The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.455 เครื่องยิงอสูร
EP.455 เครื่องยิงอสูร
ละอองฝนเริ่มโปรยปราย…ฝนฤดูใบไม้ผลิมักเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เมื่อเม็ดฝนตกลงบนใบหน้างามของฉินอิน นางก้มหน้าลงเพื่อเช็ดล้าง ก่อนจะมองไปยังกำแพงสูงของเผ่าปีศาจที่ไกลออกไป ขณะที่ชวีฉู่ เฟิงจี้สิง เซี่ยงอวี้ ซูอวี่และคนอื่นๆ ยืนอยู่เคียงข้าง
“ฝ่าบาท”
ซูอวี่ประสานหมัดกล่าว “กองกำลังหลักของเฉียนเฟิงอยู่บริเวณด้านหน้า ดูเหมือนว่าเขาจงใจจะทำลายปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา”
“เจ้าจอมพลปีศาจช่างโอหังนัก!” เซี่ยงอวี้กัดฟันแน่น
ฉินอินหรี่ดวงตาคู่งามลงพร้อมกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือ…ต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุใดเฉียนเฟิงจึงสร้างกำแพงนี้ ท่านหลานกงและท่านตาคาดเดาได้หรือไม่?”
ถังหลานประสานหมัดขณะที่เม็ดฝนไหลตามฝ่ามือ ดวงตาขุ่นมัวของเขาหันมองออกไปไกลพร้อมกล่าวว่า “อุปกรณ์ปิดล้อมของเผ่าปีศาจไม่ซับซ้อนมาก มีเพียงบันไดพาดและรถบันไดเท่านั้น ซึ่งไม่ได้สามารถผ่านแนวป้องกันของทหารรักษาการณ์บนกำแพงเหล็กได้ หากพวกมันหล่อเกราะเหล็กหนารอบรถบันได กำแพงเหล็กคงพังทลายไปนานแล้ว กระหม่อมคิดว่าที่เฉียนเฟิงสร้างกำแพงสูงเพื่อยกหินขึ้นและยิงใส่กำแพงเหล็กของเรา”
ไหล่ของฉินอินสั่นเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “เช่นนั้น…คงกลายเป็นเรื่องยาก”
ขณะเดียวกันซูมู่หยุนส่ายหัวพร้อมเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“มีอะไรหรือท่านตา?” ฉินอินเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ
ซูอวี่เข้าประคองบิดาของตนพร้อมเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น?”
ฝ่ามือซูมู่หยุนสั่นเทาพร้อมชี้ไปยังกำแพงเผ่าปีศาจที่อยู่ห่างออกไป “จะ…เจ้าคิดว่าหากเผ่าปีศาจจะใช้เครื่องยิงจริง พวกมันจะยิงหินมาที่นี่หรือ?”
“หากไม่ใช่หิน แล้วจะเป็นสิ่งใด?” เฟิงจี้สิงตกตะลึง
ฉินอินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างตื่นตระหนก “พวกมันจะโยนสิ่งมีชีวิตเข้ามา…”
“สิ่งมีชีวิต?” เซี่ยงอวี้ตะลึง
ซูมู่หยุนพยักหน้า “หากพวกมันขว้างอสูรเกราะหลายพันตัวเข้ามาในกำแพงเหล็ก เราจะหยุดยั้งสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
“พระเจ้า…” เฟิงจี้สิงรีบคว้าดาบพร้อมกล่าวว่า “ฉะ…เฉียนเฟิงคงไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“อาจเป็นไปได้”
ถังหลานมองกำแพงสูงด้านนอกด้วยใบหน้าซีดเซียวและกล่าวว่า “กำแพงของพวกมันสูงเกือบยี่สิบเมตร ขณะที่กำแพงเหล็กสูงสี่สิบห้าเมตร เมื่อรวมกับความสามารถของเครื่องยิง…มันอาจเกิดขึ้นได้ เราจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้น…ข้าเกรงว่าเราอาจถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!”
