The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.408 เครื่องยิง
EP.408 เครื่องยิง
ในช่วงบ่าย ฉินอินจัดเตรียมที่พักสำหรับชวีฉู่ให้อยู่ในเขตตำหนักเจ๋อเทียนเพื่อให้เขาดูแลความปลอดภัยของนาง
หลินมู่อวี่กลับวิหารศักดิ์สิทธิ์และตกตะลึงเมื่อพบกับม้วนหนังสือจำนวนมากในสำนักงาน
“เป็นอะไรไปหรือท่านผู้นำ?” เกอหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินมู่อวี่รู้สึกเพียงหนังศีรษะที่ชาวาบเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ท่านปู่เกอหยาง วิหารควรจ้างเจ้าหน้าที่พลเรือนจริงๆ ม้วนหนังสือส่วนมากไม่จำเป็นต้องให้ข้าเป็นผู้ตรวจสอบเป็นการส่วนตัว เนื่องจากมันทำให้ข้าเสียเวลา”
เกอหยางลูบเคราและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ คงต้องให้ใต้เท้าเจิ้งเป็นผู้คัดสรรเจ้าหน้าที่พลเรือน แต่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักรบ ซึ่งล้วนแล้วไม่รู้หนังสือ”
“ข้าเชื่อว่าจะต้องมีอยู่บ้าง”
“อื้ม”
หลินมู่อวี่นั่งสมาธิอย่างเงียบงันพร้อมอ่านม้วนหนังสือเกี่ยวกับการคัดสรรเจ้าหน้าที่วิหาร การหาทุน และอีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากเมื่อเทียบกับการฝึกยุทธ์ แต่โชคดีที่หลินมู่อวี่ยังสามารถโคจรหลอมกระดูกมังกรในร่างกายได้โดยไม่เสียเวลาเปล่า
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลง จู่ๆ ทหารรักษาการณ์ก็เข้ามาพบพร้อมกล่าวว่า “ท่านผู้นำวิหาร ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงขอเข้าพบขอรับ”
“โอ้ ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ!”
เฟิงจี้สิงเดินเข้ามานั่งที่มุมหนึ่งของโต๊ะผู้นำวิหารอย่างไร้มารยาทพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ท่านผู้นำกำลังอ่านอนุสรณ์อีกแล้ว”
“มันเป็นเพียงอนุสรณ์ของจักรพรรดิเท่านั้น” หลินมู่อวี่เงยหน้ามอง “พี่เฟิงไม่ได้นัดดื่มตอนกลางคืนหรือ? เหตุใดจึงมาเร็วถึงเพียงนี้?”
“ฮ่าๆ” เฟิงจี้สิงหัวเราะเสียงดัง “ข้าต้องการพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่งก่อน”
“ที่ใดหรือ?”
“หน่วยสรรพาวุธของกระทรวงอุตสาหกรรม”
“โอ้ หน่วยสรรพาวุธ?”
“ใช่ วางม้วนหนังสือลงแล้วไปกันเถิด ขุมสมบัติน่าสนใจมากกว่าม้วนหนังสือพวกนี้มาก”
“อืม”
หลินมู่อวี่ขี่ท่าเฉว่ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ตรงไปกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งจักรวรรดิพร้อมเฟิงจี้สิงเพียงสองคนโดยไม่มีทหารคอยคุ้มกัน เนื่องจากไม่มีความจำเป็นนัก ผู้ใดกันจะกล้าโจมตีจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ทั้งสองของจักรวรรดิ
เมื่อมาถึงกระทรวงอุตสาหกรรม ก็พบหน่วยลาดตระเวนรอบบริเวณเป็นระยะ หลินมู่อวี่และเฟิงจี้สิงขี่ม้าเข้าไปส่วนลึกของกระทรวง กระทั่งมองเห็นอาคารตั้งตระหง่านอยู่ระยะไกล ด้านนอกได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากทหารรักษาการณ์กว่าสองร้อยนาย
ดูเหมือนว่าจะมีความลับซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้จริงๆ
“จำฉินจื่อหลิงได้หรือไม่?” เฟิงจี้สิงเอ่ยถาม
“จำได้ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
“ข้าส่งเขาไปหาโอวหยางเฮ่อผู้เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยโรงหลอมโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้า ฉินจื่อหลิงสามารถทำหน้าไม้ได้อย่างช่ำชอง ดังนั้นช่างฝีมือของกระทรวงอุตสาหกรรมจึงใช้ภาพวาดของเขาไปพัฒนา แล้วเจ้าจะได้เห็นเร็วๆ นี้”
“อื้ม!”
