พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่788 ต่างก็หวังดีกับเธอ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่788 ต่างก็หวังดีกับเธอ
บทที่788 ต่างก็หวังดีกับเธอ
เวลาสามวันผ่านไปในพริบตา
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่รพีพงษ์จะท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย
ห้าตระกูลใหญ่ในสามวันนี้ ต่างก็วางแผนรับเรียบร้อย และมั่นใจว่าจะเอาชีวิตรพีพงษ์ได้
เช้าตรู่ที่สนามกีฬาโรงยิมธารไนน์ที่นั่งถูกจัดไว้เต็ม ผู้ชมจำนวนมากเบียดเสียดกันอยู่ในสนามกีฬา ต่างก็รอชมการประลองวันสุดท้ายของรพีพงษ์
คนของห้าตระกูลใหญ่นั่งประชิดเวที พวกบดีศวรห้าคนสีหน้าล้วนมีความมั่นใจ ราวกับจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าก่อนหน้าต่างก็กังวลใจเพราะรพีพงษ์
ส่วนในตอนนี้ข้างกายพวกเขาเพิ่มชายชุดคลุมดำมาอีกคนหนึ่ง การปรากฏตัวของเขา ทำให้บริเวณโดยรอบอึมครึม
ฉายสุดานั่งข้างบดีศวร สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเล ผ่านไปสักครู่ จึงเปิดปากพูดกับบดีศวรว่า“คุณปู่คะ เราอย่าให้รพีพงษ์ลำบากใจเลย ระยะนี้หนูไปสืบข่าวรพีพงษ์มา รู้สึกว่าเขาไม่น่าใช่คนชั่วร้ายขนาดนั้น ได้ยินมาว่าด้วยความรักเมีย เขายอมแต่งเข้าบ้านเมียไปให้คนว่าเป็นแมงดา โดนดูถูกเหยียดหยาม เขาก็ยังคงมีความมั่นใจ คนแบบนี้ น่าจะไม่ทำอะไรเลวร้ายกับเรานะคะ”
บดีศวรฟังคำพูดฉายสุดา สีหน้าขรึม พูดขึ้นคำหนึ่ง“เจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ความโหดร้ายของมนุษย์ เขาดีกับเมีย ไม่ได้หมายความว่าเขาดีกับเรา การมีตัวตนของเขา เป็นภัยอันตรายต่อห้าตระกูล จึงต้องกำจัด”
“แต่ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเรานี่คะ”ฉายสุดาพูด
“เขาฆ่าปรมาจารย์สองคนของตระกูลภูธน ทำให้ตระกูลภูธนอับจน แค่นี้ยังไม่พอหรือ”บดีศวรเปิดปากพูด
“แต่เท่าที่หนูรู้ รพีพงษ์กับบ้านภูธนมีบุญคุณความแค้นต่อกัน และตระกูลภูธนมาหาเขาก่อนถึงที่ รพีพงษ์ไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ คนของตระกูลภูธนเป็นฝ่ายมาฆ่าเขา เขาจะปล่อยให้คนอื่นมาฆ่าเขาไม่ได้นี่คะ”ฉายสุดาโต้กลับเท่าที่ตัวเองได้รู้มาในไม่กี่วันนี้
บดีศวรเองก็ไม่รู้ควรตอบฉายสุดายังไง
นิ่งงันไปนาน บดีศวรจึงพูดกับฉายสุดาอย่างหนักแน่น“สุดา เจ้ายังเด็ก อย่าดูแค่ผิวเผิน รพีพงษ์เป็นศิษย์ของปิศาจวฤทน์ธม ขอแค่เกี่ยวกับวฤทน์ธม ไม่มีอะไรดีหรอก และพื้นฐานคนๆนี้น่ากลัว ถ้าปล่อยให้เขาเติบโต ต่อไปพวกเราห้าตระกูลใหญ่ ก็จะไม่มีที่ยืน ดังนั้นพวกเราต้องรีบกำจัดเขาก่อน”
ฉายสุดารีบก้มหน้า แววตาผิดหวัง บ่นพึมพำ“สุดท้ายแล้ว รพีพงษ์ไม่ได้ทำะอะไรผิด แค่เป็นตัวอันตราย ก็ต้องถูกกำจัด เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเราต่างหากที่ไปทำความเดือดร้อนให้เขา แถมยังต้อนเสียจนมุม”
