นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 579
ตอนที่ 579 ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
โจว๋หยูนถิงเห็นซินเหยาเจ็บปวดเช่นนี้ ก็รีบจับมือนางเอาไว้แล้วกอดนางเอาไว้ในอ้อมกอดของเขา “ซินเหยาคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว ปล่อยมันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นเถอะ”
ซินเหยาได้ฟังคำพูดของโจว๋หยูนถิงนางก็ค่อยๆสงบลง แล้วออกมาจากอ้อมกอดของเขา มองดูเขาแล้วพยักหน้า
เห็นซินเหยาแบบนี้โจว๋หยูนถิงถึงได้วางใจ “น้องรักงั้นพวกเราก็ไปเตรียมตัวกันเถอะ แบบนี้ฮ่องเต้ถึงได้สนใจเรา” โจว๋หยูนถิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“เจ้าคิดว่าเราเลือกเว่ยโก๋กงเป็นอย่างไร” โจว๋หยูนถิงนึกถึงคนที่เขาต้องเลือกแล้วมองดูซินเหยาพร้อมกับพูดขึ้น
สีหน้าของซินเหยาเปลี่ยนทันที นางมองไปทางโจว๋หยูนถิงแล้วพูดขึ้นว่า “เว่ยโก๋กงคิดจะกบฏ ถ้าพวกเราเลือกเขางั้นก็เท่ากับว่าเข้าทางฮ่องเต้พอดี”
โจว๋หยูนถิงถึงนึกขึ้นได้ว่า ตนนั้นไม่รอบครบเท่าซินเหยา “ตอนนี้พวกเราควรวางแผนกันใหม่ ถ้าหากพวกเราถูกซ่างเหมิงกวนตามมาทันจะแย่เอาได้”
ซินเหยาพยักหน้า และคิดว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาหารือกัน จึงได้ตามโจว๋หยูนถิงจากไป
แต่เพราะความเจ็บปวดเมื่อครู่ของซินเหยาทำให้นางเซเข้าอ้อมกอดของโจว๋หยูนถิง เขาส่ายหัวไปมาแล้วดึงซินเหยาเข้ามาแล้วเหาะจากไป เขารู้ว่าซินเหยายังไม่หายดี และไม่อยากให้นางใช้กำลังภายในด้วย
เวลานี้ บรรยากาศในจวนแม่ทัพโจว๋นั้นตึงเครียดมาก ทุกคนมองไปทางคนที่นั่งอยู่ด้านบน
“พี่รอง พี่พูดอะไรสักอย่างสิ พี่ว่าฮ่องเต้หมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น จากการที่เขาพูดก็ดูรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่บ้าบิ่น อาจเป็นเพราะว่าเขาอายุยังน้อย
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดยังไง ถึงได้ส่งพวกเราไปในเวลาแบบนี้ และอีกอย่างชายแดนนั่นก็มีเว่ยโก๋กงคอยดูแลอยู่แล้ว นี่มันก็เกินไป” คนที่ถูกเรียกว่าพี่รองก็คือแม่ทัพใหญ่ในวันนี้คนที่มีอำนาจจัดการทุกอย่างใยจวนตระกูลโจว๋ แต่พอฟังเขาพูดก็รู้ว่าไม่มีที่พึ่ง
“น้องสี่อย่าพูดเหลวไหล พวกเราตระกูลโจว๋นับแต่อดีตมาพวกเรางรักภักดีมาตลอดอย่าได้วิจารณ์ราชโองการ” โจว๋จวู้นได้ฟังน้องอีกคนพูดขึ้นจึงได้ตักเตือน
คนนั้นขมวดคิ้ว “โอ้ว ถ้าพี่ใหญ่ยังอยู่ก็ดีสิ” พอเขาพูดจบพี่น้องทุกคนหันไปทางเขาทันที
“บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้พูดถึงทำไมเจ้าไม่ฟังกันบ้างเลย ระวังจะมีภัยเพราะปาก” พวกเขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
คนนั้นก็คิดได้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เขารีบหุบปากทันที
“งั้นจะทำอย่างไร” คนที่ถูกเรียกว่าโจว๋เวยหรือน้องสามพูดขึ้น
โจว๋จวู้นคิดไม่ออกจริงๆ น่าเสียดายที่ตอนนั้นอ่านหนังสือมาน้อย เวลานี้ถึงได้คิดหาวิธีอะไรไม่ได้เลย อีกอย่างตอนนี้ฮ่องเต้มีราชโองการแล้วด้วย ตนเองจะทำยังไงได้ล่ะ หรือจะให้ขัดราชโองการล่ะ
