ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 851 ก่อนออกรบ
ตอนที่ 851 ก่อนออกรบ
ไจแอนท์และคนอื่นๆก็ก้าวไปข้างหน้าและมองดูแผนที่อย่างระมัดระวัง
“เมื่อสองวันก่อนแดนนี่บอลล์หนีการปิดล้อมของเราและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย..แต่จากการคาดเดาของเราพิกัดทั้งสามแห่งนี้น่าจะเป็นแหล่งกบดานของพวกมัน..ที่นี่คือหนองน้ำและมีงูกับแมลงพิษทุกชนิด..ซึ่งมันเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่รู้จักมากมาย ที่นี่เป็นเหมือนป่าดึกดำบรรพ์..ผมเชื่อว่าพวกมันน่ากบดานจะอยู่ที่นี่..ที่นี่คือพื้นที่เขตทะเลทรายเพราะงั้นพวกมันจะไม่โง่พอที่จะเข้ามาที่นี่และมันไม่ง่ายเลยที่จะหลบหนีไปจากการปิดล้อมของพวกเรา” เบรนเดนพูด
“คุณแค่ต้องบอกเราเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกมัน..ส่วนที่เหลือมันไม่ใช่การพิจารณาของพวกคุณ” ไจแอนท์พูด “พวกเขาใช้อาวุธอะไร”
เบรนเดนตกตะลึงไปกับคำพูดของไจแอนท์และถอนลมหายใจด้วยความโกรธแต่ก็ยังตอบว่า “พวกมันทั้งหมดมีอาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดของสหรัฐอเมริกา..นอกจากปืนกลเบากับปืนกลหนักแล้วมันยังมีบาซูก้าและเครื่องยิงระเบิดอีก..คราวที่แล้วเราไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดเราจึงประสบความสูญเสียครั้งใหญ่จากพวกมัน”
“นี่!” ไจแอนท์หยิบปากกาในมือของเบรนเดนและวาดวงกลมบนแผนที่แล้วพูดว่า “ความเป็นไปได้ที่พวกมันจะอยู่ที่นี่มีสูงมาก”
“เป็นไปไม่ได้เพราะที่นี่คือทะเลทรายพวกเขาจะเข้าไปในทะเลทรายพร้อมกับอาวุธแบบนั้นได้ยังไง..ร้อนขนาดนั้นพวกมันเข้าไปฆ่าตัวตายชัดๆ” เบรนเดนพูด “ทะเลทรายแห่งนี้พื้นที่กว้างมากและไม่มีโอเอซิส..ซึ่งจากรายงานสภาพอากาศล่าสุดก็มีแนวโน้มที่จะเกิดพายุทรายและไม่มีทางที่พวกมันจะรอดไปได้..พวกมันไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“เสี่ยงตายดีกว่ายอมตายเฉยๆ” ไจแอนท์พูด “คุณเองก็น่าจะคิดได้เพราะถ้าพวกมันอยู่ในพื้นที่แบบป่าเขาและโดนปิดล้อมทั้งเข้าและทางออกพวกมันก็จะต้องตายอย่างแน่นอน..แต่ทะเลทรายแบบนี้แตกต่างออกไปเนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะปิดล้อมทุกทิศทางได้อย่างสมบูรณ์..นอกจากนี้เท่าที่ผมรู้มันยังมีโอเอซิสเล็กๆที่นี่ซึ่งพวกมันสามารถกบดานได้”
เบรนเดนชำเลืองมองดูไจแอนท์ด้วยความประหลาดใจและดูเหมือนไม่เชื่อ จากนั้นเขาก็พูดว่า “เป็นไปไม่ได้..มันไม่มีโอเอซิสในทะเลทรายแห่งนี้เลย”
ไจแอนท์ก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมเคยเดินทางข้ามทะเลทรายแห่งนี้ด้วยการเดินเท้ามาแล้วและที่นี่มันก็มีโอเอซิสเล็กๆ ประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรอยู่จริงๆและที่สำคัญกว่านั้นวิสัยทัศน์การมองเห็นในทะเลทรายค่อนข้างกว้างและถ้ามีคนตามล่าพวกมันล่ะก็มันจะสามารถรู้ได้อย่างรวดเร็ว..นอกจากนี้เนื่องจากทะเลทรายเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเพราะงั้นหากจะเข้าไปเราจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และสำหรับพวกมันแล้วสิ่งนี้มีประโยชน์มาก..เท่าที่ผมทราบมานี้แดนนี่ บอลล์เป็นผู้เชี่ยวชาญในสงครามพื้นที่ทะเลทรายและเขาจะต้องเลือกที่นี่อย่างแน่นอน”