บดีศวรได้ฟังคำฉายสุดา ร้อนใจขึ้นมา ข้อแรกเป็นเพราะเขาเห็นว่าที่ฉายสุดาพูดนั้นไม่ผิด ตั้งแต่ต้นจนจบ รพีพงษ์ไม่ได้มาหาเรื่องห้าตระกูลใหญ่เลย พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน
อีกเรื่องคือ หลานสาวตัวน้อยเริ่มกล่าวโทษเขา ทำให้เขารับไม่ได้
“เด็กแค่นี้รู้เรื่องอะไร ธนัช พาเธอกลับโรงแรมแสงจันทร์ เรื่องที่นี่ไม่ต้องยุ่ง”บดีศวรหันกลับไปทางชายวัยกลางคน
คนๆนั้นรีบพยักหน้า จับแขนฉายสุดาไว้ พาเดินออกนอกสนาม
ธเยศที่นั่งข้างๆบดีศวรมองทีหนึ่ง เอ่ยปากพูด“สุดายังเด็กไม่รู้ความในโลกหล้า”
บดีศวรพยักหน้าพูด“โตหน่อยก็เข้าใจเอง ตอนนี้ที่ผมทำทั้งหมด ก็เพื่อเธอทั้งนั้น”
“สิ่งที่พวกเราเตรียมวันนี้จะไม่เต็มที่ก็ไม่ได้ รพีพงษ์ต้องตายด้วยน้ำมือเรา”ชเยศพูด
บดีศวรพยักหน้ สายตาตกไปที่ชายชุดคลุมดำ แววตาสงบนิ่ง
ชายชุดคลุมดำซ่อนตัวในชุดคลุม ไม่มีใครเห็นสีหน้าเขา เวลานี้เขากำลังยิ้มเย้ยหยัน ไม่รู้คิดไร
ไม่นาน รพีพงษ์ปรากฎตัวในสนาม พอขึ้นเวที ทั้งสนามปรบมือกึกก้อง
“หึ ให้มันลำพองต่ออีกหน่อยเถอะ ผ่านพ้นวันนี้ มันก็ไม่มีโอกาสลำพองแล้ว”ทัดเทพแห่งตระกูลตะกั่วทุ่งกล่าว
รพีพงษ์กวาดตามองรอบสนาม สายตาตกไปที่ห้าตระกูลใหญ่ เขารู้ดีแก่ใจว่าวันนี้ห้าตระกูลใหญ่เตรียมพร้อมมาเต็มที่ แต่เขาไม่กังวลใจ ไม่ว่าห้าตระกูลใหญ่จะใช้วิธีไหน เขาก็จะยอมรับ
ในตอนที่สายตาเขาตกอยู่ที่ชายชุดคลุมดำ เขาชะงัก ถ้าจำไม่ผิด ในไม่กี่วัน บรรดาห้าตระกูลใหญ่ไม่มีคนๆนี้
ชายชุดคลุมดำให้ความรู้สึกสังหาร เหมือนงูพิษ ที่มักเอาชีวิตได้ทุกขณะ
เขาไม่ได้ใส่ใจชายชุดดำมากนัก พอรพีพงษ์ตั้งสติ การประลองของวันนี้จึงประกาศออกไป และเชิญยอดฝีมือขึ้นเวที
ไม่นาน ปรมาจารย์ฝีมือสูงคนหนึ่งขึ้นเวที เริ่มประลองกับรพีพงษ์
วันนี้ยอดฝีมือที่มาปะทะฝีมือกับรพีพงษ์ ผ่านการคัดสรรอย่างดีจากห้าตระกูลใหญ่ พวกเขาเรียกปรมาจารย์ที่ฝืมือสูงสุดมา ให้มาร่วมกันขจัดรพีพงษ์
พอการประลองยกที่หนึ่งเริ่ม รพีพงษ์จึงรู้สึกกดดัน
แต่ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ รพีพงษ์ยิ่งดีใจ คนต้องอยู่ต่อหน้าวิกฤตเท่านั้น จึงจะแสดงฝีมือออกมาเต็มที่ ถ้าวันๆมาเจอแต่พวกกระจอก ความสามารถจะพัฒนาได้อย่างไร แถมฝีมือยังต้องตกต่ำอีก
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่พอเทียบกับประมุขทั้งห้าก็ยังอ่อนแออยู่ดี รพีพงษ์จึงชนะได้อย่างง่ายดายการประลองยกที่หก ทัดเทพที่เคยแพ้ขึ้นเวที ทำให้ทั้งเวทีปรากฏเสียงกึกก้อง
“ถ้าจำไม่ผิด คุณเคยแพ้ให้ผมครั้งหนึ่ง หรือว่าอยากจะแพ้อีกครั้งหนึ่ง”รพีพงษ์มองทัดเทพ เอ่ยถามทัดเทพแค่นหัวเราะ พูด“ในเมื่อกล้าขึ้นอีกรอบ แปลว่ามั่นใจว่าชนะ มีกฏด้วยเหรอว่าประลองแพ้ห้ามขึ้นอีกรอบ”
รพีพงษ์เบ้ปากพูด“งั้นคุณต้องแพ้รอบสองแล้วล่ะ”
ทัดเทพยิ้มเอมใจ จากนั้นหยิบยาเม็ดหนึ่งออกจากเสื้อ ใส่ปากตนเอง
“รพีพงษ์จะบอกอะไรให้ วันนี้เป็นวันตายของแก ต่อให้แกมีความอดทนแค่ไหน ก็ชนะไปไม่ได้!”
รพีพงษ์หรี่ตา ในใจรู้สึกไม่สงบ
จากนั้น ทัดเทพสีหน้าแดงก่ำ กระโจนตัวขึ้น สูงกว่าตำแหน่งที่เขายืน