The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.143 ดับร้อน
EP.143 ดับร้อน
“ผู้อาวุโสโปรดช้าก่อน!”
จู่ๆ หลินมู่อวี่ก็ยกแขนขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านเป็นผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลฉิน ท่านดูข้าสิ ข้าเองก็เป็นองครักษ์อวี้หลินของตระกูลฉิน เราไม่ควรสู้กันเองใช่หรือไม่ เช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะกระโดดเข้าไปในรอยแยกมิตินี้เอง ไม่ต้องให้ท่านผู้เฒ่าลงมือหรอก เป็นอย่างไร”
“เจ้าหนู เจ้ากำลังเล่นอะไร” มารโลหิตเลิกคิ้ว “จะกระโดดก็รีบๆ กระโดดลงไป ไม่ต้องพูดไร้สาระให้มาก”
“ได้!”
หลินมู่อวี่หันกลับไป พร้อมเร่งปราณยุทธ์ให้อยู่ในระดับสูงสุด จากนั้นดีดตัวจากยอดเจดีย์กระโดดพุ่งเข้าไปในรอยแยกมิติ เพราะอย่างไรเสียอยู่ที่นี่ก็ต้องถูกมารโลหิตสังหารทิ้งแน่ สู้ไปเสี่ยงชีวิตในนรกยังจะดีเสียกว่า ราชาปีศาจเจ็ดประทีปใช้ร่างของเขาอยู่ คงไม่ปล่อยให้เขาตายเป็นแน่ แต่จะไว้ใจราชาปีศาจเจ็ดประทีปทั้งหมดก็ไม่ได้ ปีศาจตนนี้ก็ไม่ใช่ปีศาจดีอะไร ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือตาย ในเมื่อยังมีโอกาสก็ต้องลองดูหน่อย
“ฟิ้ว!”
หลินมู่อวี่หูอื้อ วินาทีที่เข้าไปในรอยแยกมิติเขาก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ ร่างกายบิดไปมาไม่หยุด ความรู้สึกของการข้ามมิตินั้นไม่สบายเอาเสียเลย กระแสเวลาสีแดงเพลิงปะทะเข้าใส่ร่างของเขาไม่หยุด นี่คงจะเป็นกระแสเวลาที่มารโลหิตพูดถึง และยังเป็นกระแสเวลาที่ร้อนระอุมากด้วย
ความรู้สึกที่ถูกแผดเผาทำให้หลินมู่อวี่รู้สึกเกือบจะหมดสติไป จึงรีบโคจรวิญญาณยุทธ์และปราณยุทธ์มาปกป้องร่างกาย แต่วิญญาณยุทธ์ที่เรียกออกมาพริบตาเดียวก็ถูกกระแสเวลาโจมตีจนแหลก ชุดศึกติดไฟกลายเป็นเถ้าถ่านทันที โชคดีที่กางเกงและผ้าพันขาทำจากหนังวัว หนังวัวมีมูลค่าสูง น้ำไฟไม่ย่างกราย!
หลังจากนั้นไม่นาน เกราะของวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นสีแดงเพลิง และเริ่มหลอมละลาย หลินมู่อวี่รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ชุดศึกสุดเท่ห์ไม่เหลือเสียแล้ว!
นาทีต่อมา รองเท้าก็ถูกหลอมละลายด้วย เขาจึงได้แต่ล่องลอยด้วยเท้าเปลือยเปล่าไปตามกระแสเวลา ท่อนบนของเขาเปลือยหมดแล้ว กล้ามเนื้อและร่างกายที่กำยำแข็งแกร่งทำให้เขารู้สึกภูมิใจเล็กๆ แต่ดีใจอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกความเจ็บปวดจากความร้อนที่แผดเผาเข้ามาแทนที่ ผิวหนังทุกตารางนิ้วกำลังทรมาน แต่เลือดและชีพจรมังกรที่ไหลเวียนอยู่กลับปกป้องผิวหนังของเขาไม่ถูกเผาไหม้ แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือผมสั้นที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้ถูกเผา มิเช่นนั้นหัวล้านก็คงไม่หล่อกันพอดี
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณห้านาที “ฟิ้ว” เขาพุ่งออกมาจากรอยแยก หล่นลงพื้นเหมือนกับดาวตกบนภูเขาที่อยู่กลางทะเลลาวาอย่างโดดเดี่ยวลูกนั้นพอดิบพอดี หลินมู่อวี่ลืมตาขึ้น เห็นว่าใกล้จะชนแล้ว จึงรีบเรียกวิญญาณยุทธ์ กำแพงน้ำเต้ากระแทกใส่พื้นก่อนที่ร่างทั้งร่างจะไถลไปกับพื้นไกลกว่าสิบเมตร
เขาเงยหน้ามอง เห็นใบหน้าเน่าเละครึ่งหนึ่งของราชาภูตอัคคี มันหัวเราะเคี๊ยกๆ มองมาที่ตน “ในที่สุดก็มีเนื้อสดมาให้กินแล้ว ฮ่าๆๆ…ยอดไปเลย!”