“ทำตามราชโองการ แต่ก็ส่งคนไปบอกเขาก่อน เรื่องนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะได้เตรียมตัวได้ทัน” ในที่สุดโจว๋จวู้นก็ตัดสินใจ บางทีนี่มันอาจจะดีที่สุดแล้วในตอนนี้
พี่น้องคนอื่นๆก็มีแต่คนที่เป็นวรยุทธ แน่นอนว่าไม่มีใครมีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว ทุกคนจึงได้พากันพยักหน้า
เว่ยโก๋กงได้รับราชโองการก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดงในที่สุดเขาก็รู้ว่าฮ่องเต้กำลังบีบบังคับให้เขาก่อกบฏ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีราชโองการที่บ้าบอนี่หรอก
“ฮื่ม นับแต่อดีตมาขุนนางห้ามเป็นพ่อค้า เจ้าเป็นถึงฮ่องเต้เจ้ารู้จุดนี้ดี คิดว่าข้าไม่มีวิธีแล้วหรือไง ข้าจะบอกเจ้าให้ ในมือข้ายังมีของดีอีกมากมาย พอถึงตอนนั้นถึงจะแพ้ เจ้าก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้ อีกอย่างพอถึงตอนนั้นเจ้าต่างหากที่ต้องมาคุกเข่าขอข้า” เว่ยโก๋กงได้รับราชโองการแล้วก็ด่าไปทั่ว หน้าดำหน้าแดง ทำให้พวกบ่าวไพร่ต่างพากันกลัว
เว่ยโก๋กงพูดจบก็วางราชโองการลงแล้วเดินไปทางเรือนลับนั่น
ครั้งนี้ เขาเดินตรงไปที่คนที่ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ว่าเจ้าจะบ้าจริงหรือแกล้งบ้า เจ้าก็หนีชะตาชีวิตไม่พ้นหรอกบังลังก์นี่ควรเป็นของใครเจ้ารู้ดีที่สุด จะว่าเจ้านี่ก็ไม่มีค่าเอาเสียเลย เจ้าจงรักภักดีแต่กลับถูกฮ่องเต้ทรยศ ฮ่าๆ แน่นอนว่าข้าเองก็มีส่วน แต่ถ้าไม่มีข้าตอนนี้ฮ่องเต้จะไปถึงไหนกันเชียว แต่จะว่าไปก็ไม่อาจมาถึงขั้นนี้ได้ดังนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้า” เว่ยโก๋กงมองดูคนที่ตอนนี้ผมยุ่งหเยิงบังหน้าบังตาไปหมดแล้วร้องออกมา สีหน้ายิ้มอย่างน่าขยะแขยง
ใบหน้าที่ถูกผมบังหมดปรากฏความรู้สึกขึ้นมาแต่เพราะผมบังจึงทำให้ไม่มีใครเห็น
เว่ยโก๋กงยังคงพูดเองเออเองอยู่คนเดียว
“อีกไม่นานข้าก็จะเคลื่อนพลแล้วเจ้าว่าถ้าให้ตระกูลโจว๋ของเจ้าร่วมด้วย งั้นก็เตรียมเปลี่ยนแซ่เป็นแซ่เว่ยได้เลย” เว่ยโก๋กงพูดถึงแผนการของเขา
“อ่อ ใช่แล้วเจ้าว่าถ้าให้ลูกหลานของเจ้ามาเห็นเจ้าในสภาพนี้พวกเขาจะก่อกบฏเลยไหม ฮ่าๆ” เว่ยโก๋กงหัวเราะอย่างกับคนบ้า
คนนั้นเหมือนจะฟังเข้าใจที่เว่ยโก๋กงพูด เขาเห่าด้วยเสียงที่น่ากลัว แต่เว่ยโก๋กงกลับดีใจ
พอออกมาจากห้องลับนั่นเว่ยโก๋กงก็ตรงไปที่สถานที่ลับอีกที่หนึ่งทันที แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนตามหลังเขามาด้วย เขาสะเพร่าในจุดนี้ คนเราไม่ควรดีใจเกินไปจนประมาท
“พวกเจ้าเก็บของเหล่านี้ให้ดีๆ ข้าเตรียมที่จะทำศึกแล้ว พวกเจ้าต้องเร่งมือหน่อย พอถึงเวลาก็ร่วมมีความสุขไปกับข้าด้วยกันฮ่าๆ” หลังจากที่เว่ยโก๋กงไปบ้าคลั่งที่โน่นมาแล้วก็มาต่อที่นี่
“ขอฝ่าบาททรงอายุยืนนานหมื่นปีหมื่นหมื่นปี” ทุกคนต่างพากันคุกเข่าแล้วพูดสรรเสริญ
นี่ทำให้เว่ยโก๋กงรู้สึกได้ถึงการที่ตนได้เป็นฮ่องเต้ ความรู้สึกที่อยู่บนที่สูงมันเป็นเช่นนี้เอง ตอนนี้เขาก็เหมือนกับฮ่องเต้ที่กำลังรับการถวายอยู่
