The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.396 ถอนทัพ
EP.396 ถอนทัพ
หลังจากฉินอินจัดเสื้อผ้าและสวมรองเท้า นางก็เอ่ยถาม “เว่ยโฉว เกิดสิ่งใดขึ้นด้านนอก?”
เว่ยโฉวเปิดประตูกระโจมพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท เสียงกลองดังจากเมืองเจียงตง ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจกำลังเตรียมตัวโจมตี แต่…พวกมันไม่เคยตีกลองศึกเมื่อเริ่มจู่โจมมาก่อน”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ทหาร นำชุดเกราะของข้ามาและออกไปดูกัน!”
“ขอรับ!”
ฉินอินรีบพูด “เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังต้องการออกไปสู้อีกหรือ?”
“ข้าเพียงออกไปดูเท่านั้น และนี่ก็เป็นแค่แผลถลอก ข้าไม่เป็นไร”
หลินมู่อวี่ยืนกรานที่จะไปให้ได้ จากนั้นก็สวมชุดเกราะและขี่ม้านำฉินอิน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ออกจากเมือง พวกเขามองเห็นเปลวเพลิงปลิวไสวจากระยะไกล อสูรเกราะจำนวนมหาศาลส่งเสียงขู่พร้อมตะโกนดังด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ
…
“ผู้บัญชาการหลิน”
ซูอวี่นำทหารม้าหนักมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการหลินได้รับบาดบาดเจ็บสาหัส เหตุใดจึงออกมาด้านนอกเช่นนี้”
“หากเผ่าปีศาจกำลังจะโจมตีจริง ข้าจำเป็นต้องออกมา”
หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง “ป้องกันศัตรูพร้อมเตรียมน้ำมันบีชสีดำ เมื่อใดที่มันเริ่มโจมตี จงทำให้มันกลายเป็นเนื้อย่างซะ!”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
…
กระนั้นหลังจากรอเป็นเวลานาน ปีศาจก็ไม่มีทีท่าจะเริ่มโจมตี ก่อนที่เสียงจะค่อยๆ เงียบลง
“ดูเหมือนว่ามันเพียงต้องการเรียกร้องความสนใจเท่านั้น” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ให้ทหารส่งสารไปยังป้อมปราการอีกหกแห่งเพื่อรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา พฤติกรรมของพวกปีศาจเหล่านี้ดูผิดปกติเกินไป”
“ขอรับพี่ใหญ่!” ฉินเหยียนหันกลับออกไป
ซูอวี่ทอดสายตามองฝั่งตรงข้ามด้วยดวงตาคู่งามพร้อมกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะโจมตี ผู้บัญชาการหลินคิดเหมือนกันหรือไม่? อสูรเกราะปักหลักอยู่อีกฝั่งเกือบสองแสนตัว พวกมันมีร่างกายใหญ่โตและคงต้องการอาหารไม่น้อย มณฑลชางหนานไม่ใช่พื้นที่เก็บเสบียงของเผ่าปีศาจ ดังนั้นเสบียงต่างๆ ของมันจึงด้อยกว่าพวกเรามาก อีกทั้งไม่ได้มีผู้คนมากมายให้พวกมันจับกิน”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ป้าอวี่กล่าวมีเหตุผล อย่างไรก็ตามเราเพิ่งเริ่มต้นสร้างกำแพงเหล็ก เฉียนเฟิงเป็นผู้มีไหวพริบ เขาคงไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่”
“อืม…” ซูอวี่มองไปยังฉินอินและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดเสี่ยวอินจึงอยู่ที่นี่ด้วย?”
ฉินอินหน้าแดงก่ำ “ข้าอยู่กับพี่อาอวี่ในค่าย จึงออกมาด้วยกันเจ้าค่ะ”
“เป็นเช่นนี้เอง…”
ซูอวี่สังเกตอากัปกิริยาได้จึงเดินเข้าไปหาฉินอินและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความจริงป้าอวี่มองออกว่าเสี่ยวอินชอบอาอวี่ และอาอวี่ก็ชอบเสี่ยวอิน เช่นนั้น…เหตุใดจึงไม่ให้ท่านตาจัดพิธีสมรสให้? หากเสี่ยวอินแต่งงานกับอาอวี่ คงเป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุด”
ฉินอินประหลาดใจพร้อมใบหน้าแดงก่ำ “ขะ…ข้า…”
“พูดไม่ออกหรือ?” ซูอวี่หัวเราะคิกคัก “เช่นนั้นให้ป้าอวี่ช่วยไหม?”