เห็นได้ชัดว่าเบรนแดนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไจแอนท์พูดแต่เขาไม่ได้โต้เถียงอะไรอีก “ในเมื่อคุณพูดแบบนั้นเพราะงั้นมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น”
ไจแอนท์ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “แผนปฏิบัติการมีตามนี้..ให้พวกคุณส่งทหารสองคนเข้าไปที่พื้นที่ป่าจุดนี้ตามลำดับและทีมของผมก็มีหน้าที่ค้นหาในพื้นที่ทะเลทราย..จำเอาไว้ว่าหน้าที่ของพวกคุณคือราดตระเวนและค้นหาเท่านั้นห้ามปะทะกับพวกมัน..หากพวกคุณพบพวกมันคุณต้องติดต่อกองบัญชาการทันทีแล้วแจ้งให้เราทราบและเราจะเข้าปิดล้อมโจมตีพวกมันทันที”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะไจแอนท์ก็พูดว่า “เรามาดูอาวุธกันเถอะเพราะอาวุธคือชีวิตของทหารอย่างเรา..เราต้องทำความเข้าใจและจัดการกับมันก่อนเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับมันในสนามรบได้”
เบรนเดนตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งและหลังจากนั้นก็เหลือบมองไจแอนท์ด้วยความประหลาดใจเพราะเขาค่อนข้างอธิบายไม่ได้เกี่ยวกับทฤษฎีนี้ สำหรับเขาอาวุธเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับทหารและเครื่องมือที่ใช้ในการเอาชนะคู่ต่อสู้และมันไม่ใช่ชีวิต “เมื่อวานนี้ผู้บังคับบัญชาได้ส่งอาวุธรุ่นล่าสุดจำนวนหนึ่งซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอาวุธที่นำเข้าโดยประเทศสหรัฐอเมริกา..พวกเขาเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษสำหรับพวกคุณ..ตามผมมา!” หลังจากเบรนเดนพูดจบเขาก็เดินออกจากเต็นท์ไป
หลังจากเดินผ่านเต็นท์ไปหลายหลังก็มาถึงคลังแสงและมันเต็มไปด้วยอาวุธและกระสุนทุกชนิดแต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นอาวุธที่ล้ำสมัยทั้งหมดและด้านข้างก็มีลังไม้สองลังที่ถูกล็อกเอาไว้ซึ่งควรจะเป็นอาวุธที่ได้รับการจัดสรรเป็นพิเศษที่เบรนเดนกล่าวถึง
“เปิดพวกมัน!” เบรนแดนพูดกับทหาร
จากนั้นทหารก็ปลดล็อกลังไม้ออกมาและทุกคนต่างก็หยิบอาวุธจากข้างในออกมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและเห็นความหมายในสายตาของอีกฝ่ายก็ชัดเจนเพราะถึงแม้ว่าอาวุธเหล่านี้จะสภาพดีแต่มันก็ไม่ใช่อาวุธรุ่นล่าสุดที่ผลิตโดยประเทศสหรัฐอเมริกาและมันควรจะถูกปลดระวางไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว เมื่อเทียบกับอาวุธขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วถือว่าด้อยกว่ามาก
อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางเลือกอื่นเพราะท้ายที่สุดนี่ก็ไม่ใช่ฐานบัญชาการของเขี้ยวหมาป่าเพราะงั้นพวกเขาก็เลือกอาวุธอะไรไม่ได้ จากนั้นไป๋ฮวยก็หยิบปืนไรเฟิลซุ่มยิงออกมาดูแล้ววัดน้ำหนักโดยการถือในมือแล้วพูดว่า “บางอันก็หนักเกินไปมันจะทำให้สมดุลความแม่นยำไม่ค่อยดีนักและมันสามารถยิงได้ไกลสุดเพียงสี่ร้อยเมตรเท่านั้นเอง”