“เจ้าส่งนกพิราบไปบอกข่าวให้เหล่าขุนนางรู้ ให้พวกเขาเตรียมตัว พอถึงเวลาก็ลากฮ่องเต้อำมหิตนั่นลงมา” เว่ยโก๋กงดึงคนหนึ่งเข้ามาแล้วสั่งเขา
คนนั้นรีบทำตามที่เว่ยโก๋กงสั่งทันที
เว่ยโก๋กงมองดูทุกอย่างที่นี่ อาวุธ แล้วก็ธนูของที่ควรเตรียมเขาก็เตรียมไว้หมดแล้ว ขนาดชุดมังกรเขายังทำเสร็จแล้วเลย เหลือแค่เข้ากรมทหารแค่นั้นเอง
คนที่ตามเว่ยโก๋กงเข้ามาก็ไม่ได้อยู่นานพอเข้าใจสถานการณ์แล้วเขาก็รีบออกมา
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่ร็คือ เว่ยโก๋กงจะต้องเข้ากรมแล้วของพวกนี้จะเอาไปไว้ที่ไหน เขาต้องกลับไปรายงาน แต่นอกจากที่จะรู้ว่าเว่ยโก๋กงมีคนอยู่เท่าไหร่และมีอาวุธมากน้อยแค่ไหนแล้วเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
คนนั้นกลับไปรายงานให้กับซ่างกวนเหมิงห้าว
ซ่างกวนเหมิงห้าวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คิดจะกบฏ งั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหน เจ้าคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้วหรือ”
“เข้ามา พวกเจ้ารีบไปบอกให้เหล่าทหารเพิ่มการรักษาการเมืองหลวง แต่อย่าให้ใครรู้ ข้าอยากรู้นักว่ามีใครบ้างที่ร่วมมือกับเว่ยโก๋กง ข้าจะได้จัดการได้ทีเดียว” ชายชุดดำคนหนึ่งได้ยินซ่างกวนเหมิงห้าวเรียกก็โผล่มาตรงหน้าของเขาทันที หลังจากรับคำสั่งเสร็จก็หายตัวไปในพริบตา ไปมาราวกับผี นี่สินะที่เขาเรียกว่าองครักษ์ลับของราชวงศ์
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูหยกครึ่งซีกที่อยู่ในมือ “ซินเหยา รอข้า ครั้งหน้าข้าจะไม่ให้เจ้าหนีไปอีกแล้ว” ซ่างกวนเหมิงห้าวเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอบอุ่นทันที ซึ่งต่างจากเมื่อครู่ที่ดูดุดัน เขามองมองไปไกลด้วยความกังลว แต่ก็มั่นใจ และเป็นห่วง ความรู้สึกเช่นนี้คือความรู้สึกที่ฮ่องเต้ทุกคนล้วนมีกัน เหมือนกับตอนนั้นที่ซินเหยาหายตัวไป
การกลับมาพบกันของทั้งสอง วันนี้ได้นำพาตระกูลโจว๋เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เหมือนกับเรื่องราวในตอนนั้นที่เอาเว่ยโก๋กงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บางครั้งมันไม่มีทางเลือกจริงๆ
เวลานี้ซินเหยาและโจว๋หยูนถิงที่ใช้เวลาทั้งคืนกลับจากเมืองหลวงไปยังชายแดน นั่งอยู่ในสวนดอกไม้อย่างสงบ
“พี่ทำไมถึงมาอยู่ชายแดนแบบนี้” ซินเหยาความจำเสื่อมทำให้นางจำในหลายๆเรื่องไม่ได้ ตอนนี้มาถามคำถามนี้ทำให้โจว๋หยูนถิงรู้สึกลำบากใจ แต่แท้จริงแล้วคือไม่อยากให้โจว๋หยูนถิงต้องมาแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ซินเหยาเกิดเรื่องโจว๋หยูนถิงก็ไม่อยากให้ซินเหยาต้องมาได้รับอันตรายใดๆอีก ครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะซินเหยาไปเจออะไรมา นางก็คงไม่ต้องมาเจอกับอันตรายอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ยังสืบหาความจริงเกี่ยวกับตอนนั้นไม่ได้ และเขาเองก็รู้เรื่องเพียงนิดเดียว ดูท่าคงต้องวางแผนให้ดีๆแล้ว