“ไม่เจ้าค่ะ…”
ฉินอินขมวดคิ้ว “ข้ารับรู้ถึงน้ำใจของท่านป้า แต่มันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้จักรวรรดิสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด จักรวรรดิอี้เหอทำให้แผ่นดินแยกออกจากกัน อีกทั้งมีปีศาจมารุกราน หากเสี่ยวอินแต่งงานในช่วงเวลานี้ ผู้คนคงพากันตัดสินว่าจักรพรรดินีมัวแต่ลุ่มหลงในเสน่หา อีกทั้ง…ท่านตาคงไม่เห็นด้วย”
“อืม นั่นสินะ…”
ซูอวี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “แม้อาอวี่จะเป็นผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดและโดดเด่นมากในจักรวรรดิ แต่ความชอบธรรมยังมีไม่เพียงพอสำหรับคุณสมบัติองค์ชาย เช่นนั้นคงต้องรอไปก่อน…ป้าจะคอยสนับสนุนให้เสี่ยวอินได้อยู่กับคนที่รักแน่นอน!”
ฉินอินยิ้มหวาน “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้าอวี่!”
หลินมู่อวี่กระแอม “ท่านคิดว่าข้าไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้แล้วหรือ?”
ซูอวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่ เจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับเสี่ยวอินรึ?”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่…” หลินมู่อวี่ตอบ “มันยังไม่ถึงเวลา หลังจากสามารถยึดครองมณฑลหลิงหนานและขับไล่เผ่าปีศาจ ข้าจะกอบกู้แผ่นดินทั้งหมดเพื่อเป็นสินสอดขอเสี่ยวอินแต่งงาน เช่นนั้นข้าจะได้เหมาะสมกับสถานะของนางมากขึ้น อีกทั้งหากเป็นไปได้…ข้าอยากพาเสี่ยวอินกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด อืม…แล้วจะจัดโต๊ะรับแขกกว่าหนึ่งพันตัว พร้อมรถโรลส์รอยซ์กว่าร้อยคันคอยต้อนรับ อีกทั้งจัดงานแบบหรูหราที่สุด…”
ซูอวี่ประหลาดใจ “อาอวี่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ…แม้จะไม่รู้ว่าพูดถึงสิ่งใด แต่คิดว่ามันต้องดูดีมากเป็นแน่”
“ฮ่าๆ โอ้…พวกมันตีกลองอีกแล้ว เกิดบ้าอะไรขึ้น…”
…
ภายในค่ายเผ่าปีศาจ ณ กระโจมหลักของจอมพล พายุปราณสีเลือดลอยขึ้นแผ่วเบาขณะที่เฉียนเฟิงใช้ฝ่ามือยันพื้นเพื่อยกร่างกายขึ้นในลักษณะกลับหัว พลังปราชญ์แห่งปีศาจยังคงลอยอยู่รอบแขนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในท่าทางที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นแสงดวงดาวบนร่างกายของเขาสั่นไหว ก่อนที่พลังเจ็ดประทีปจะสลายไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าพร้อมพลิกตัวนั่งลงบนพรม ในที่สุดใบหน้าของเขาก็เริ่มมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น เขาสวมเสื้อและกล่าวว่า “เข้ามา!”
กลุ่มนายพลอาวุโสของเผ่าปีศาจก้าวเข้ามาในค่ายโดยมีปิดบังใบหน้าไว้ อสูรระดับสี่ดาวตนหนึ่งก้าวเข้ามาประสานหมัด “ท่านจอมพลอาการดีขึ้นแล้วหรือไม่?”
“อืม”
เฉียนเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “พลังลึกลับของหลินมู่อวี่ทรงพลังมากจนเกือบสังหารข้า ศึกครานี้พรากชีวิตแม่ทัพขวาและองค์ชายสามอย่างน่าสลด เป็นเพราะข้าบัญชาการไม่ดี หลังจากกลับเมืองหลวง ข้าจะต้องทูลขอประทานอภัยต่อองค์จักรพรรดิอสูร”
“ท่านจอมพลอย่าโทษตัวเอง…ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมนุษย์มีเล่ห์เหลี่ยมยิ่ง”
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนหรือไม่?”
