ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 911 กระแสน้ำ
จอห์นใบหน้าทะมึน สองมือวางอยู่บนโต๊ะ กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
เหล่าพนักงานต่างไม่มีใครกล้าส่งเสียง เกรงว่าจะทำให้จอห์นโมโห กลายเป็นเป้ากระสุน เป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา
“ตอนนี้ทำบ้าอะไรกันอยู่”
พนักงานต่างพากันนิ่ง ยังไม่เข้าใจความหมายของจอห์น
“ยังยืนทำซากอะไรอยู่ รีบไปตรวจสอบดูสิ ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน โดยเฉพาะคนใน ตรวจสอบให้ละเอียดอย่าให้พลาดแม้แต่คนเดียว”
ทุกคนต่างสั่นระริก ใบหน้าหวาดกลัวไม่น่ามอง
โดยเฉพาะเวลานี้ ที่บรรยากาศยังเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนต่างก็ไม่สบายใจกับคำพูดของจอห์นในตอนนี้
ยังไงซะ พนักงานที่ยืนอยู่ในห้องนี้นั้น ต่างก็ทำงานกับจอห์นมาเป็นเวลานานแล้ว
และตอนนี้ จอห์นยังมาสงสัยพวกเขาอีก
บรรยากาศแปลกออกไป จอห์นเองก็สัมผัสได้ เขาจึงเอ่ยเสริมขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อพวกคุณ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้ามันเล็ดลอดออกไป ผลที่ตามมาคงคาดไม่ถึง”
“อีกอย่าง”
จอห์นเสริมขึ้นมา “สถานการณ์อาจจะแย่กว่าที่ผมคิดก็ได้”
คำพูดนี้ของจอห์น ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นไปอีก
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร จอห์นเองก็ไม่อยากสงสัยคนของตัวเอง
เพียงแต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากมีคนในแอบแพร่งพรายออกไป เรื่องคงเลวร้ายมากกว่าที่คิด
เมื่อคิดแบบนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ต่างก็เข้าใจการกระทำของจอห์น
ตอนนั้นเอง จอห์นโบกมือ บอกเป็นนัยให้พวกเขารีบไปตรวจสอบ
พนักงานไม่รีรอ รีบออกไป
จอห์นนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ใบหน้าทะมึน เห็นถึงความหนักอึ้ง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง
จอห์นรีบบอก “เข้ามา”
พิเอร์สผลักประตูเปิดเข้ามา ใบหน้าเคร่งเครียด
เห็นท่าทางของพิเอร์ส คิ้วของจอห์นยิ่งขมวดแน่นขึ้น “มีเรื่องอะไรอีก”
แม้ว่าพิเอร์สจะไม่ได้เอ่ยอะไร ทว่าจอห์นก็สัมผัสได้ถึงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
เป็นดังนั้น บางครั้งสัมผัสที่หกของคนก็แม่นยำ
“ทางนั้นต้องการยาชุดนี้ในอีกครึ่งเดือนข้างหน้าครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของจอห์นก็ตึงเครียดขึ้นไม่น้อย
บรรยากาศเย็นยะเยือกและเงียบสงบ ราวกับว่าหากตอนนี้มีเข็มหล่นลงไปบนพื้นก็จะได้ยินเสียงชัดเจน
“ทำยังไงดีครับ” พิเอร์สเห็นว่าจอห์นนิ่งเงียบ จึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ถ้าไม่มีถึงตอนนั้นเราจะเอาไม่อยู่นะ”
พิเอร์สพูดจบ สีหน้าก็เจื่อนทันที
วันนี้เขามาถึงบริษัทก็ได้ยินเรื่องยาที่หายไป
เดิมคิดว่าจอห์นจะมีวิธีแต่เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงาน เห็นหน้าเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย
เรื่องมาถึงตอนนี้ เขาร้อนใจ ไฟลนขนอยู่แล้ว
ประโยคนี้ กระตุ้นความโกรธของจอห์นทันที เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยความโกรธ “ฉันรู้แน่นอนอยู่แล้วว่าเอาไม่อยู่”
พูดพลางตบลงบนโต๊ะเสียงดัง อยากจะเก็บกักความโกรธที่อยู่ในใจเอาไว้ แต่ตอนนี้มันปะทุรุนแรง แทบมอดไหม้ทุกอย่างได้แล้ว
ใบหน้าพิเอร์สซีดขาว จอห์นโกรธ เขากลัวอยู่ในใจ
สีหน้าซีดขาว สองขาหนักอึ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้ต้องทำอย่างไรดี
จอห์นกวาดตามองนิ่งๆ ตะโกนออกมา “ดังนั้น พิเอร์ส ทางที่ดีแกรีบหาตัวมันออกมาให้ได้ ไม่งั้น…”
จอห์นหยุดสักพัก เมื่อพิเอร์สรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เขาจึงเอ่ยต่อ “ถึงตอนนั้น นายก็ออกไปรับกรรมซะ”
พิเอร์สหน้าซีด แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เรื่องนี้ เขาจะรับไปอย่างไร เรื่องนี้ถึงตายได้เลยนะ
แต่ว่า เขาเข้าใจ คำพูดของจอห์น ไม่ได้ล้อเล่น
เดินออกมาจากห้องทำงานจอห์นสองมือของพิเอร์สนั้นสั่นเทา
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำ คือจับตัวคนขโมยออกมาให้ได้
ต้องรีบจัดการก่อนที่จะมีการส่งยาล็อตนี้
ไม่อย่างนั้น…เขาก็คงรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เท้าของเขาจึงก้าวเร็วขึ้น
……
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงแรม
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง ท่าทางขี้เกียจ ทว่ายังคงสงบนิ่งจนคนไม่กล้าเข้าใกล้
กู้เนี่ยนยืนห่างจากเขาสองสามก้าว ท่าทางนอบน้อม “คุณชาย ฝั่งSAกรุ๊ปรู้ตัวแล้วครับว่ายาหาย กำลังตรวจสอบภายในครับ”
เขาทำตามคำสั่งของจิ้นเฟิงเฉิน ให้คนเข้าไปแฝงตัวอยู่ในSAกรุ๊ป ดังนั้นเมื่อได้รับข่าวแล้ว จึงรายงานเข้ามาได้ทันที
“อืม งั้นก็ให้ฝั่งนั้นตรวจสอบเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า มองดูอาคารสูงนอกหน้าต่าง มุมปากยกยิ้มเย็น
เห้อซูหานทำอะไร เขาวางใจ ไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่นอน ไม่ว่าSAกรุ๊ปจะตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่มีทางตรวจมาถึงพวกเขาได้
ต่อไป ก็แค่รอฟังข่าวดีจากชีซาแล้ว
เวลาค่อยๆ หมุนไป แสงสว่างเลือนหาย ความมืดปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
ดูเหมือนจะเงียบสงบ
ภายใต้ความเงียบ คือเสียงกระแสน้ำพลุกพล่าน
กลางดึก ห้าทุ่ม
ลานจอดรถใต้ตึกSAกรุ๊ป รถบรรทุกวิ่งออกมาติดต่อกันสามคัน เป็นคนที่จอห์นสั่งให้ไปคนย้ายยาในโกดัง
ยังไงซะ นั่นไม่ใช่ยาที่เปิดเผยได้ เคลื่อนย้ายในตอนกลางคืนถึงจะหลบหลีกจากสายตาผู้คนได้ดีที่สุด
รถขับไปตามถนนอย่างราบรื่น