The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.419 เมืองเพลิงจันทรา
EP.419 เมืองเพลิงจันทรา
แสงอาทิตย์ยามเช้าดูคล้ายกับริบบิ้นสีทองในป่าใหญ่ ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ม้ากำลังเดินไปอย่างเชื่องช้า เสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะพลิ้วไหวในขณะที่ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน หลินมู่อวี่กระชับสายบังเหียนไว้ในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างกุมดาบที่เอวไว้อย่างหลวมๆ ชุดเกราะของแม่ทัพจักรวรรดิเปล่งประกายสะท้อนแสงแดดยามเช้า ดาวหกแฉกสามดวงบนคอปกเสื้อเด่นชัดเป็นสง่า สายตาของเขาชำเลืองมองโดยรอบอย่างเกียจคร้าน ขณะที่กองทัพกำลังเคลื่อนพลไปด้านหน้า ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นท่ามกลางความเงียบ “พวกเราอยู่ห่างจากเมืองเพลิงจันทรามากแค่ไหน?”
“ประมาณหนึ่งร้อยไมล์ ถ้าใช้ความเร็วสูงสุดน่าจะถึงที่หมายภายในหนึ่งชั่วโมงขอรับ” เว่ยโฉวกล่าวตอบ
“อืม ไม่ต้องรีบร้อน ให้ทหารเก็บแรงไว้จะดีกว่า”
หลินมู่อวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปราณยุทธ์จากร่างค่อยๆ แผ่ขยายออกพร้อมกับลมหายใจ ด้วยการฝึกฝนวิชาหลอมกระดูกมังกรอย่างสม่ำเสมอที่ผ่านมา ทำให้พลังยุทธ์ของเขามีมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป หลินมู่อวี่พูดขึ้นขณะมองป่าที่อยู่ไกลออกไปว่า “เว่ยโฉว ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตรวจตราหานกพิราบสื่อสาร ดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้ามาในอาณาเขตร้อยไมล์ของเรา เราจะประมาทในสมรภูมิของจักรวรรดิอี้เหอไม่ได้”
“วางใจได้ขอรับท่านผู้บัญชาการ ข้าส่งคนไปลาดตระเวนแล้ว”
“เยี่ยมมาก”
หลินมู่อวี่ยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “หลังจากถึงเมืองเพลิงจันทราอย่าเพิ่งโจมตี ประการแรกเอากล่องลูกศรออกมาเพื่อให้พลธนูเปิดฉากโจมตีก่อน จากนั้นจึงส่งพลหอกโล่เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ กลยุทธ์นี้จะช่วยลดการสูญเสียเมื่อต้องปะทะกับอสูรเกราะ”
“ขอรับ ข้าจะรีบสั่งเหล่าทหารเดี๋ยวนี้!”
“อืม”
ขณะเดียวกันปราณยุทธ์ของฉินเหยียนปะทุขึ้นก่อนจะกล่าวออก “เราสามารถสู้กับพวกแมลงสาบสกปรกนั่นได้นะขอรับท่านพี่ ครานี้ให้ข้าออกแนวหน้าเถิดข้าไม่อยากหลบอยู่หลังทหารอีกต่อไป แม่ทัพแห่งกองทัพมังกรผงาดที่รบไม่ได้จะมีประโยชน์อันใดกัน”
“ย่อมได้”
หลินมู่อวี่มองฉินเหยียนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่เจ้าควรระวังตัวไว้นะอาเหยียน เพราะตอนนี้ผู้ที่สืบสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลฉินเช่นเจ้านั้นเหลือเพียงไม่กี่คน…เจ้าจะทำพลาดไม่ได้”
“เรื่องนั้นข้าทราบดี ท่านพี่อย่ากังวลขอรับ”
ฉินเหยียนกระชับหอกแห่งแสงขณะทอดสายตาไปยังเมืองเพลิงจันทราด้านหน้าพร้อมกล่าวออก “พี่ชายข้าตายในสนามรบ ส่วนเสด็จพ่อถูกฆ่าที่ทะเลสาบภูต ถึงจะยังเป็นแค่อ๋องน้อย แต่ข้าจะทำประโยชน์ให้จักรวรรดิเพื่อเป็นเกียรติแก่ทั้งสองรวมไปถึงองค์จักรพรรดินีฉินอินด้วย ท่านพี่เห็นด้วยกับข้าหรือไม่?”
