มู่หนานจือ - บทที่ 226 แข็งกร้าว
“ใต้เท้าฉีบอกว่า ลูกเขยรวมเงินได้ครบก็พอแล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะให้ฟางป๋าล่า รองแม่ทัพใต้บังคับบัญชาสวมชุดผ้าเนื้อหยาบ รับผิดชอบขนเงินมา” แม้หลิวตงเยว่จะมาถ่ายทอดคำพูด แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมอย่างบอกไม่ถูก และคิดว่าหลี่เชียนอาจจะไม่ชอบได้ยินเรื่องแบบนี้ เสียงของเขาจึงเจือความลังเลเล็กน้อย “ให้ลูกเขยไม่ต้องกังวลว่ากำลังคนจะไม่พอ ทิ้งคนไว้เตรียมงานแต่งที่ไท่หยวนมากหน่อยก็ได้ ไว้วันที่ส่งตัว พวกฟางป๋าล่าจะปลอมตัวเป็นลูกหาบ ส่งสินเดิมของท่านหญิงไปยังไท่หยวน”
นี่เห็นได้ชัดว่าคิดว่าตระกูลหลี่ไม่มีความสามารถในการปกป้องทรัพย์สินชุดนี้
หลี่ไท่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ส่วนเซี่ยหยวนซีมองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง
หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องของข้า ข้าย่อมรับผิดชอบได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นช่วยเหลือ ดังนั้นจึงต้องขอให้เจ้าไปที่กองบัญชาการอีกครั้ง และบอกว่าคนที่ส่งสินสอดกับรับสินเดิมนั้นตระกูลหลี่จัดไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ขอบคุณใต้เท้าฉีมากที่เป็นห่วง หายากที่ครั้งนี้ท่านกั๋วกงน้อยจะอยู่ที่ต้าถงด้วย แถมมีสุรามงคลให้ดื่มอีก ให้พวกแม่ทัพฟางดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านกั๋วกงน้อยให้เต็มที่ดีกว่า”
นี่เท่ากับว่าหลี่เชียนปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม
หลิวตงเยว่ร้องไห้อยู่ในใจตลอด
เดิมทีใต้เท้าฉีไม่ได้พูดแบบนี้
ตอนนั้นใต้เท้าฉีแผดเสียงใส่ฮูหยินฉีว่า ‘ปกป้องแม้กระทั่งสินเดิมของภรรยาตนเองไม่ได้ แล้วจะต้องการเขาไปทำไม? เจียหนานยังมีความจำเป็นอะไรต้องแต่งไป’ ทำให้ฮูหยินฉีตกใจแทบแย่ จนเกือบจะเข้าไปปิดปากใต้เท้าฉีแล้ว สุดท้ายฮูหยินฝางพูดแล้วพูดอีก ใต้เท้าฉีถึงจะยอมแพ้ และให้เขามาแจ้งข่าวกับหลี่เชียน
หลังจากเขาพบหลี่เชียนแล้ว กว่าจะเอ่ยคำพูดของใต้เท้าฉีให้อ้อมค้อม สุภาพ และเหมาะสมได้ก็ไม่ง่ายเลย ใครจะรู้ว่ากลับถูกใต้เท้าหลี่ปฏิเสธเหมือนหน้าเนื้อใจเสือ
เดี๋ยวเขากลับไป ยังต้องคิดหาทางเรียบเรียงคำพูดของหลี่เชียนให้นุ่มนวลอีก
แทรกอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยากทั้งนั้น งานนี้ไม่ใช่งานที่ให้ใครทำก็ได้จริงๆ!
หลิวตงเยว่ก้มหน้าลงและกลับไป
หลี่ไท่เป็นห่วงหลี่เชียน จึงเอ่ยว่า “ใต้เท้าฉีก็หวังดีเช่นกัน ท่านตอบเขาไปแบบนี้ เขาจะโกรธหรือไม่! เจิ้นกั๋วกงให้ท่านหญิงเจียหนานออกเรือนจากกองบัญชาการต้าถง จะเห็นได้ว่าใต้เท้าฉีไม่เพียงแต่ช่วยเหลือเจิ้นกั๋วกงเอาไว้ ทว่าทั้งสองคนยังสนิทสนมกันมากด้วย จนถึงวันนี้ท่านยังไม่ได้เข้าพบเจิ้นกั๋วกงกับไทฮองไทเฮาอย่างเป็นทางการ หากเขาใส่ร้ายป้ายสีท่านต่อหน้าทั้งสองท่านก็ยุ่งยากแล้ว!”