“ขอรับ” อสูรระดับสี่ดาวแสดงความเคารพ “ข้าคำรามพร้อมตีกลองทุกครั้งที่จุดกำยาน จากนั้นอสูรปีกจะถอยกลับ และทำให้กองทัพมนุษย์เผชิญหน้ากับความตื่นตระหนก”
“อืม”
เฉียนเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “หลังจากก่อกวนสองถึงสามวัน กองทัพมนุษย์คงหมดแรง จากนั้นจะเป็นเวลาของเราที่จะค่อยๆ ถอนทัพกลับเมืองตงฉวง”
“เรากำลังจะกลับเมืองตงฉวงจริงหรือ? ท่านจอมพล ไม่ใช่ว่ากองกำลังของเรายังมีพลังเหนือกว่ามนุษย์อย่างนั้นเหรอ? หากท่านล่าถอยโดยไม่ต่อสู้ จะเป็นการเสียเกียรติยศจอมพลของท่านหรือไม่?”
“เสียเกียรติ?”
เฉียนเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “ในศึกแม่น้ำต้าวเจียงนี้เราสูญเสียองค์ชายสามและกองกำลังมากมาย อีกทั้งดูเหมือนว่าพวกมนุษย์ได้เตรียมน้ำมันบีชสีดำจำนวนมากเพื่อเผาอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นเนื้อสัตว์สำหรับอสูรเกราะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ที่นี่คือดินแดนของมนุษย์ซึ่งมีเสบียงอยู่พร้อม ขณะที่พวกเราไม่สามารถขนส่งเสบียง จึงการปักหลักอยู่ที่นี่ต่อไปนั้นทำได้ยาก หากอสูรเกราะหิวโหยจนเริ่มกินกันเอง ข้าเกรงว่ากองทัพมนุษย์จะฉวยโอกาสข้ามแม่น้ำและมอบหายนะให้แก่เรา”
อสูรระดับสี่ดาวเผยท่าทีหวาดกลัว “มนุษย์…แข็งแกร่งมากเลยหรือ?”
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เฉียนเฟิงเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก “ศึกครานี้ทำให้ข้าตระหนักว่า การพิชิตพวกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สามารถทำได้อย่างเร่งรีบ อีกทั้ง…พวกมันมีแม่ทัพที่เก่งกล้าอย่างเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และเซี่ยงอวี้ ซึ่งไม่ง่ายที่จะเอาชนะ ตรงกันข้ามหากเราถอยทัพปักหลักที่เมืองตงฉวงและฝึกฝน เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น”
“เราจะทำสิ่งใดต่อหลังจากกลับเมืองตงฉวงขอรับ?”
“รับเสบียงที่ฝ่าบาทส่งมา จากนั้น…” เฉียนเฟิงคร่ำครวญ “ฝึกอสูรเกราะใหม่ทั้งหมด ต่อจากนี้ห้ามผู้ใดกินมนุษย์อีกนอกเหนือจากคำสั่งของข้า พร้อมส่งคนไปรวบรวมมนุษย์ที่เป็นช่างฝีมือจากมณฑลหลิงตงและมณฑลทงเทียน สั่งชาวนาให้ปลูกข้าว ให้ช่างตีเหล็กทำอาวุธใหม่ให้ข้า และสิ่งสำคัญที่สุด…ให้พวกมันทำอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำศึก ไม่ว่าจะเป็นเกวียน หรือบันไดลอยฟ้าที่ใช้พาดกำแพงเมืองเพื่อให้อสูรเกราะปีนเข้าไปในเมืองได้ หึ! ครานี้เมืองมนุษย์จะต้องแตกพ่ายอย่างง่ายดาย!”
อสูรระดับสี่ดาวมองอย่างความเคารพ ก่อนจะประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “ท่านจอมพลช่างปราดเปรื่องยิ่ง!”
“ถอนทัพสามวันหลังจากนี้ และ…ส่งคนไปรายงานสถานการณ์แก่องค์จักรพรรดิอสูรพร้อมทูลขออสูรระดับห้าดาวส่งไปยังเมืองตงฉวงเพื่อรอรับพวกเรา”
“ท่านจอมพลต้องการลอบสังหารผู้นำมนุษย์หรือ?”
“ใช่ แม่ทัพมนุษย์เช่นเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และเซี่ยงอวี้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่พวกมันก็ไม่อาจเทียบได้กับอสูรระดับห้า พวกเขาต้องแปลงกายเป็นมนุษย์แฝงตัวเข้าไปและตัดหัวพวกมันมาให้ข้า!”
