ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก - บทที่73 ชิงสุกก่อนห่าม
ชางหลิงจ้องมองดวงตาของโหมวยู่ เธอรับรู้ได้ถึงสายตาที่มีความรู้สึกมากมายที่ซ่อนไว้ของเขา แต่ว่า สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังมีแววตาเย็นชาเหมือนเดิม
ในตอนนี้เอง ฉู่ฉือก็เข้ามา เขามองชางหลิง และเดินเข้าไปกระซิบข้างหูโหมวยู่
โหมวยู่ลุกขึ้น เขากวาดตามองชางหลิง สุดท้ายก็พูดกับหลีซินว่า “ส่งเธอกลับไป”
“นาย……” ชางหลิงโกรธจนพูดไม่ออก เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย แม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน เขาก็จบด้วยคำพูดเย็นชาเสมอ
พอเขาไปแล้ว ก็ปล่อยให้เธอไม่พอใจอยู่อย่างนั้น
“โหมวยู่ บางครั้ง ฉันก็รู้สึกว่าพวกเขาใกล้กันมาก อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน แต่ว่า จนถึงตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่า ฉันไม่เคยเดินเข้าไปในใจนายได้เลย”
ชางหลิงลุกขึ้น เธอมองแผ่นหลังโหมวยู่ ใบหน้าก็มีความเศร้าสลด “พวกเราเป็นแค่สามีภรรยาทางร่างกาย ความจริงแล้ว นายไม่เคยเข้าใจฉันเลย และนายก็มีท่าทีหยิ่งยโสตลอดเวลา เล่นทุกคนไว้ในกำมือ คนต่ำต้อยอย่างฉัน คงไม่มีวันเข้าใจนายได้”
โหมวยู่หันหลังไป เหลือแต่แผ่นหลังให้เธอ
“ฉันกลับไปก็ได้ ฉันจะรอนายที่บ้าน แต่ฉันหวังว่า นายจะให้คำอธิบายที่ดีกับฉันนะ”
ชางหลิงมองแผ่นหลังเขาอยู่นาน สุดท้ายก็ข่มอารมณ์อารมณ์โกรธเอาไว้ และเดินออกไป
โหมวยู่ถอนหายใจเบาๆ เขาหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋า มือคีบบุหรี่ไว้และจุดไฟแช็ก
“คนล่ะ?” โหมวยู่ถาม
“ถูกพวกเราคุมตัวไว้แล้ว และนำคำสารภาพมาได้แล้ว บันทึกการโอนเงินก็สืบได้แล้วครับ” ฉู่ฉือตอบ
“อืม” โหมวยู่ตอบเสียงเดียว ควันบุหรี่ลอดออกมาระหว่างฟันของเขา
“แต่ว่า ทางคุณโม่……เธอทำเรื่องแบบนี้ได้ คิดว่าคงได้รับคำสั่งจากตระกูลโม่ แม้พวกเราจะได้หลักฐานมาแล้ว ถ้าตระกูลโม่ออกหน้า พวกเราก็อาจจะไม่ชนะก็ได้นะครับ” ฉู่ฉือพูดอย่างกังวล “เพราะยังไง ก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างแล้ว”
“ครั้งนี้ จะต้องชนะ” โหมวยู่พูดอย่างมั่นใจ “หลายปีมานี้ พวกเขาอวดดีกันพอแล้ว”
“งั้น……” ฉู่ฉือลังเล “แล้วทางด้านคุณชาง……”
“ผมดูจากท่าทีของเธอเมื่อกี้แล้ว คงจะเข้าใจผิดคุณชายรองนะครับ ถ้าคุณชายไม่สะดวก จะให้ผม……”
“ไม่ต้อง” พอพูดถึงชางหลิง โหมวยู่ก็ดูดบุหรี่ไปแรงๆสองเฮือกใหญ่
“เรื่องนี้ เธอไม่รู้ จะลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้ ตอนนี้ฉันยังไม่กล้ารับรองว่านายท่านรู้เรื่องฉันกับเธอมากเท่าไหร่ ที่ทำได้ ก็คือจัดการปัญหาตระกูลโม่ก่อน และซ่อนเธอเอาไว้แบบนี้ก่อน”
อีกอย่าง ในใจเขากลัวจริงๆ กลัวว่าพอชางหลิงรู้ว่าเขาทำอะไร ก็จะเลิกกับเขา
เขาใช้เวลาตั้งเยอะ ทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ครอบครองเธอ เขาไม่ให้โอกาสเธอได้หนีหรอกนะ
——
ตระกูลโม่
โม่โม่นั่งอยู่ในห้องรับแขก สีหน้าดูร้อนรน โม่หยวนผิงสีหน้าบึ้งตึง บรรยากาศดูเย็นเยือก
“คุณท่านครับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน
“เป็นยังไงบ้าง? หาคนเจอหรือยัง?” โม่หยวนผิงรีบถามทันที
พ่อบ้านส่ายหน้า “พวกเราสั่งกำลังคนไปหาทุกซอกมุม แต่ว่า ก็ยังหาไม่เจอครับ……”
“พ่อคะ” สีหน้าโม่โม่ซีดขาว “พ่อว่า พวกเขาคงไม่ไปอยู่ในมือโหมวยู่หรอกนะ”
พวกเขากำลังหาผู้ชายสามคนที่จับตัวชางฉิงไป เรื่องนี้ น่าจะเอาเงินไปแล้วก็หายไปทันที แต่ว่า ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้หายไปด้วยฝีมือโม่โม่
เธอไปจัดการงานที่เหลือตามปกติ คนที่ควรจะรออยู่ที่เดิมตามแผนการก็หายไปแล้ว เธอสั่งคนให้ตามหาทั่วทุกมุม ถึงได้ตื่นตระหนกแล้วรีบมาหาโม่หยวนผิง
“หุบปากเลยนะ!” โม่หยวนผิงรู้สึกรำคาญใจ “ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้? ฉันใช้ให้เธอไปกำจัดคน แต่ไม่คิดว่าเธอทำอย่างเอิกเกริก เธอคงอยากให้โหมวยู่จับพิรุธเหเธองั้นเหรอ?”