“ตามใจเจ้าเถิด”
หลินมู่อวี่พยักหน้าและไม่กล่าวคำใดต่อ…กองทัพเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า ชาวบ้านจำนวนมากเป็นคนของจักรวรรดิอี้เหอ เมื่อเห็นธงดอกจื่อยินของจักรวรรดิฉิน พวกเขาแสดงสีหน้าราวกับเห็นผีและรีบร้อนหนีไปอย่างแตกตื่น ผ่านไปสักครู่ใหญ่ ฉินเหยียนควบม้าออกไปจับชายน่าสงสัยร่างผอมคนหนึ่งอายุราวสามสิบปีในป่าข้างถนน ทั้งถุงหนังสัตว์ที่อยู่บนหลังยิ่งทำให้น่าสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกสมาคมนักล่า
“ท่านพี่ ข้าจับมันได้!” ฉินเหยียนคว้าลำคอของอีกฝ่ายพร้อมโยนลงจากหลังม้าอย่างไร้ปรานี อีกฝ่ายล้มลงและถูกล้อมรอบโดยกองกำลังของแม่ทัพเว่ยโฉวกับเฝิงสี่ทันที!
“ท่านแม่ทัพ โปรดอภัย! ข้าเป็นเพียงนักล่าต่ำต้อยแต่ไม่เคยยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอของไอ้บัดซบฉินอี้! พวกท่านโปรดเมตตา…” ชายคนนั้นร้องอ้อนวอนต่อหลินมู่อวี่ที่อยู่ในชุดเกราะอย่างหวาดหวั่น
“อืม ลุกขึ้นเถอะ”
หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นพร้อมปรากฏปราณเพลิงวายุก่อตัวอย่างเชื่องช้าพยุงร่างของชายที่อยู่บนพื้นให้ยืนขึ้น เขาเอ่ยปากพร้อมแววตาอ่อนโยน “พี่ชาย…ท่านเคยไปที่เมืองเพลิงจันทราแล้วหรือ?”
“ข้า…เคย…” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนแต่ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินมู่อวี่กล่าวต่อ “ข้าชื่อหลินมู่อวี่ เป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรผงาดขององค์จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิฉิน ข้านำกองทัพไปปราบอสูรเกราะจากมณฑลหลิงเป่ยและกำลังจะมุ่งหน้าไปหลิงหนานเพื่อปลดปล่อยผู้ที่ถูกจับกุมโดยเผ่าปีศาจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ในเมืองเพลิงจันทราตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้า…ข้า…”
ชายคนดังกล่าวตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าเป็นเพียงนักล่าสัตว์… ข้าเพียงแค่…ล่ากระต่ายหรือสัตว์น่ารำคาญทั่วไปแล้วนำมันไปขายในเมืองเผ่าปีศาจเพื่อแลกกับเหรียญทอง…”
“ปีศาจซื้ออาหารจากมนุษย์งั้นหรือ?” หลินมู่อวี่อุทานอย่างประหลาดใจ
เขาส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับ “ไม่ใช่ขอรับ ปีศาจที่ถูกเรียกว่าอสูรเกราะรู้จักแต่การปล้นเท่านั้น สัตว์ที่ข้าล่ามาได้ถูกขายให้กับช่างฝีมือในเมือง”
“ช่างฝีมืองั้นรึ?” หลินมู่อวี่อึ้งไปชั่วขณะก่อนจะถามต่อ “หมายความว่ามีมนุษย์ในเมืองหรือ?”