“ข้ารู้”
ฉินอินกล่าว “กำแพงเหล็กไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ท่านหลานกง ท่านตา ให้ข้าเป็นผู้จัดการที่นี่เถิด พวกท่านส่งคนของตนออกจากกำแพงเหล็กและล่วงหน้าไปยังเมืองหลวงโดยเร็ว!”
ซูมู่หยุนตกใจ “เสี่ยวอิน เจ้า…”
“ท่านตาอายุมากแล้ว ไม่ควรที่จะต้องมาตายในสนามรบ...” ดวงตาฉินอินแดงก่ำขณะที่มองซูมู่หยุน “ท่านตา…เสี่ยวอินไม่ได้มีญาติอื่นใดอีก ข้าไม่สามารถมองดูท่านต้องจากไปเช่นนี้…”
ร่างกายซูมู่หยุนสั่นสะท้าน ขณะที่น้ำตาไหลริน เขาพลันกระซิบว่า “ซูอวี่ กองกำลังทั้งหมดของเมืองหยาดสายัณห์อยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้าแล้ว จงปกป้องเสี่ยวอินและกำแพงเหล็กให้ได้”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ!”
จากนั้นสองกงผู้ยิ่งใหญ่ภายใต้การคุ้มกันของทหารจึงออกจากกำแพงเหล็กหายไปในม่านฝน
…
“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงไม่เสด็จพระราชดำเนินกลับ?” เฟิงจี้สิงขมวดคิ้ว “นี่เป็นชะตากรรมของทหารที่จะต้องเสียชีวิตในสนามรบ แต่พระองค์เป็นจักรพรรดินี ดังนั้นจึงไม่ควรประทับอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“หากข้าจากไป กองทัพจะตกอยู่ในความโกลาหล ท่านฉู่จะปกป้องข้าอยู่ที่นี่เอง”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
เฟิงจี้สิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “เอี๊ยด” เสียงดังขึ้นจากกำแพงของเผ่าปีศาจ ตามดังคาดการณ์…เครื่องยิงขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นไปจนอัดแน่นเต็มกำแพง
เซี่ยงอวี้ตะลึงงัน “เราควรทำสิ่งใดในขณะนี้? ทำได้เพียงนั่งรออยู่แบบนี้หรือ?”
ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อำนาจทางทหารแห่งจักรวรรดิทั้งหมดอยู่ภายใต้คำสั่งของเฟิงจี้สิง ซึ่งถือเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในแนวหน้า ท่านจะเป็นผู้สั่งการทุกสิ่งในสงครามนี้”
เฟิงจี้สิงยิ้มอย่างขมขื่น “ฝ่าบาท คงเป็นการยากที่จะให้เฟิงจี้สิงสั่งการทั้งหมด…วิกฤตครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก”
จากนั้นเฟิงจี้สิงหันมองกลุ่มนายพลพร้อมกล่าวว่า “สั่งให้ทหารทั้งหมดเปลี่ยนไปใช้โล่ป้องกันด้านบนกำแพง เมื่อเผ่าปีศาจโยนอสูรเกราะเข้ามา ให้ใช้โล่ดันพวกมันกลับออกไป แต่หากพวกมันร่วงหล่นลงสู่พื้น ให้รีบใช้หอกแทงพวกมันทันที!”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
ทุกคนพยักหน้ารับ
เฟิงจี้สิงหันมองไปด้านหลังอีกครั้งพร้อมเอ่ยถาม “จางเหว่ย เราเหลือน้ำมันบีชสีดำอยู่เท่าใด?”
“ราวหนึ่งหมื่นถังขอรับ ท่านมีสิ่งใดหรือ?”
“ส่งคนไปขุดคูน้ำเพิ่มทุกๆ สามเมตร แล้วเทน้ำมันบีชสีดำลงในคูน้ำของเมือง เมื่อใดที่กำแพงเหล็กพ่าย ให้จุดไฟทันที หากฝนหยุดตกไฟจะกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว”
“ขอรับ?!” ใบหน้าจางเหว่ยซีดเซียว “ท่านผู้บัญชาการต้องการทำอะไร?”