“พ่อ……” โม่โม่รู้สึกน้อยใจ “หนูก็รีบร้อนเกินไป หนูไม่เคยโหมวยู่รักใครมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าแค่ไล่เธอออกจากเมืองหนาน หนูจะทำเธอหายได้ยังไง สุดท้ายเขาก็จะตามเธอกลับมาอยู่ดี เรื่องนี้ ถ้าไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ โหมวยู่อาจจะทำเป็นไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ได้ หนูอยากทำให้มันพังทลาย ถึงจะตัดความหวังระหว่างพวกเขาสองคนได้”
“เธอทำร้ายตัวเองต่างหากล่ะ!” โม่หยวนผิงเกลียดในความไม่เอาถ่านของเธอ
“ก็แค่ลูกสาวตระกูลต๊อกต๋อย มีอะไรดีกัน พวกเราใช้เงินเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นี่? อีกอย่าง ชางฉิงยังมีศัตรูนี่คะ? ถ้าหนูไม่ยอมรับ แล้วเอาความผิดทั้งหมดไปลงที่ชางหลิง พวกเขาจะทำอะไรหนูได้?” โม่โม่กัดริมฝีปาก “ตระกูลโหมวกับตระกูลโม่ดังหรือตกอับด้วยกันอยู่แล้ว ถ้าพวกเราเกิดอะไรขึ้น ตระกูลโหมวไม่มีทางอยู่เฉยได้หรอก โหมวยู่ไม่มีทางทำเด็ดขาดขนาดนั้นแน่”
“ฉันจะว่าเธอยังไงดี?” โม่หยวนผิงชี้โม่โม่ “ช่างเถอะ เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ตามไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ ต้องจัดการเรื่องเธอกับโหมวยู่อย่างเร่งด่วนแล้ว”
โม่โม่ก้มหน้าลง พูดเสียงเบาว่า “จะจัดการยังไงคะ หลายปีมาแล้ว เขายังไม่เคยมองหนูตรงๆเลย”
“เขาไม่มองเธอ เธอก็ไม่มีวิธีแล้วหรือไง?” โม่หยวนผิงพูด และหยิบยาออกมา “โรคกลัวผู้หญิงบ้าอะไร นั่นก็แค่ข้ออ้างของเขาเท่านั้น โหมวยู่อยากคุมอำนาจคนเดียว อยากไล่พวกเราตระกูลโม่ออกไป ดังนั้นถึงไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวตระกูลโม่ แต่ว่า ตระกูลโม่ไม่ยอมให้รังแกง่ายๆหรอกนะ”
“เธอเป็นผู้หญิง ผู้หญิงคนหนึ่งมีวิธีมากมายในการครองหัวใจชาย ฉันไปสืบมาแล้ว อย่างชางฉิงก็เข้าตาโหมวยู่ได้ หรือว่าลูกสาวของฉันโม่หยวนผิงเทียบกับผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้หรือไง?” โม่หยวนผิงโยนกล่องยาไปให้โม่โม่ “หาโอกาส ชิงสุกก่อนห่าม ถึงตอนนั้น เขายอมรับก็ต้องยอมรับ ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ”
โม่โม่รู้ว่าฤทธิ์ยาเป็นอะไร ในใจก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“ตระกูลโม่ตอนนี้ตกอยู่ในวิกฤต ช่วงนี้ การพัฒนาธุรกิจต่างๆก็ไม่ราบรื่น พวกเราต้องคว้าโอกาส รีบล็อกพวกเราสองตระกูลไว้ด้วยกันในตอนที่โหมวเจิ้งถิงยังกุมอำนาจอยู่ แบบนี้ถึงจะเจริญไปพร้อมกัน และดับไปพร้อมกัน” สายตาโม่หยวนผิงเปล่งประกาย
ตอนนั้นเซิ่งซื่อมีตระกูลเซิ่งก่อตั้งขึ้นมา แต่ว่า ตระกูลเซิ่งมีแค่ลูกสาวสองคน ธุรกิจใหญ่โต ไม่มีคนสืบทอด โหมวเจิ้งถิงเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิง เขาแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซิ่ง แต่ไม่ถึงสิบปี คนแก่ตระกูลเซิ่งสองท่านก็ได้เสียไปพร้อมกัน โหมวเจิ้งถิงกุมอำนาจเซิ่งซื่อ พร้อมกับโม่หยวนผิง ไล่ผู้บริหารเก่าในเซิ่งซื่อออกไปจนหมด
ความมักใหญ่ใฝ่สูงของโหมวเจิ้งถิงก็ออกมาทันที โม่หยวนผิงเคยเป็นผู้ช่วยโหมวเจิ้งถิง อยู่กับเขาหลายปี รู้จักนิสัยของโหมวเจิ้งถิงดี เขาไม่ยอมให้คนอื่นขัดขืน แม้จะเป็นลูกชายตัวเองก็ตาม
“ลูก อนาคตของพวกเราตระกูลโม่ ฝากไว้ที่ลูกแล้วนะ แต่งงานเข้าตระกูลโม่ อำนาจ เงินทอง ตำแหน่ง พวกนี้จะเป็นของพวกเราทั้งหมด”