ชายคนดังกล่าวตอบ “ข้าไม่รู้…แต่ดูเหมือนว่ามีคำสั่งจากผู้มีอำนาจของเผ่าปีศาจให้จับตัวเชลยมาทุกครั้งที่ไปปล้นสะดม จำพวกช่างตีเหล็ก นักธนู ช่างไม้และแพทย์ ส่งไปที่เมืองเผ่าปีศาจแต่หลายวันก่อนพวกมันต้องมาเฝ้าเมืองแห่งนี้ จึงไม่มีเวลาส่งคนที่เหลือไปยังเมืองหลัก พวกช่างฝีมือจึงจำเป็นต้องอยู่และไม่สามารถหนีออกจากที่นี่ได้”
“มีช่างฝีมือทั้งหมดกี่คน?” หลินมู่อวี่ถาม
“ราว…สองหมื่นคนขอรับ แต่เดิมเมืองเพลิงจันทรามีประชากรอยู่หนึ่งแสนห้าหมื่น ทว่าถูกพวกปีศาจชั่วร้ายสังหารจนสิ้น แม้แต่ผู้หญิงและเด็กพวกมันยังไม่คิดปรานี…ช่างเลวทรามนัก”
“หืม อย่างนั้นเอง…”
หลินมู่อวี่ล้วงทองห้าเหรียญออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะโยนให้ชายตรงหน้าพร้อมกล่าว “พวกข้ากำลังจะเข้าโจมตีเมืองเพลิงจันทรา หากพี่ชายเข้าเมืองตอนนี้เกรงว่าจะเป็นอันตราย รับเงินนี้ไปและซ่อนตัวอยู่บนภูเขาสักพักเถิด เมื่อสงครามสิ้นสุดค่อยกลับมา”
“ขอรับ…”
นักล่ามือสั่นระรัวขณะกำลังเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ก่อนกล่าวออก “ทะ…ท่านแม่ทัพจะไปสังหารปีศาจเพื่อล้างแค้นให้พวกเราจริงหรือขอรับ?”
“อืม” หลินมู่อวี่เงยหน้าและทอดสายตาไปไกลก่อนกล่าวต่ออย่างสงบ “พวกข้าคือทหารของจักรวรรดิฉิน การปกป้องดินแดนเป็นหน้าที่ของพวกข้า เอาละ เจ้าไปได้แล้ว”
“ขอรับ…”
ชายนักล่าจากไปโดยไม่เหลียวกลับราวกับกลัวฉินเหยียนจะจับตัวเขาอีกครั้ง
“เราทราบสถานการณ์บ้างแล้ว ควรเข้าจู่โจมเลยดีหรือไม่ขอรับท่านพี่” ฉินเหยียนกล่าว
“อืม…เตรียมเคลื่อนทัพ”
…
เที่ยงวัน…บรรดาเมืองเล็กๆ บนภูเขาทั้งใกล้และไกลที่ตั้งเรียงรายราวกับแนวกำแพงสีแดง ดูเหมือนจะถูกพวกปีศาจโจมตีจนแทบไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต อาจดูโหดร้ายที่อสูรเกราะกินซากศพของชาวเมือง แต่ก็เป็นธรรมดาที่ผู้เหนือกว่าจะได้เปรียบในช่วงสงครามนี้
ทางฝั่งเมืองเหมือนว่าพวกอสูรเกราะที่เดินเพ่นพ่านแถวกำแพงจะเห็นกลุ่มทหารมังกรผงาดมาแล้ว พวกมันส่งเสียงคำรามเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝั่งรู้ตัวเพื่อเปิดประตูเมือง อสูรเกราะรวมตัวกันกว่าห้าร้อยตัวเหมือนพร้อมสำหรับการปะทะแล้ว แต่กลับไร้วี่แววของหัวหน้าอสูรคอยบัญชาการ เช่นนั้นก็เท่ากับกลุ่มปีศาจเขลาที่เฝ้าเมืองเท่านั้นซึ่งจะง่ายต่อการเผด็จศึก
ห่างจากเมืองไปราวสามไมล์ เว่ยโฉวสั่งทหารม้าห้าพันนายของกลุ่มทหารมังกรผงาดให้หยุดเดินและเริ่มประกอบกล่องลูกศรทันที ทหารผลักกล่องลูกศรอันหนักหน่วงบดไปกับหญ้าตามเส้นทางของพวกอสูรเกราะกว่าห้าสิบใบ
“ใกล้เข้าไปอีก...รอจนกว่าพวกมันจะบุกเข้ามา” หลินมู่อวี่กระชับด้ามดาบก่อนยิ้มออกมาเล็กน้อย
ทุกย่างก้าวเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า เมื่อระยะทางถูกย่นเข้ามา ในที่สุดพวกอสูรเกราะจำนวนกว่าห้าร้อยตัวก็อดไม่ได้ที่จะบุกโจมตี
“โฮก!”
เสียงคำรามกึกก้องไปทั่ว เพียงครู่หนึ่งเหล่าอสูรเกราะยกอาวุธขึ้นก่อนพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและไร้ซึ่งแบบแผน พวกมันคิดเพียงจะสังหารโดยใช้สัญชาตญาณเท่านั้นแต่กลับทรงพลังยิ่ง
“เตรียมยิง!” เว่ยโฉวตะเบ็งเสียงออกเมื่อพวกอสูรเกราะเข้ามาในระยะไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร
เครื่องยิงลูกศรส่งเสียงรัว ลูกศรแหลมพุ่งแทงทะลุร่างอสูรเกราะจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ “ฉึบ ฉึบ ฉึบ!” พริบตาเดียวอสูรเกราะแถวหน้าถูกจัดการจนหมดสิ้น
การปะทะจบลงอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ดึงกระบี่วิญญาณมังกรออกมาอย่างไม่ลังเลพร้อมตะโกนว่า “พลหอกโล่โจมตี!”
“เคร้ง เคร้ง!” กองทัพมังกรผงาดพร้อมอาวุธโล่ทรงกรวยเริ่มจู่โจม เสียงปะทะกันดังอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พลหอกปัดป้องการโจมตีจากอสูรเกราะได้ พวกเขาก็หยิบยกศรเศวตรมณีแล้วเสียบตัดขั้วหัวใจของอสูรเกราะทันที พลหอกโล่เหล่านี้ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งความแข็งแกร่ง รูปแบบการต่อสู้ รวมไปถึงพลังของพวกเขาน่าทึ่งมาก!
หลินมู่อวี่วิ่งฝ่าฝูงชนซึ่งกำลังห้ำหั่นกันอยู่ เขายกมือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทุบลงอย่างรุนแรง ร่างของอสูรเกราะนับสิบแหลกละเอียดเป็นเศษเนื้อ จากนั้นเขากระชับกระบี่วิญญาณมังกรขึ้นมาพร้อมกับสับลงอย่างไม่ลังเล “ฉับ!” ศีรษะของอสูรเกราะขาดสะบั้นและตายตกไปทันที น้ำเมือกเหนียวที่น่าขยะแขยงสาดกระเด็นไปทั่วบริเวณ
ขณะที่ทหารม้ากำลังใช้หอกกวาดซากศพเพื่อเปิดทาง หลินมู่อวี่ไม่รอช้าที่จะใช้พลังสามประทีปทรกรรมชีวีครั้งที่สี่ เช่นนี้ร่างกายของเขาจึงต้องแบกรับภาระที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ตอนนี้พลังปราณในร่างของเขาเหลือน้อยเต็มที หลินมู่อวี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดและเปลี่ยนมาใช้ทวนดอกหลีฮวาแทน เขาวิ่งตรงไปหาอสูรเกราะสองตัวสุดท้ายพร้อมกับสังหารมันในทันที เมื่อแล้วเสร็จจึงกวาดสายตาไปโดยรอบ อสูรกว่าห้าร้อยตัวถูกสังหารไปหมดสิ้น ในขณะที่กองทัพมังกรผงาดได้รับบาดเจ็บเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
…
“โฮก!”
บนกำแพงเมือง อสูรเกราะตัวสุดท้ายคำรามพร้อมกับเหวี่ยงขวานในมือหมายจะฟันศีรษะของหลินมู่อวี่
“ท่านผู้บัญชาการ ระวัง!” การเคลื่อนไหวของเว่ยโฉวรวดเร็วมาก เขายกธนูขึ้นพร้อมกับยิงเข้าที่ลำคอของอสูรเกราะตัวนั้นทำให้มันตายตกในทันที
ฉับพลันหลินมู่อวี่ยกมือขึ้นปลดปล่อยพลังแก่นเพลิงมังกรซัดร่างอสูรเกราะจนกลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นจึงเรียกกำแพงน้ำเต้าทองออกมาเก็บกวาดเถ้าถ่านของอสูรเกราะจนหมดสิ้น
…
“เข้าเมือง!”
เว่ยโฉวถือธนูยาวของเขาและมองทุกอย่างรอบตัวขณะเผยสีหน้าภูมิใจเล็กน้อย
แม้อสูรเกราะเพียงห้าร้อยตัวจะดูน้อยนิด แต่หากพูดถึงกองทัพที่ต่อสู้กับอสูรเกราะทั้งห้าร้อยตัวได้โดยไม่มีการสูญเสียก็คงจะมีเพียงกองทัพมังกรผงาดเท่านั้น…