สมาชิกที่เหลือรวมทั้งเย่เชียนก็แยกชิ้นส่วนปืนทั้งหมดใส่กลับเข้าไปใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่าสี่นาทีทั้งรวดเร็วทั้งแม่นยำอย่างมากจนเบรนเดนที่เฝ้าดูอยู่ก็ถึงกับประหลาดใจ ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนเช่นนี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้เร็วถึงขนาดนั้น
“เลือกอาวุธของตัวเองแล้วคืนนี้ก็ไปพักผ่อนให้เพียงพอ..เตรียมอาหารแห้งและน้ำดื่มให้ครบ..จำเอาไว้ว่าเตรียมน้ำให้เยอะๆเพราะในทะเลทรายถ้าไม่มีน้ำเราจะตายอย่างอนาถ..จากื้นที่เขตทะเลทรายเราจะใช้เวลาประมาณห้าวันเพื่อไปถึงโอเอซิส..ดังนั้นเราต้องไม่ประมาทหากเราพบคนของแดนนี่บอลล์ระหว่างทางมันอาจทำให้ปฏิบัติการของเราล่าช้าดังนั้นทุกคนอย่างน้อยก็ควรเตรียมน้ำดื่นเอาไว้สำหรับเจ็ดวัน” ไจแอนท์พูด “ทุกคนต้องเตรียทเข็มทิศเอาไว้เพราะวิทยุมันไร้ประโยชน์มากในทะเลทราย..หากใครหลงทางในกรณีฉุกเฉินอย่าลืมใช้รหัสของเราในการติดต่อ”
ไจแอนท์เคยเดินเท้าผ่านทะเลทรายของหลายประเทศและผ่านการฝึกฝนการเอาตัวรอดที่หนักหน่วงที่สุดมาหลายรูปแบบ ซึ่งเขาคุ้นเคยกับทะเลทรายมากกว่าทุกคนและมันจะดีกว่าสำหรับเขาที่จะควบคุมการต่อสู้ในครั้งนี้
“เอาล่ะ..หลังอาหารเย็นให้พวกเราทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนและเตรียมตัว..พรุ่งนี้เช้ามารายงานตัวตรงเวลาด้วย!” ไป๋ฮวยพูด
“รับทราบ!” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
ในตอนกลางคืนเย่เชียนกำลังนอนอยู่บนเตียงแต่เขาก็ไม่สามารถหลับได้เลยเพราะพรุ่งนี้เขาจะต้องเข้าไปในทะเลทรายอันกว้างใหญ่และมันแทบจะไม่มีจุดหมายปลายทางเลยพูดได้เลยว่ามันถูกแยกออกจากโลก เมื่อเจออันตรายใดๆคุณสามารถพึ่งพาได้แต่ตัวเองเท่านั้นและมันไม่ใช่แค่ความร้อนที่แผดเผาแต่ยังรวมไปถึงความเสี่ยงที่ไม่รู้จักทุกประเภทรวมทั้งภัยคุกคามจากแดนนี่ บอลล์อีกด้วย
ธรรมชาติในทะเลทรายนั้นโหดร้ายเพราะมีทั้งพายุฝุ่นและพายุทอร์นาโดที่มักจะฝังผู้คนเอาไว้ใต้ผืนทราย เมื่อเผชิญกับความยิ่งใหญ่ของพลังธรรมชาติบางครั้งผู้คนก็ดูไร้พลังและหวาดกลัว
หัวใจของเย่เชียนก็รู้สึกตึงเครียดและมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของเขาที่ติดอยู่ในใจของเขาซึ่งมันกำลังฉีกเขาเป็นชิ้นๆ “ฉันไม่ได้รอวันนี้อยู่งั้นเหรอ?..สุดวันนี้ก็มาถึงทำไมฉันต้องกลัวด้วย?” เย่เชียนถามตัวเองอย่างลับๆ เป็นความจริงที่เย่เชียนนั้นอยากออกปฏิบัติภารกิจภาคสนามมาเสมอและอยากจะไปด้วยกันกับพี่น้องคนอื่นๆเพื่อสัมผัสถึงความเดือดและร้อนระอุของสนามรบ อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันนั้นจริงๆมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะประหม่า
“อะไรนะ..นอนไม่หลับเหรอ..นายกังวลเรื่องพรุ่งนี้อยู่หรือเปล่า” ไป๋ฮวยหันไปมองที่เย่เชียนและถาม
