสัตว์อสูรกลุ่มนั้นคือสัตว์อสูรระดับราชา แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับราชาที่อ่อนแอ แต่เพียงแค่มันหายใจก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเราได้ หากสัตว์อสูรราชาบุกเข้ามา ฐานหลินไห่ก็มิอาจต้านทานได้ ดังนั้นคนของหอยุทธและธนาคารจึงรีบหลบหนีออกไป”
นักรบคนหนึ่งคาดเดา
“ไม่น่าเป็นไปได้!”
ตาเฒ่าหลี่โต้กลับ “ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ฝูงของสัตว์อสูรตัวนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มันไม่น่าจะมายังฐานหลินไห่ นอกจากนี้ ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับราชามันก็ยังคงไม่เปิดฉากโจมตีง่ายๆ สัตว์อสูรระดับราชาตัวนั้นก็เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับราชาที่ยังอ่อนแอ อีกทั้งยังเป็นสัตว์อสูรระดับราชาที่ใช้วิธีการพิเศษในการยกระดับ พลังการต่อสู้ที่แท้จริงเทียบได้กับอสูรระดับราชาครี่งก้าวเท่านั้น ความเร็วของมันยังคงด้อยกว่าสัตว์อสูรระดับราชาอื่นๆ ฐานทัพทะเลมารมีระดับราชาอยู่ไม่น้อย เพียงแค่ส่งระดับราชามาคนเดียวก็เพียงพอที่จะทําลายฝูงสัตว์อสูรนั้นได้แล้ว ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นักรบผู้เชี่ยวชาญบางคนเริ่มกังวล
“ทําไมเราไม่ไปหลบภัยที่ฐานทะเลมารล่ะ?
มีนักรบผู้เชี่ยวชาญเสนอ
“ไม่ได้!”
หลินว่านหลีเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
“พวกเราในที่นี้ส่วนใหญ่มาจากตระกูล หรือว่าพวกเจ้าจะละทิ้งตระกูลตนเอง? แล้วจะแน่ใจได้ อย่างไรว่าไม่เกิดเหตุขึ้นที่ฐานทัพทะเลมาร? หากฝ่ายนั้นกําลังต่อสู้อยู่ พวกเราไม่ไช่รนหาที่ตายหรอกหรือ?”
คําพูดของหลินว่านหลได้รับการเห็นด้วยจากผู้ฝึกยุทธจํานวนมาก และนักรบผู้เชี่ยวชาญที่เสนอขึ้นเมื่อครู่ ก็หลบหน้าทันที
ในตอนนั้นเอง นักรบชั้นยอดคนหนึ่งก็รีบเข้ามารายงาน
“ปรมาจารย์ ท่านนักรบผู้เชี่ยวชาญ แย่แล้ว มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวบุกมายังฐานของเราแล้ว!”
ผู้มาพูดอย่างลนลาน
ตาเฒ่าหลี่รีบถามว่า “สัตว์อสูรอะไร? เกิดอะไรขึ้น ?”
ทั่วทั้งที่ประชุมต่างจ้องมองนักรบชั้นยอดพวกเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโส เมื่อสักครู่มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่กว่า 10 เมตร บินเข้ามาภายในฐาน มันรวดเร็วมาก คนอื่นๆไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ในที่สุดสัตว์อสูรตัวนั้นก็ดูเหมือนจะบินลงไปในย่านส่วนกลาง!”
นักรบชั้นยอดกล่าว
“ย่านส่วนกลาง!”
ทุกคนในที่นี้คุ้นเคยกับย่านนี้เป็นอย่างดี ถ้าเมื่อก่อนย่านนี้เป็นเพียงวิลล่าธรรมดา แต่ตั้งแต่เย่เทียนปรากฏตัว ราคาของวิลล่าก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่เย่เทียนจากไป ราคาของวิลล่าก็ลดลง
“ไป ออกไปดูกันเถอะ!”
ตาเฒ่าหลั่นําทาง โดยมีผู้ฝึกยุทธ์ติดตามเขาไป
เพียงไม่นาน
พวกเขามาถึงย่านส่วนกลาง
ในตอนนั้นเอง มีคนมารายงานทันที
“ใต้เท้า เย่เทียนกลับมาแล้ว!”
“ปรมาจารย์เย่เทียนกลับมาแล้วหรือ?”
ทุกคนดีใจทันที
เย่เทียนได้ไปยังฐานทะเลมารและอยู่ในฐานทะเลมารเป็นเวลานานแล้ว เขาย่อมรู้ถึงเบื้องหลังของเรื่องนี้อย่างแน่นอน บางทีพวกเขาอาจจะได้ข้อมูลจากปากของเย่เทียนว่าทําไมหอยุทธ์ และธนาคารจึงถอนตัวออกไป
ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่รู้สึกยินดีและเป็นกังวลมาก สิ่งที่น่ายินดีคือสถานการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นของฐานหลินไห่อาจจะได้รับคําอธิบาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเขาไม่สามารถสั่งการทุกคนได้ตามใจชอบ เขาต้องยอมจํานนต่อเย่เทียน และเชื่อฟังคําพูดของเยเทียนทั้งหมด นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสําหรับเขานัก
แต่เขาก็ยังคงพูดว่า
“ไปคารวะปรมาจารย์เย่เทียนกัน!”
กลุ่มผู้ฝึกยุทธกลุ่มใหญ่ตามมามาตลอดทาง ทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในสวนกลาง และข่าวการกลับมาของปรมาจารย์เย่เทียนก็แพร่กระจายไปยังทุกหนทุกแห่งของฐานหลินไห่ราวกับไฟลามทุ่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนทราบข่าวการกลับมาของเย่เทียน
แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะเย่เทียนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา ดังนั้นจะสนใจไปก็ไร้ประโยชน์
วิลล่าของเย่เทียน
ในเวลานี้เย่เทียนกําลังทําความสะอาดอยู่ เนื่องจากเขาจะต้องอยู่ที่นี้ไปอีกสักพัก
แต่เสี่ยวเสวียนกลับมองไปยังรอบๆ ด้วยท่าทีรังเกียจ
“นายท่าน สถานที่รกร้างแห่งนี้ยังห่างชั้นกับบ้านเรามาก ทําไมพวกเราต้องอยู่ที่นี่ด้วย?”
“นี่คือบ้านเก่าของข้า!”
เย่เทียนกลอกตา
เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวเสวียนรับเปลี่ยนค่าพูดทันที
“นายท่าน ข้าคิดว่าที่นี่มีกลิ่นอายที่พิเศษมาก มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสําหรับการอยู่อาศัยจริงๆ!”
“เจ้าเปลี่ยนสีไวมาก เจ้าเป็นกิ้งก่าหรืออย่างไร ดูเหมือนว่าเจ้าจะโตเร็วดีหน!”
เย่เทียนพูดอย่างเย็นชา แต่ในใจเขากลับรู้สึกประหลาดใจ
เขาจําได้ว่าตอนที่เสี่ยวเสวียนเพิ่งฟักออกมา มันยังพูดได้แค่คําง่ายๆ เช่น หิว กิน ง่วง เท่านั้น แต่ผ่านไปเพียงไม่นาน เสี่ยวเสวียนไม่เพียงแต่เติบโตจนมีขนาดสิบเมตร แม้แต่ความคิดของมันยังเทียบได้กับเด็กหนุ่มของมนุษย์อีกด้วย
พรสวรรค์และความเร็วในการเติบโตนี้น่าตกใจเกินไป
“สมแล้วที่เป็นพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับตะวัน!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง