The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.383 ผู้ถูกปฏิเสธ
EP.383 ผู้ถูกปฏิเสธ
“เสี่ยวถัง” หลินมู่อวี่ก้าวเข้ามา
“พี่อาอวี่!” จินเสี่ยวร้องเรียกพร้อมโผเข้าสู่อ้อมแขนของหลินมู่อวี่เสมือนตนเป็นน้องสาวของเขาอย่างตื่นเต้น “พี่เคยบอกว่าจะพาข้าไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อเมื่อกลับมามิใช่หรือ กลับมาไม่ทันไรก็ต้องไปอีกแล้ว ไม่มีโอกาสได้ไปเสียที”
“ช่วงนี้ข้าไม่ว่าง…” หลินมู่อวี่หัวเราะ “แล้วกิจการเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทุกอย่างราบรื่นดี มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยพี่ได้บ้าง?”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้าพลางกล่าวตอบ “ครานี้กองทัพข้ามีทหารถึงห้าหมื่นนาย จึงขาดแคลนลูกธนูมหาศาล เจ้าสามารถช่วยหาลูกธนูจำนวนมากให้ข้าได้หรือไม่?”
“แน่นอน” จินเสี่ยวถังขยิบตาพร้อมยกยิ้มแป้นแล้น “ตอนนี้ร้านค้าจื่อยินของเรามีร้านค้าเหล็กถึงสิบแห่ง หากให้หยุดร้านเพื่อทำลูกธนู แค่สามวันก็สามารถสร้างลูกธนูได้สองแสนดอกแล้ว ”
“ยอดเยี่ยม!”
หลินมู่อวี่เผยยิ้มพร้อมกล่าวคำออก “ยังมีอาวุธอื่นๆ ที่ข้าต้องการอีกเช่นกัน พักหลังมานี้ข้าใช้เงินทั้งหมดที่ได้รับมาเพื่อใช้จ่ายให้กับร้านเครื่องเหล็กเพื่อสร้างอาวุธ แล้วนี่ร้านข้าวสารเปิดแล้วหรือ?”
“อืม นั่นคงเป็นการดีที่สุด ต้องรบกวนเจ้าแล้ว…”
จินเสี่ยวถังผู้ปราดเปรื่องยิ้มพลางกล่าวตอบ “ข้ารู้ว่าพี่ไม่เคยต้องชี้นิ้วสั่งใครมาก่อนและทำทุกอย่างด้วยตนเอง แต่เมื่อข้าอยู่ตรงนี้แล้วก็วางใจเถิด สิ่งที่พี่ต้องทำมีเพียงแค่จ้างคนในเมืองหลันเยี่ยนเพิ่มเท่านั้น ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด!”
“อืม!”
…
ตกเย็นหลินมู่อวี่ชวนจินเสี่ยวถังและฉู่เหยามากินข้าวเพื่อรวมตัวกันก่อนออกเดินทาง ถึงแม้ฉู่เหยาผู้นำของสมาพันธ์โอสถจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องยารักษาที่ต้องใช้ในสงคราม แต่แนวป้องกันฐานของแม่น้ำต้าวเจียงนั้นอยู่ไกลออกไปหลายร้อยไมล์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้พบเจอนาง เพราะหากเหล่าปีศาจข้ามแม่น้ำมาโจมตี หลินมู่อวี่จำเป็นต้องตั้งรับไว้เช่นกัน
วันรุ่งขึ้น กองทัพเริ่มเคลื่อนพลออกไป
ตอนเช้ามืดที่หมอกปกคลุมไปทั่วผืนป่า หลินมู่อวี่อยู่บนหลังม้าพร้อมกับนำกองทัพทหารที่สี่เดินทางผ่านหิมะหนาไปอย่างเชื่องช้า ในเวลานั้นผู้บังคับบัญชาของทหารห้าหมื่นนายได้ถูกแต่งตั้งขึ้นซึ่งประกอบไปด้วย เว่ยโฉว ฉินเหยียน เฝิงสี่ ถังเหรินผู้เป็นญาติของถังเจิ้นและจางเฟิ้งที่ถูกจ้างมาจากเมืองหยาดสายัณห์
ฉินเหยียนเปิดแผนที่หลายครั้งในขณะที่มืออีกข้างถือหอกเขี้ยวอัคคีไว้แน่นก่อนกล่าวคำออก “ดูจากความเร็วในการเดินทัพของเรา อย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่าจะถึงท่าเรือเฟิงหลิน มันจะช้าไปหรือไม่พี่ชาย?”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “เรื่องเล็กน้อยแต่ไม่เป็นไร กองทัพทหารที่สี่มีทหารถึงห้าหมื่นนาย ซึ่งเกือบสี่หมื่นเป็นทหารม้าหนัก ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นที่ท่าเรือเฟิงหลิน เราค่อยเร่งเคลื่อนกองทัพก็ยังไม่สาย เมื่อวันก่อนเหล่ากองทัพเรือจักรวรรดิได้เดินทางถึงเมืองต้าวเจียงแล้ว พวกปีศาจข้ามแม่น้ำมาไม่ได้หรอก อย่าได้กังวลไป”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่กวาดตามองโดยรอบ เขาเห็นกองทัพทหารที่สี่ของตนอยู่ไม่ไกลก็รู้สึกภูมิใจอย่างมาก แม้ในศึกเมืองตงฉวนตนจะไม่ได้มีอำนาจมาก แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ถึงเวลาทำให้พวกปีศาจเห็นว่ากองทัพมนุษย์เก่งกาจเพียงใด!
…
เก้าวันต่อมา กองทัพทหารเดินทางผ่านเมืองห้าหุบเขา
ผู้คนนับไม่ถ้วนออกมาส่งกองทัพทหารเต็มสองข้างทางถนนหลัก ฉินเหยียน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ยิ้มร่า ในครานี้ที่กองทัพจักรวรรดิเป็นทัพแนวหน้า ชาวบ้านต่างพากันรักใคร่ ส่งมอบน้ำกับอาหารแห้งให้กับพวกเขา ลบข้อครหาที่ว่ากองทัพจักรวรรดิไม่มีผู้ใดสนใจ
ขณะกองทัพสีชาดเคลื่อนพล หลินมู่อวี่รู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก อันที่จริงมันคือเรื่องปกติของผู้คน หากเราทำเพื่อประชาชนด้วยใจ พวกเขาก็จะให้การสนับสนุน แต่หากทำเพื่อผลประโยชน์ของตน…จะให้พวกเขาชื่มชมได้อย่างไร?
นอกจากคนทั่วไป ในเมืองยังมีกลุ่มทหารที่คอยคุ้มกันเสบียงอาหารและอาวุธเพื่อส่งให้กองทัพที่ผ่านไป
ไม่ไกลนัก มีทหารควบม้ามาพร้อมตะโกนถาม “ผู้บัญชาการหลินแห่งกองทัพที่สี่อยู่ไหน?”
หลินมู่อวี่รีบแสดงตัวพลางกล่าวออก “ข้าอยู่นี่ เจ้าเป็นใคร?”
ผู้บัญชาการกองหมื่นคารวะพร้อมเอ่ย “ข้าน้อยจางเป้า กองกำลังแห่งเมืองห้าหุบเขา พวกเรารอกองทัพของท่านตั้งแต่เมื่อคืน เชิญทางนี้ขอรับ นี่คือเสบียงที่เตรียมไว้ให้ มีดาบเหล็กสองพันเล่ม หอกหมื่นเล่ม โล่ห้าพันอัน ลูกธนูสี่หมื่นลูกและรถเข็นอาหารและหญ้าสองพันคัน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราพอจะหาได้แล้ว หวังว่าท่านจะพอใจขอรับ ”
“กว่าจะได้มาคงลำบากไม่น้อย ขอบใจมาก!”
หลินมู่อวี่ผู้สง่างามตรงตามแบบฉบับของจักรพรรดิ สวมชุดเกราะพร้อมดาบคู่กายขณะควบม้าสีขาว ดึงดูดบรรดาหญิงสาวในเมืองห้าหุบเขาให้วิ่งตามอย่างคลั่งใคล้ “ผู้บัญชาการคนนั้นช่างหล่อเหลานัก!”
“เขาเป็นใครกัน?”
“น่าจะเป็นหนึ่งในสี่วีรบุรุษเมืองหลันเยี่ยนที่จักรพรรดิองค์แรกทรงแต่งตั้ง”
“ใช่ นี่คือกองทัพทหารที่สี่ เขาคือหลินมู่อวี่วีรบุรุษอันดับสองแห่งเมืองหลันเยี่ยน ตัวจริงหล่อเหลายิ่งกว่าผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงเสียอีก!”
…
หลินมู่อวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ หากเฟิงจี้สิงได้ยินเรื่องนี้ แม่นางเหล่านี้จะวิ่งหนีทันหรือไม่?
คำเยินยอของเหล่าหญิงสาวทำให้เกิดเสียงครหาขึ้นโดยเฉพาะในหมู่กองกำลังเมืองห้าหุบเขา ทั้งที่พวกเขาสามารถเป็นทัพหน้าต่อสู้กับเหล่าปีศาจ แต่ทำได้เพียงส่งเสบียงเท่านั้นเพราะจักรพรรดินีไม่ได้ทรงแต่งตั้ง
“เหตุใดจึงมีเพียงทหารจักรวรรดิที่ได้เป็นทัพหน้ากัน!?”
“คนเมืองห้าหุบเขาอย่างเราทำได้แค่ขนหญ้าขนฟางทั้งวันอย่างนั้นรึ?”
“ใช่ เหตุใดพวกเขาจึงได้สู้กับพวกปีศาจแต่พวกเรากลับไม่มีโอกาสเช่นนั้น?”
“ใช่ ทำไมข้าถึงถูกปฏิเสธทั้งที่เป็นคนเหมือนกัน!”
เว่ยโฉวส่งสายตาเกรี้ยวกราดพร้อมชี้ดาบไปยังต้นเสียงทันที “หนวกหู! พวกเจ้าคิดว่าการต่อสู้กับปีศาจนั้นเป็นเรื่องเล่นอย่างนั้นรึ? ถ้าอยู่ทัพหน้าจริง พวกเจ้าคงกลัวจนฉี่ราด!”
ท่ามกลางฝูงชน นายร้อยนามว่า ‘จ๋าวรี๋เทียน’ ก้าวถอยหลังเมื่อเว่ยโฉวเดินเข้ามาใกล้ ผู้บัญชาการเว่ยโฉวชี้ดาบไปที่อีกฝ่ายพลางกล่าวออก “ระวังตัวให้ดีเถิดจ๋าวรี๋เทียน หากเจ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ อย่าได้กล่าวโทษข้าภายหลังว่าไม่สุภาพ!”
จ๋าวรี๋เทียนรีบคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม “นายท่านโปรดอภัยข้าด้วยเถิด ข้าสำนึกผิดแล้ว!”
เขารีบหันไปตะโกนใส่พวกลูกน้องทันที “หุบปาก ทำอะไรไว้หน้าข้าบ้าง!” ความเงียบปกคลุมพื้นที่ ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงเพียงครึ่งคำ
ขณะที่ส่งกองทหารม้าไปรับเสบียงจากเมืองห้าหุบเขา หลินมู่อวี่พร้อมทวนหลีฮวาข้างกายนำทัพกองทหารเดินทางต่ออย่างเชื่องช้า อย่างน้อยสงครามก็มีข้อดีอยู่บ้าง หลังความเย็นเยือกของฤดูหนาวและสงครามกลางเมืองที่โหดเหี้ยมดั่งฝันร้ายผ่านพ้นไป หลินมู่อวี่ตระหนักถึงความสำคัญของเสบียงอาหารต่อกองทัพ ประโยคที่ว่า ‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง’ จากยี่สิบสี่ตำราพิชัยสงครามของขงเบ้งนั้นไม่เกินจริง
ทันใดนั้น ใครบางคนตะโกนขึ้นท่ามกลางฝูงชน “ท่านหลินจื้อ! ท่านหลินจื้อ!”
“หือ?”
หลินมู่อวี่หยุดนิ่ง มีไม่กี่คนที่รู้จักชื่อจริงของเขา น้ำเสียงคุ้นเคยนั้นเป็นใครกัน? เขาหันไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ผู้บัญชาการกองร้อยคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนมา ฉินจื่อหลิงอดีตครูฝึกระดับดาวทองแดงที่เขาไม่พบเจอมาเนิ่นนาน เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?
หลินมู่อวี่รีบลงจากม้า เดินไปกอดฉินจื่อหลิงด้วยความตื้นตันพลางหัวเราะลั่น “จื่อหลิง หลังเจ้าหายไปจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ข้านึกว่าเจ้าตายตกในสนามรบเสียแล้ว ไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่!”
ฉินจื่อหลิงนั้นดีใจไม่แพ้กัน “หลังสงครามเมืองหลันเยี่ยน วิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกทำลาย ข้าและสมาชิกหลายคนถูกกองทัพจักรวรรดิอี้เหอไล่ฆ่า เร่ร่อนหนีตายกระทั่งได้เข้าร่วมกองกำลังเมืองห้าหุบเขา ตอนนี้ท่านหลินจื้อเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพแล้วหรือ?”
หลินมู่อี่ยิ้มน้อยๆ “ใช่!”
“ท่านจะเดินทางไปแม่น้ำต้าวเจียงหรือ?” ฉินจื่อหลิงถาม
“อืม”
ฉินจื่อหลิงกล่าวด้วยแววตาจริงจัง “ท่านต้องระวังให้ดี ข้าได้ยินมาว่าเหล่าปีศาจเหี้ยมโหดและทรงพลังยิ่ง กองทหารกว่าแสนนายของหมินยวี่หลินที่เมืองตงฉวนยังแตกพ่าย พวกเราหวั่นใจเสียจริงว่าแม่น้ำต้าวเจียงจะไม่สามารถต้านพวกมันได้และเมืองห้าหุบเขาต้องกลายเป็นเมืองร้างอีกครั้ง ”
หลินมู่อวี่ยิ้มพลางกล่าวตอบด้วยแววตาลุกโชน “หากเหล่าปีศาจชนะ ไม่ใช่เพียงเมืองห้าหุบเขาแต่เหล่ามนุษยชาติจะสูญสิ้น ว่าแต่จื่อหลิงเจ้าไม่อยากไปกับข้าหรือ?”
“ข…ข้าอยากไปกับท่าน แต่ตอนนี้ข้าเป็นทหารของเมืองห้าหุบเขา…”
“ไม่เป็นไร เจ้าอยู่ใต้บัญชาผู้ใด?”
“ท่านจางเป้า!”
“โอ้ ไม่มีปัญหา ข้าจะเขียนจดหมายถึงเขาเอง เจ้าเข้าร่วมกับกองทัพของข้าได้เลย!”
“เยี่ยม!” ฉินจื่อหลิงตื่นเต้น
หลินมู่อวี่เขียนจดหมายและส่งให้จางเป้าทันที แม่ทัพจางเป้าเป็นคนชัดเจนและหนักแน่น และอันที่จริงพื้นฐานการเอาตัวรอดของฉินจื่อหลิงก็ค่อนข้างต่ำและไม่ได้ดีไปกว่าทหารนายอื่น เขาหวังว่าแม่ทัพจะไม่ขัดอะไร
หลังจากตกลงเข้าร่วมกองทัพทหารที่สี่ หลินมู่อวี่แต่งตั้งฉินจื่อหลิงเป็นนายร้อย เมื่อได้ทำความรู้จักกับฉินเหยียน เว่ยโฉว เฝิงสี่และคนอื่นๆ พวกเขาก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว
…
ห้าวันต่อมา กองทัพเดินทางถึงแนวป้องกันท่าเรือเฟิงหลิน
เดิมทีเฟิงหลินเป็นท่าเรือธรรมดา แต่ในตอนนี้กลายเป็นที่ตั้งของค่ายทหารเสียแล้ว การก่อสร้างเริ่มเมืองขึ้นก่อนกองทัพที่สี่จะมาถึง ตัวเมืองตั้งอยู่ห่างแม่น้ำต้าวเจียงไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรและจะมีกำแพงสูงราวยี่สิบเมตร ในตอนนี้กำแพงเมืองถูกสร้างไปสิบกว่าเมตรแล้วหากแต่ยังสูงไม่พอ
ในตอนนั้นเอง เรือรบยี่สิบลำของกองทัพเรือจักรพรรดิเทียบท่าชายฝั่งอย่างเป็นระเบียบ เมื่อหลินมู่อวี่พาเว่ยโฉว ฉินเหยียนและผู้นำคนอื่นๆไปที่ท่าเรือ เหล่าลูกเรือต่างรีบพากันลงจากเรือรบทันที ชายมีเคราผู้มียศผู้บัญชาการกองหมื่นคารวะพลางกล่าวออก “ข้าแม่ทัพซือตู่ลี่ ผู้บัญชาการไป๋หลี่ฉางรอพบท่านอยู่ขอรับ!”
หลินมู่อวี่เผยยิ้มพลางก้าวไปหาซือตู่ลี่พร้อมกล่าว “ท่านแม่ทัพสุภาพเกินไปแล้ว หลายวันมานี้อีกฝั่งมีการเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่?”
“มีขอรับ!”
ซือตู่ลี่กล่าวเสียงเครียด “กองทัพปีศาจตั้งค่ายอยู่ฝั่งตรงข้าม จากการสังเกตการณ์พวกมันมีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นตัว ส่วนใหญ่เป็นพวกแมลงสาบขอรับ”
“ปีศาจ?”
“ขอรับ!”
“เข้าใจล่ะ” หลินมู่อวี่มองแนวป้องกันด้านข้างพร้อมเอ่ย “ให้คนไปตั้งค่ายตามชายฝั่งทุกๆ สิบไมล์ ห้าค่ายทางเหนือและใต้ ส่งทหารม้าเบาลาดตระเวนดูการเคลื่อนไหวของพวกมันด้วย”
“รับทราบขอรับ!”
…………………………………..