“ใช่!” เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย..ตอนที่ผมเห็นคุณในภารกิจก่อนหน้านี้ ผมอยากไปกับคุณจริงๆแต่วันนี้ในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสนั้นแต่ผมรู้สึกประหม่านิดหน่อย”
ไป๋ฮวยก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ในตอนแรกฉันก็เหมือนกับนายนั่นแหละแต่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถเติบโตได้อย่างแท้จริงหลังจากประสบกับการล้างบาปจากสงคราม..ถึงแม้ว่างานของวันพรุ่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายแต่ชีวิตของคนเรามันก็เต็มไปด้วยอันตรายเสมออยู่แล้ว..ฉันเชื่อว่าตราบใดที่นายมันได้ดีนายก็ไม่ต้องกังวลไปและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะดูแลนายเอง..ฉันสัญญากับครูฝึกมารุยามะเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีใครสามารถทำร้ายนายได้เว้นแต่ฉันจะตายไปแล้ว”
“ขอบคุณนะพี่ไป๋ฮวย” เย่เชียนพูดอย่างจริงใจ
ไป๋ฮวยยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ..ในเมื่อเราเป็นพี่น้องกันก็ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณหรอก..ฉันเชื่อว่าพี่น้องคนอื่นๆก็เหมือนกับฉัน..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเขาจะปกป้องนาย”
“ใช่!..พวกเราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป” เย่เชียนพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและเอื้อมมือไปจับมือของไป๋ฮวย ภราดรภาพมิตรภาพของทั้งสองเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในขณะนี้
“เอาล่ะไปนอนเถอะ..คืนนี้ถ้าไม่นอนก็ไม่รู้เลยว่าเราจะได้นอนเต็มอิ่มอีกเมื่อไร..เราอยู่กลางทะเลทรายเราไม่สามารถละเลยได้..ถ้าเข้าไปข้างในนายจะเข้าใจเอง” ไป๋ฮวยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่!” เย่เชียนพยักหน้าและค่อยๆหลับตาลง
ชีวิตน่าตื่นเต้นเพราะมีสิ่งแปลกใหม่และความเสี่ยงมากมาย หากการเดินทางราบรื่นรสชาติความสนุกและท้าทายก็จะน้อยลง เมื่อคุณแก่ตัวลงและมองย้อนกลับไปคุณจะพบว่าถนนหนทางที่คุณเดินผ่านมานั้นเป็นหลุมเป็นบ่อและคุณจะรู้สึกว่าการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและต่อให้ตายก็จะไม่เสียใจไปกับมัน
สงครามในวันพรุ่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้จักมากมายแต่ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากขึ้น ถ้าเป็นหมาป่าก็ควรมองข้ามทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าและไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือธรรมชาติเราก็ต้องมีความมั่นใจที่จะเอาชนะให้ได้ หากสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปและเมื่อล้มลงแล้วเราจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“ฉันเป็นหมาป่า..เป็นนักล่า..ในสายตาของฉันไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าฉันอีกแล้ว…” เย่เชียนร้องเพลงประจำองค์กรเขี้ยวหมาป่าด้วยเสียงที่ต่ำซึ่งถือได้ว่าเป็นเพลงประจำเพื่อเตือนสติและปลุกระดมขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า