หลินมู่อวี่อดยิ้มไม่ได้ “เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ทำให้ฟันของเจ้าหัก”
“ตายซะ!”
ราชาภูตอัคคีสะบัดแขนรุนแรง แขนนั้นยาวราวร้อยเมตรได้ เกิดเสียงดังลงมาจากท้องฟ้า “ฟิ้ว”
หลินมู่อวี่ตกใจ อภินิหารเช่นนี้สุดยอดจริงๆ รีบใช้กระบวนท่าผีเสื้อหนึ่งในท่าของฝีเท้าดาวตกเคลื่อนที่ ด้านหลังเกิดเสียงดังเปรี้ยง ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ทว่าหลินมู่อวี่สังเกตว่า หลังจากที่ราชาภูตอัคคีโจมตี บนพื้นไม่เกิดร่องรอยใดๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนจะมีคำอธิบายเดียว ราชาภูตอัคคีนั้นไม่มีร่างเนื้ออย่างแน่นอน ร่างกายมหึมาเบื้องหน้ามีสภาพเป็นวิญญาณเท่านั้น
แต่หากถูกสภาพวิญญาณนี้โจมตีเข้า ก็อาจตายได้เหมือนกัน หากตนเองตายก็จะกลายเป็นวิญญาณ ถึงตอนนั้นก็คงถูกคนรังแกตามใจชอบ ไม่ใช่ละ พูดให้ถูกก็คือถูกผีรังแกตามใจชอบ!
“ซู่!”
ลมที่พัดรุนแรงห่อหุ้มรอบแขนราชาภูตอัคคี เขาคิดจะโจมตีอีกรอบ
หลินมู่อวี่รีบคำรามเสียงต่ำ “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป เจ้ายังไม่ออกอีก คิดจะรอข้าตายก่อนแล้วค่อยออกมาหรือไง อย่าลืมนะ ที่นี่นอกจากตัวข้าก็ไม่มีผู้ใดแล้ว!”
คำพูดนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปนั่งไม่ติดทันที
หลินมู่อวี่ปลดประตูของทะเลจิต ร่างของราชาปีศาจเจ็ดประทีปพลันพุ่งออกมาจากกระหม่อมของเขา ในสภาพวิญญาณเช่นกัน แต่กลับดูอวดดีกว่ามาก
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปมือไพล่หลัง ลอยอยู่กลางอากาศ รอบตัวมีประกายเทวะ มองราชาภูตอัคคีสีหน้าเรียบเฉย “ภูตอัคคี ยังจำข้าได้หรือไม่”
ราชาภูตอัคคีตะลึง ใบหน้าเย็นชา “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป? ฮ่า…ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะแอบซ่อนอยู่ในร่างกายของเด็กที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แถมยังอ่อนแอเยี่ยงนี้!”
ความจริงแล้ว ราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่อยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่นั้นถูกติ่งหลอมอาวุธทรมานอยู่ไม่น้อย พลังวิญญาณอ่อนแอลงเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าจะเอาชนะราชาภูตอัคคีได้
แต่ให้ต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจะดีที่สุด!
……
“คลื่นเพลิงคลั่ง!”
ราชาภูตอัคคีชิงลงมือก่อน สะบัดแขนปล่อยคลื่นเพลิงคลั่งออกมา!
ราชาเจ็ดประทีปก็ไม่ใช่กระจอก มันยกมือขึ้น ใช้พลังประทีปที่สี่ ระเบิดเสียงดัง “สี่ประทีปเทพมารโศกา!”
พลังเทพมารผุดขึ้นกลางฝ่ามือ ท้องฟ้าเปลี่ยนสี “เปรี้ยง” เสียงระเบิดดังกึกก้อง ตรงเข้าโจมตีเปลวเพลิงของราชาภูตอัคคีจนสลายไป พลังหมัดพุ่งโจมตีออกไปไม่หยุด ทำให้แขนของราชาภูตอัคคีสลายหายไปครึ่งแขน แต่เพราะอยู่ในสภาพวิญญาณ ดังนั้นจึงแค่ทำให้พลังวิญญาณบาดเจ็บ จากนั้นแขนก็งอกออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว
“ไอ้แก่นี่!”