“ขอรับ! ท่านจอมพล เช่นนั้นเราสามารถส่งอสูรที่แข็งแกร่งไปสังหารจักรพรรดินีฉินอิน แล้วจากนั้น…จักรวรรดิมนุษย์ก็จะล่มสลายทันที!”
“ไม่!”
เฉียนเฟิงหันมองและกล่าวอย่างแน่วแน่ “ห้ามผู้ใดสังหารจักรพรรดินีฉินอิน จงจำไว้ว่านางจะต้องไม่ตาย สักวันหนึ่งข้าจะแต่งงานกับนาง!”
“ขะ…ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”
“สถานการณ์ของจอมพลเหล่ยฉงเป็นอย่างไร?”
“ยังไม่มีความคืบหน้าในการโจมตีเทือกเขาฉินเลยขอรับ”
“อืม เจ้าโง่นั่น…” เฉียนเฟิงยิ้มบางๆ “ปล่อยให้เขาค่อยๆ โจมตีและติดอยู่ที่นั่นต่อไป ข้าได้ยินมาว่ามีแม่ทัพเก่งกล้านามว่าหลงเซียนหลินในจักรวรรดิอี้เหอใช่หรือไม่?”
“ขอรับ หลงเซียนหลินเป็นผู้ขัดขวางจอมพลเหล่ยฉง”
“อืม…” ความตื่นเต้นฉายบนดวงตาของเฉียนเฟิง “หากมีโอกาส ข้าคงได้เผชิญหน้ากับหลงเซียนหลินสักวัน!”
…
สามวันต่อมา กองทัพเผ่าปีศาจค่อยๆ ถอนทัพกลับ
“พวกปีศาจถอยหนีแล้ว!”
“ไอ้พวกปีศาจพ่ายแพ้!”
“พวกเราชนะแล้ว!!”
เสียงร้องยินดีดังก้องท่ามกลางกองทัพมนุษย์ ทุกคนต่างยินดีหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดมานาน ในที่สุดเผ่าปีศาจก็ถอยหนี ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะมีชีวิตรอดของผู้คน
ถังหลาน ซูมู่หยุน เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และคนอื่นๆ อยู่ในกระโจมหลักของค่าย
“ปีศาจได้ถอนทัพแล้ว” ฉินอินกวาดตามองทุกคนและกล่าวว่า “ในนามตัวแทนของประชาชน ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่หลั่งเลือดเพื่อแผ่นดิน และรักษาจักรวรรดิสืบต่อไป!”
ถังหลานประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาท ที่แห่งนี้เป็นสนามรบ ไม่ใช่สถานที่ที่พระองค์ควรประทับเป็นเวลานาน กระหม่อมแนะนำให้พระองค์เสด็จกลับตำหนักเจ๋อเทียนโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
ฉินอินพยักหน้า “สำหรับแนวป้องกันเรายังไม่สามารถวางใจได้ ป้อมปราการทุกแห่งจำเป็นต้องมีทหารเหลือไว้สามหมื่นนาย ส่วนคนที่เหลือติดตามข้ากลับเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ พี่อาอวี่ควรกลับไปพร้อมกับข้า อยู่ข้างนอกนานเช่นนี้ท่านคงเหนื่อย”
หลินมู่อวี่ประสานหมัดรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงจี้สิงแตะจมูก “ฝ่าบาทช่างลำเอียงยิ่ง ข้าเองก็เดินเตร่อยู่ด้านนอกมานาน รับลมหนาวจนเป็นหวัด…ไม่เห็นพระองค์จะตรัสถึงกระหม่อมบ้าง…”
ทุกคนในกระโจมพลันยิ้ม
ฉินอินหน้าแดงก่ำพร้อมกล่าวว่า “เมื่อท่านกลับไปเมืองหลันเยี่ยน จะได้รับคุณความดีแน่นอน ผู้บัญชาการเฟิงไม่ต้องห่วง! กองทหารแต่ละกองจะให้รองผู้บัญชาการเป็นผู้ดูแล ส่วนผู้บัญชาการคนอื่นๆ เตรียมตัวกลับเมืองหลันเยี่ยนในอีกสามวัน อีกทั้งจงรีบเกณฑ์คนสร้างกำแพงเหล็ก ยิ่งเสร็จเร็วเท่าใดยิ่งดี”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
เหล่าข้าราชบริพารประสานหมัดรับ ในที่สุดเผ่าปีศาจก็ยอมล่าถอยหลังจากผ่านมาหลายวัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันที่ดีอย่างแท้จริง
………………………………….