หลี่เชียนคิดว่าตั้งแต่คนที่อยู่ข้างกายรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับท่านหญิง ก็เริ่มกลัวว่าได้มาแล้วจะเสียไปอีก เรื่องที่เดิมทีง่ายมากก็กลายเป็นซับซ้อนขึ้นมาเช่นกัน
“เจ้ากังวลมากไปแล้ว!” เขาเอ่ยว่า “ในหมู่ขุนนางและชนชั้นสูงในเมืองหลวง เจิ้นกั๋วกงมีชื่อเสียงเรื่องทำอะไรมีเหตุผลและเข้าใจเจตนาของคนอื่นดี ส่วนใต้เท้าฉีก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นซานซีวุ่นวายขนาดนี้ พวกเราอยากยืนหยัดที่ซานซี เมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าแห่งก็ไม่เคยสนใจความสงบเรียบร้อยของพื้นที่แถบนี้ พวกเราก็จะได้ฉวยโอกาสนี้ฝึกปรือฝีมือด้วย ดูสิว่าใครมันไม่ใช้ตาดูและกล้าบุกเข้ามาบ้าง”
หลี่เชียนพูดไป ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาอยู่แล้วก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่เจือรอยยิ้มอย่างเบาบางทอประกายเย็นยะเยือก ราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝัก แสงอันเย็นยะเยือกคุกคามคน
หลี่ไท่หวาดกลัวจนตัวสั่น
—
และแม้ว่าหลิวตงเยว่จะพูดจาอย่างนุ่มนวล ถ่อมตน และสุภาพ ฉีเซิ่งก็ยังฟังความเคร่งขรึมและเย่อหยิ่งของหลี่เชียนในนั้นออกอยู่ดี
เขาอดที่จะชมไม่ได้ “นี่ถึงจะเป็นมาดที่ลูกเขยตระกูลเจียงควรมี!”
หลิวตงเยว่โล่งอก และรีบถามว่า “เช่นนั้นแม่ทัพฟาง…”
“เช่นนั้นก็ตามที่ลูกเขยใหญ่ของพวกเจ้าต้องการ ให้เขาดื่มสุราเป็นเพื่อนซื่อจื่อ!” ฉีเซิ่งเอ่ยอย่างกล้าได้กล้าเสียว่า “โจรพวกนั้นไม่มาก็จบ หากกล้ามา ข้าก็กำลังกลุ้มว่าใกล้จะปีใหม่แล้ว ยังขาดคนอีกหลายคนที่จะแย่งชิงความดีความชอบของคนอื่นมาเป็นของตนเองอยู่เลย!”
หลิวตงเยว่วางใจแล้ว จึงไปพบเจียงเซี่ยน และเล่าเรื่องนี้ให้เจียงเซี่ยนฟังอย่างละเอียด
แต่ไหนแต่ไรมาเจียงเซี่ยนไม่เคยกังวลว่าหลี่เชียนจะต้องพบกับทางตันเลย พอส่งหลิวตงเยว่ออกไปแล้ว จึงป้อนอาหารให้นกขมิ้นที่หลี่เชียนมอบให้นาง
เซียงเอ๋อร์เข้ามาบอกนางว่า “หม่าเซี่ยงหย่วนแม่ทัพเมืองเซวียนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
ฝีมือของชีกูไม่ต้องพูดถึง เซียงเอ๋อร์กับจุ้ยเอ๋อร์ก็เฉลียวฉลาดกว่าสาวใช้ทั่วไปเช่นกัน หลังจากไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อมาแล้ว นางจัดให้ทั้งสองคนเข้าเวรอยู่หน้าประตู และรับผิดชอบเรื่องรายงานโดยเฉพาะ ประการแรกจะได้ฝึกสายตาของทั้งสองคน ประการที่สองจะได้ขัดขวางแขกที่นางไม่อยากพบ แถมยังสามารถเดินไปตามทางรอบๆ และสืบข่าวได้เล็กน้อยด้วย
หม่าเซี่ยงหย่วนผู้นี้ค่อนข้างพิเศษในใจเจียงเซี่ยน
นางสงสารที่เขาถูกน้องชายของคนสกุลฟางใส่ร้าย และสูญเสียภรรยากับลูกชายไป แล้วก็เกลียดที่เขาไปพึ่งพาอาศัยชนกลุ่มน้อยทางเหนือ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นความตายของประชาชนทั่วไป สุดท้ายถูกหลี่เชียนใช้แผนยุยงให้ศัตรูเกิดความขัดแย้งกันเอง จึงถูกปู้รื่อกู้เต๋อประมุขของชนกลุ่มน้อยทางเหนือตัดศีรษะและแขวนไว้บนเสาธง ส่วนศพก็ถูกทิ้งไว้ในทะเลทรายและถูกนกอินทรีกินแล้ว จึงลงเอยด้วยศพไม่สมบูรณ์
ยังดีที่ชาตินี้คนสกุลฟางไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ‘ฮูหยินเฟิ่งเซิ่ง’ น้องชายของคนสกุลฟางก็ไม่รู้ว่าขุดดินกินอยู่ที่ใดเช่นกัน
เจียงเซี่ยนถามเซียงเอ๋อร์ “รู้ว่าเขามาทำไมหรือไม่?”
เซียงเอ๋อร์เอ่ยว่า “บอกว่าได้ยินว่าท่านออกเรือนจากที่นี่ จึงตั้งใจมาแสดงความยินดีโดยเฉพาะ แถมยังบ่นว่าหลายวันก่อนตอนที่เขาให้คนส่งสำเนาเอกสารราชการให้ใต้เท้าฉี ใต้เท้าฉีก็ไม่บอกเขาแม้แต่คำเดียว กำลังโวยวายให้ใต้เท้าฉีเลี้ยงเหล้าอยู่เจ้าค่ะ!”