“ซินเหยาเจ้าว่าครั้งนี้จะทำอย่างไรดีถึงจะดึงความสนใจของฮ่องเต้ได้แล้วเข้าวัง” โจว๋หยูนถิงรีบเลี่ยงคำถามของซินเหยาทันที แล้วถามคำถามของตน แต่คำถามนี้ซินเหยาได้คิดเอาไว้ก่อนแล้ว ทำเอง นางจะต้องเข้าร่วมด้วยแน่ มีตนอยู่ข้างกายนางตนจะไม่ยอมให้นางเป็นอะไรไปอีก
ซินเหยารู้ว่าโจว๋หยูนถิงจะต้องทำเช่นนี้ “พี่”
นางยังพูดไม่ทันจบก็มีนพิราบตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ไหล่ของโจว๋หยูนถิง
โจว๋หยูนถิงขมวดคิ้ว แล้วหยิบเอากระดาษที่ตีนนกมา
พอเขาดูหมดสีหน้าก็เปลี่ยนทันที
ซินเหยาเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป นางก็รีบแย่งกระดาษในมือเขามาดู แต่ซินเหยาดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ฮ่องเต้เคลื่อนพล นี่มันหมายความว่าอะไร
“พี่ ตระกูลโจว๋ พี่แซ่โจว๋ งั้นก็………” ซินเหยาพูดยังไม่ทันจบก็ปิดปาก นางรู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
“พี่เป็นคนตระกูลโจว๋ ทำไมฮ่องเต้ยังไม่สนใจพี่อีก” คำถามนี้ของซินเหยาตามได้ตรงจุดพอดี เป็นทั้งแม่ทัพแล้วยังเป็นพ่อค้าอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเศรษฐี ทำไมฮ่องเต้ยังไม่สงสัยอีกนะ นี่มันสามารถกบฏได้เลย
โจว๋หยูนถิงคิดไม่ถึงว่าถึงแม้ซินเหยาจะความจำเสื่อมแต่นางก็ยังคงฉลาดและมองออกทุกเรื่อง
โจว๋หยูนถิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แน่นอนว่าฮ่องเต้ไม่รู้ ไม่เช่นนั้นตระกูลโจว๋จะยังคงอยู่ได้หรือ คนอย่างเขา ที่อายุพึ่งจะสิบขวบก็ฆ่าคนราวกับผักปลา เจ้าคิดว่าเขาจะใจดีมีเมตตากับตระกูลโจว๋มั้ย เพียงแต่ว่าตอนนี้ตระกูลโจว๋สามารถช่วยปกป้องบังลังก์ให้เขาได้และยังไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะคิดกบฏอีก เพราะมีแต่พวกที่มีวรยุทธพวกเขาจะทำอะไรได้”
ซินเหยาได้ฟังโจว๋หยูนถิงพูดก็ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้น จนถึงขั้นโกรธ และงง
“พี่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ซินเหยางงไปหมดแล้ว ฟังโจว๋หยูนถิงพูด นางเหมือนจะเห็นเด็กน้อยอายุสิบขวดถือมีดฆ่าคน ทำให้นางอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
โจว๋หยูนถิงส่ายหัวไปมา “เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายให้เจ้าฟังได้ในเวลาอันสั้นนี้ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้ายังต้องสืบ เรื่องนี้เป็นอย่างไร ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ข้าคิดว่าเรื่องที่เจ้าเกิดเรื่องต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ แต่ขอแค่ให้เจ้ากลับมาจำได้เหมือนเดิม เอาแบบนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูของสิ่งหนึ่ง บางทีมันอาจจะช่วยให้เจ้าจำอะไรได้บ้าง”
โจว๋หยูนถิงพูดไปพลางดึงมือซินเหยาไปในที่ที่หนึ่ง
“ว้าว นี่คืออะไร น่ารักจัง” โจว๋หยูนถิงพาซินเหยามายังห้องห้องหนึ่ง นางยังไม่ทันตั้งตัวก็มีตัวอะไรน่ารักๆกระโดดเข้ามาหานาง