เฟิงจี้สิงกำหมัดแน่นพร้อมกล่าวคำเบา “แม้กำแพงเหล็กมีมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านเหรียญทอง แต่หากเมื่อใดที่ถูกตีพ่าย เราจำเป็นต้องทำลายมันทันที! นอกจากนี้ถอดกล่องลูกศรและเครื่องยิงทั้งหมดออกจากกำแพงและส่งไปยังป่าฉีหลินนอกกำแพง ก่อนจะเตรียมตัวต่อสู้กับเผ่าปีศาจจนตัวตาย!”
“ขอรับ!”
…
“เปรี้ยง!”
เสียงดังก้องขณะที่เครื่องยิงทำงาน มันไม่ใช่ก้อนหินขนาดใหญ่ แต่กลับเป็นวัตถุสีดำจำนวนมาก...ซึ่งเป็นเหล่าอสูรเกราะ! ร่างกายของพวกมันขดเป็นตัวด้วงเพื่อป้องกันส่วนที่เปราะบาง ก่อนจะตกลงมาบนกำแพงเหล็ก
“ชิ้ง!”
เฟิงจี้สิงชักดาบยาวขึ้นแล้วฟาดฟันออกไปในอากาศ อสูรเกราะที่กำลังลอยเข้ามาพลันถูกเฉือนจนขาดครึ่งทันที ก่อนที่เสียงร้องยินดีจะดังก้อง
อย่างไรก็ตาม เสียงของเครื่องยิงยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมอสูรเกราะที่พุ่งเข้ามากลางอากาศ ไม่นานทหารกองหลังก็หมดแรงที่จะจัดการกับอสูรที่ตกลงบนพื้น ขณะเดียวกันรถบันไดก็เข้าเทียบกำแพงอีกครั้ง!
“สกัดมันให้ได้!”
เฟิงจี้สิงกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมดาบสะบั้นวาโยฟาดฟันอสูรเกราะทีละตัวจนกลายเป็นกองเนื้อ ขณะเดียวกันเซี่ยงอวี้รวบรวมพลังเก้าโกลาหลและเหวี่ยงทวนนองเลือดเจาะทะลวงอสูรเกราะที่ตกลงมาภายในกำแพง “ตุบ!” อสูรเกราะจำนวนมหาศาลตกกระทบโล่บนกำแพงและถูกหอกแหลมที่ยื่นออกมาแทงร่างทันที พวกมันหลายตัวกลิ้งตกลงไปในเมือง กระนั้นก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้กำแพงเมือง ซึ่งมาจากปีศาจในชุดเกราะสีทอง มันคือเฉียนเฟิง! พลังปราชญ์แห่งปีศาจควบแน่นอยู่บนดาบ ทันใดนั้น! เขาพุ่งโจมตีกำแพงเหล็กอย่างรวดเร็ว!
“เปรี้ยง!”
กำแพงเมืองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ประตูเหล็กไม่สามารถต้านทานพลังของเฉียนเฟิงได้ จึงถูกเจาะทะลุเป็นโพรงขนาดใหญ่ทันที!
เฉียนเฟิงกระโดดไปด้านหน้า ก่อนจะปรากฏตัวบนบันไดพร้อมกลุ่มนักรบอสูรระดับสูง เขายิ้มให้ฉินอินบนกำแพงและกล่าวว่า “องค์จักรพรรดินีฉินอิน ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”
“โฮก!”
อสูรระดับสี่ดาวผู้ทรงพลังคำรามก้องขณะพุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมขวานศึก เขาพลันเหวี่ยงขวานไปทางไหล่ของฉินอินอย่างรวดเร็ว!
“เปรี้ยง!”