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เขามาคนเดียวหรือ?”
เซี่ยงเอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เขายังพากุนซือคนหนึ่งและองครักษ์อีกหลายคนมาด้วยเจ้าค่ะ”
ตามหลักแล้ว โอกาสแบบนี้เขาควรจะพาหยางเหวินอิงมาถึงจะถูก…แสดงว่าความสัมพันธ์ของหยางเหวินอิงกับหม่าเซี่ยงหย่วนไม่ดีนัก!
เจียงเซี่ยนสมองกำลังแล่นอย่างเร็วมาก นางป้อนอาหารให้เจ้านกอย่างเหม่อลอย ทำให้เจ้านกกระพือปีกและร้องตลอด เสียงดังกังวาน นุ่มนวล และไพเราะราวกับเครื่องดนตรี
นางอดที่จะหัวเราะไม่ได้
นางชี้ทางให้หลี่เชียนอย่างชัดเจน ส่วนสุดท้ายควรจะทำอย่างไร ทำหรือไม่ทำ นั่นก็เป็นเรื่องของหลี่เชียนแล้ว
เพราะการปรากฏตัวของนาง เฉาไทเฮาถึงมีชีวิตอยู่ต่อไป
ใครจะรับประกันได้ว่าหลี่เชียนจะได้ไม่รับผลกระทบ?
บางทีเขาเป็นบุรุษธรรมดาทั่วไป และใช้ชีวิตธรรมดาๆ กับนาง นางกลับจะมีความสุขมากกว่า
เจียงเซี่ยนแหย่ให้นกร้อง
อีกสองวันก็เข้าสู่เดือนห้าแล้ว วงการราชการซานซีต่างรู้แล้วว่าหลี่เชียนลูกชายคนโตของหลี่ฉางชิงที่เคยเป็นองครักษ์ในวังได้รับความโปรดปรานจากเฉาไทเฮา นางเป็นคนตัดสินใจให้ท่านหญิงเจียหนานหมั้นกับหลี่เชียน
กองบัญชาการต้าถงมีผู้คนไปมาทุกวัน คนที่แสดงความยินดีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย แม้แต่เจียงลวี่ก็ตะโกนเสียงดังว่าทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน และหลบไปอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินฝางที่เรือนด้านในแล้ว
เจียงเซี่ยนอ้างว่าตนเองเป็นเด็กสาวที่กำลังจะออกเรือน จึงยิ่งไม่มีทางที่จะไปพบปะแขกเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด
สงสารฮูหยินฉี ฉีตาน และฉีซวงที่ยุ่งจนหัวหมุน ฮูหยินฝางก็ยังมีอารมณ์ลากเมิ่งฟางหลิง ไป๋ซู่ และเจียงเซี่ยนไปเล่นไพ่อีก
ฮูหยินฝางเป็นห่วงหลี่เชียนที่ไปรับสินสอดอยู่ตลอดเวลา “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปถึงไหนแล้ว? เจอโจรปล้นหรือไม่? สองวันนี้ก็ไม่ได้ข่าวเลย ข้ารู้สึกกังวลมาก!”
หากเกิดอะไรขึ้นกับหลี่เชียนเพราะสินสอดนี้แล้วจะให้เจียงเซี่ยนใช้ชีวิตอย่างไร?
นางนึกถึงการตายขององค์หญิงอันติ้ง
แล้วก็รีบส่งเด็กรับใช้คนหนึ่งไปรอที่หน้าประตู “…ไม่มีข่าวของลูกเขยใหญ่ เจ้าก็รอไปกวาดเรือนด้านหลังไปเถอะ!”
เด็กรับใช้โล่งอก และไปสืบข่าวของหลี่เชียนที่เรือนด้านนอก
ถึงตอนกลางคืน เขาก็มาแจ้งข่าวกับฮูหยินฝางอย่างดีใจและมีความสุขมากว่า “ฮูหยิน พวกใต้เท้าหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ”
ฮูหยินฝางวางใจแล้วก็อดที่จะอยากรู้ขึ้นมาอีกไม่ได้ จึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกใต้เท้าหลี่เจอโจรปล้นระหว่างทางหรือไม่?”
“แน่นอนว่าเจอขอรับ” เด็กรับใช้เอ่ยอย่างภูมิใจมากว่า “ได้ยินว่าพวกโจรแต่ละคนเหมือนคนโหดเหี้ยมมาก แต่เจอเหล่าองครักษ์ของตระกูลหลี่ ก็ไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว และถูกองครักษ์ของตระกูลหลี่สังหารหมดแล้ว บนเส้นทางที่ใช้สำหรับส่งเอกสารราชการและมีจุดพักหรือจุดเปลี่ยนม้าตั้งอยู่ระหว่างทางจากไท่หยวนถึงต้าถงมีคนถูกฆ่าไปมากมายเลยขอรับ!”
———————————–