สีหน้าราชาภูตอัคคีโกรธเกรี้ยว ร่างกายขยับอยู่บนพื้น พร้อมยกแขนขึ้นมา ตะโกนเสียงดัง “เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพ”
เปลวเพลิงจำนวนมากร่วงลงมาจากฟ้า!
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยกแขนทั้งสองขึ้น บนร่างกายเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “เข้ามาเลย ห้าประทีปทะลายแปดทิศ!”
“เปรี้ยง!
ประกายไฟพุ่งขึ้นฟ้า ภูเขาและนรกทั้งสิบเอ็ดชั้นสั่นสะเทือนเพราะการต่อสู้กันของผู้แข็งแกร่งทั้งสอง
หลินมู่อวี่รีบกระโดดถอยไปไกล หลีกเลี่ยงลูกหลงของศึกใหญ่นี้ เขามองดูอยู่ห่างๆ พลังของราชาปีศาจเจ็ดประทีปถูกตนกดเอาไว้เยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะสู้เจ้ากระจอกเช่นนี้ได้อย่างสูสี ดีมากๆ ที่เขาต้องการก็คือแบบนี้แหละ!!
“จ๊อกๆ…”
ท้องร้องขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ใช่วิญญาณ ถ้าไม่กินอาหารก็ต้องหิวตาย แต่ในนรกแบบนี้จะไปหาอาหารได้ที่ไหน บนภูเขามีแต่ลาวาร้อนๆ ถึงจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ก็คงจะถูกเผาตายไปนานแล้ว และในลาวาก็มีวิญญาณผีไร้นายลอยอยู่เต็มไปหมด หรือจะให้กินวิญญาณอย่างนั้นหรือ
เขาลูบท้อง รู้สึกอยากจะตายขึ้นมานิดหน่อย
เขาถือกระบี่เหลียวหยวนเดินรอบภูเขาลูกนั้น ค้นหาอยู่นาน หูก็ฟังเสียงผู้แข็งแกร่งทั้งสองอยู่ไกลๆ
“อัคคีทะยานเซ่นสวรรค์ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“หกประทีปชิงโลกา ข้าจะสังหารเจ้ายกครัว!”
“หนามเตโชฟ้าดิน ตายซะเถอะ!”
“เจ็ดประทีปพลิกดารา เจ้าโง่ภูตอัคคี คิดจะฆ่าข้า รอไปหมื่นปีเถอะ!”
……
ท่ามกลางเสียงของยอดฝีมือทั้งสองคน หลินมู่อวี่แยกอีกเสียงหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว “อ๊บๆ…อ๊บๆ…”
หืม นี่มันเสียงกบนี่
เขาใจเต้น รีบถือกระบี่เหลียวหยวนเดินตามหาเสียงนั่น ตรงนั้นคือรอยแยกระหว่างหิน เขามุดเข้าไปก็เห็นกบที่มีประกายเพลิงห่อหุ้มตัวไว้ กบมีขนาดเท่ากำปั้น ใหญ่กว่ากบธรรมดาอยู่มาก เขาเคยเห็นกบแบบนี้ในเกมผู้พิชิตมาก่อน กบเพลิงเป็นวัตถุดิบระดับสิบ สามารถนำไปประกอบอาหารอันโอชะ
มาจับกบเพลิงกันเถอะ!
“เพียะ!”
เขาตะปบพื้น แต่ไม่ได้อะไร กบเพลิงกระโดดได้เร็วยิ่งนัก มันกระโดดห่างออกไปไกลแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินมู่อวี่ เขาแค่ยกมือขึ้น เถาวัลย์น้ำเต้าผุดขึ้นมามาพื้นดิน กักขังกบเพลิงเอาไว้ทันที
เขาเดินเข้าไป ใช้กระบี่ฟันหัวของกบทิ้ง และจับร่างอ้วนของมันมาวางไว้ในมือ รู้สึกร้อนผ่าว แต่ไม่มีน้ำ แล้วจะต้มได้อย่างไร ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่รุนแรงมาก หากไม่มีน้ำ ตนจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
และในตอนนี้เอง จู่ๆ พื้นดินบริเวณไม่ไกลเริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นเกิดเสียงดังขึ้น น้ำสีขาวพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว แถมยังเป็นน้ำร้อนอีกด้วย หลินมู่อวี่ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง มันคือน้ำพุใต้ดิน!
โชคดีเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่เช่นนี้ยังมีน้ำพุใต้ดิน สวรรค์มักประทานความช่วยเหลือยามถึงทางตันเสมอ!
เขารีบแกะผ้าพันขาออก เพราะมันทำด้วยวัตถุดิบที่น้ำไฟไม่ย่างกราย ดังนั้นจึงใช้มันรองน้ำพุ จากนั้นมองไปรอบตัว หากิ่งไม้แห้งมาก่อเป็นกองไฟ ใช้กระเป๋าหนังวัวทำเป็นหม้อวางไว้ได้บนแล้วต้ม เขาจับกบมาอีกสองตัว แล้วถลกหนังและดึงเครื่องในของกบทั้งสามตัวก่อนจะโยนพวกมันหม้อ เวลาแบบนี้จะหาพวกผักชีหัวหอมอะไรก็ไม่ได้ ขนาดน้ำมันยังไม่มี ทำให้ท้องอิ่มได้ก็ไม่เลวแล้ว
จากนั้นไม่นาน น้ำเริ่มเดือดปุดๆ เนื้อกบเพลิงส่งกลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมา
ไกลออกไป ราชาปีศาจเจ็ดประทีปและราชาภูตอัคคียังคงต่อสู้กันอยู่ พลังประกายดาราพุ่งขึ้นสู่ฟ้า แสบตายิ่งนัก แต่คิดจะสังหารราชาภูตอัคคีน้ันต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
หลินมู่อวี่คร้านจะใส่ใจคนบ้าทั้งสอง กินกบเพลิงของตนเองไป พลังงานของกบสามตัวนั้นเพียงพอแล้ว หลังจากกินอิ่ม ตบพุงกางแล้วดื่มน้ำแกงลงท้องต่อ แล้วเอนหลังอยู่บนก้อนหินร้อนพักสักเล็กน้อย รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนในท้องอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น?!”
เขาขมวดคิ้ว หรือว่าจะท้องเสีย
และในตอนนี้เอง ลู่ลู่ก็บินออกมา “พี่ชาย ท่านกินเนื้อกบเพลิงเยอะเกินไป เนื้อชนิดนี้เป็นธาตุไฟบริสุทธิ์ ท่านกินกบเพลิงแต่ดันไม่ได้กำจัดความร้อน ไม่ได้นะท่าน!”
“ชิบ…”
หลินมู่อวี่ถาม “ลู่ลู่ แล้วจะดับร้อนยังไง”
ใบหน้าน้อยๆ ของลู่ลู่พลันแดงขึ้นมา “ถึงแม้ข้าจะยินดีช่วยเหลือท่าน แต่…แต่ลู่ลู่ไม่ได้มีร่างกายจริงๆ อีกอย่าง…ร่างกายลู่ลู่ก็เล็กขนาดนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะกับขนาดของพี่ชายหรอก….ว๊าย! ข้าหมายถึงกำจัดความร้อน ไม่ใช่ไฟแบบนี้ พี่ชายท่านชั่วร้ายมาก กำจัดความร้อนที่ลู่ลู่พูดถึงเป็นแค่การขจัดพลังไฟออกจากร่างเท่านั้นเอง พี่ชายท่านคิดเยอะไปแล้วนะ!”
หลินมู่อวี่หน้าเซ็ง มองภูติระบบผู้งดงาม อดพูดขึ้นไม่ได้ “เอากับเจ้าสิ ข้าพูดแค่ประโยคเดียว แต่เจ้ากลับจินตนาการออกมาได้ขนาดนี้ ข้ายอมเจ้าจริงๆ…ลู่ลู่ บอกข้ามาซิว่าจะดับร้อนอย่างไร ตอนนี้ท้องของข้าใกล้จะไหม้หมดแล้ว!”
ลู่ลู่มองไปรอบตัว “พี่ชาย ท่านดูประกายแสงที่อยู่บนผิวลาวานั่น ความจริงพวกมันเป็นพลังวิญญาณที่กระจายออกมา เพราะวิญญาณเป็นธาตุหยิน ดังนั้นหากพี่ชายหลอมวิญญาณเหล่านี้ ก็น่าจะปรับสมดุลความร้อนในร่างกายได้”
“อืม ได้!”