ขวานต่อสู้กระแทกโล่ผลึกรูปมังกรที่ปรากฏขึ้นด้านข้างฉินอิน มันคือโล่มังกรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นทักษะสยบมังกรขั้นที่สาม นางพลันฟาดฟันกระบี่จื่อยินในมือออกไปรวดเร็วปานสายฟ้า ด้วยพลังมังกรโซ่เทวะบริสุทธิ์ที่ทรงพลัง มันเจาะทะลุเกราะอีกฝ่ายจนเลือดสาดกระเซ็น กระนั้นปราณรอบตัวของมันแข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นกระบี่จื่อยินคงสามารถสังหารมันแล้ว
อสูรระดับสี่ดาวไม่คาดคิดว่าจักรพรรดินีที่ดูอ่อนแอและสง่างามผู้นี้จะมีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เขาพลันถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่พายุปราณหมุนวนรอบเท้ากลางอากาศ จู่ๆ เสียงคำรามของเฉียนเฟิงดังขึ้นจากด้านหลัง “เจ้าโง่ คิดว่าจัดการกับฉินอินได้ง่ายดายอย่างนั้นรึ? ถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”
อสูรระดับสี่ดาวรีบถอยกลับมาทันที แต่ฉินอินกลับชักกระบี่ขึ้น ทันใดนั้น! กระบี่เล่มยาวตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก
“ต้องการสังหารข้ารึ? เข้ามา!”
มันระเบิดโทสะทันที ขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยพายุแห่งจิตวิญญาณแห่งอสูร ก่อนจะพุ่งห่อหุ้มกระบี่จื่อยินพร้อมหอบร่างฉินอินลงจากกำแพงเมือง แต่นางไม่ใช่หญิงสาวผู้อ่อนแอ ฝ่ามือพลันสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้างามเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทันใดนั้น! โซ่เทวะก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ “ฉึก!” มันพุ่งทะลุต้นขาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาท!”
ชวีฉู่จอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สามพุ่งตัวไปกลางอากาศพร้อมคว้าไหล่อันบอบบางของฉินอินเพื่อโยนกลับขึ้นไปบนกำแพง เขารีบไล่ตามศัตรู ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นและตะโกนดัง “ตายซะ!”
“วิ้ง!!”
วิญญาณยุทธ์ติ่งอัคนีปรากฏขึ้นกระแทกอสูรระดับสี่ดาวจนกลายเป็นกองเนื้อทันที!
“ไอ้สารเลว!” เฉียนเฟิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่แขนปกคลุมไปด้วยพลังปราชญ์แห่งปีศาจ ดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ทันใดนั้น! ดาบยาวพุ่งตรงมาจากด้านหลังของชวีฉู่อย่างรวดเร็ว!
ด้วยพลังยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ ร่างกายของชวีฉู่ที่ร่วงหล่นกลางอากาศพลันหยุดนิ่งกะทันหัน ก่อนที่ติ่งอัคนีจะห่อหุ้มร่างกาย เขายกฝ่ามือประกบกันระเบิดพลังทะยานขึ้นสู่ท้องนภา พร้อมสกัดกั้นดาบยาวที่พุ่งตรงมาทันที!
“ตูม!”
พายุพลังระเบิดออกรุนแรงจนทำให้ก้อนอิฐด้านหลังชวีฉู่กลายเป็นผุยผง ขณะที่บริเวณตรงกลางของกำแพงเหล็กแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฉียนเฝิงหมุนตัวหลบไปด้านหลัง พลังปราชญ์แห่งปีศาจปั่นป่วน ขณะที่เลือดในกายเดือดพล่านและดวงตาเผยความหวาดกลัว “ติ่งอัคนีชวีฉู่…สมแล้วที่มีชื่อเสียงก้องโลก”
ชวีฉู่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยกลางอากาศ ขณะที่แขนเสื้อพลิ้วไหวตามสายลมพร้อมกล่าวว่า “พลังของเผ่าปีศาจ…ก็ไม่ได้มากมายเลยนี่!”
“เหอะ!”
เฉียนเฟิงค่อยๆ ก้าวถอยหลังพร้อมชี้ดาบยาวไปยังกำแพงเหล็กและกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะต้องทำลายเมืองและจับตัวฉินอินไปให้ได้!”