จากนั้นทั้งสองมาถึงหน้าประตูของหน่วยสรรพาวุธ ทหารรักษาการณ์เข้ามาประสานหมัดต้อนรับ “ผู้บัญชาการเฟิง ผู้บัญชาการหลิน”
เฟิงจี้สิงพยักหน้า “พาพวกเราเข้าไป ผู้บัญชาการหลินและข้าต้องการเห็นความแข็งแกร่งของกล่องลูกศร”
“ขอรับ”
นายกองนำทั้งสองเข้าไปด้านในหน่วยสรรพาวุธ ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบพลเรือนเข้ามาทักทายทั้งสอง เขาเป็นชายอายุราวห้าสิบปี ใบหน้าซีดเซียวและมีร่องลึก เขาประสานหมัดยิ้ม “โอวหยางเฮ่อคารวะผู้บัญชาการเฟิงและผู้บัญชาการหลินขอรับ”
เฟิงจี้สิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านโอวหยาง ข้าต้องการพาผู้บัญชาการหลินไปดูอาวุธใหม่ของเรา”
“เชิญผู้บัญชาการหลินขอรับ”
หลินมู่อวี่งงงวยด้วยความสงสัยว่ากล่องลูกศรคือสิ่งใด มันเป็นอุปกรณ์ที่มีกลไกคล้ายหน้าไม้ที่ยิงต่อเนื่องหรือไม่? หากใช่ เขาเองก็เคยเห็นมานานแล้ว แต่ไม่เคยเข้าใจหลักการทำงานของมัน
โอวหยางเฮ่อพาทั้งสองไปยังลานฝึกยิงของหน่วยสรรพาวุธ มีกลุ่มคนสวมชุดเจ้าหน้าที่พลเรือนของกระทรวงอุตสาหกรรมกำลังทดสอบกล่องสีดำอยู่ไม่ไกล กล่องนั้นเต็มไปด้วยลูกศรและมีช่องสำหรับยิง ชัดเจนแล้วว่ามันคือกล่องลูกศรในตำนาน ฉินจื่อหลิงท่ามกลางเจ้าหน้าที่พลเรือนเห็นหลินมู่อวี่ เขารีบลุกขึ้นและประสานหมัดด้วยความเคารพ “ใต้เท้าหลิน”
หลินมู่อวี่เห็นว่าฉินจื่อหลิงได้เลื่อนยศเป็นระดับผู้บัญชาการและทำงานในหน่วยสรรพาวุธซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ เขาพยักหน้ารับและยิ้ม “ฉินจื่อหลิง”
ฉินจื่อหลิงกล่าวด้วยความละอายใจ “ข้าเข้าร่วมหน่วยสรรพาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาตจากใต้เท้า ขะ…ข้าขอโทษจริงๆ โปรดให้อภัยข้าด้วย”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและตบไหล่ฉินจื่อหลิงเบาๆ “กล่าวอะไรโง่เขลาเช่นนั้น ความสามารถของเจ้ามีประโยชน์ต่อหน่วยสรรพาวุธ และข้าก็ยินดีกับเจ้า”
“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”
“อืม แสดงอาวุธที่เจ้าพัฒนาให้ข้าดูเถิด”
“ขอรับ”
ฉินจื่อหลิงออกคำสั่ง จากนั้นทหารสองนายผลักกล่องลูกศรเคลื่อนออกไปช้าๆ โดยเล็งไปที่เป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปราวสองร้อยเมตร ซึ่งเป็นระยะยิงสูงสุดของธนู กล่องไม้นี้หนาเกือบครึ่งเมตรเมื่อกะจากสายตา หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังกล่องลูกศรนั้น
โอวหยางเฮ่อยิ้มเล็กน้อยพร้อมหยิบลูกศรที่มีไฟลุกโชนจากโต๊ะด้านข้าง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกศรชนิดนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษด้วยพิษไฟ ซึ่งมาจากวัชพืชพิษสองชนิดคือ ไผ่สวรรค์และพิษลักษณ์ มันทรงพลังมากแม้แต่อสูรเกราะก็ไม่อาจต้านพิษนี้ได้”
หลินมู่อวี่ประหลาดใจ “ท่านทดสอบพิษกับอสูรเกราะแล้วหรือ?”
“ขอรับ” โอวหยางเฮ่อพยักหน้า “ต้องขอบคุณผู้บัญชาการหลินที่ส่งอสูรเกราะกลับมาจากแม่น้ำต้าวเจียง เราจึงสามารถทดสอบกับมันได้ น่าเสียดายที่อสูรเกราะไม่สามารถต้านทานพิษ พวกมันจึงล้มตายทั้งหมด”
“อืม”
“เอาล่ะ เตรียมพร้อมยิง”
“ขอรับ!”
ทหารนายหนึ่งดึงสลักออก ทันใดนั้นก็มีเสียงสปริงของกลไกภายในกล่องลูกศรดังขึ้น “ฟิ้ว!” ลูกศรเกือบสี่สิบลูกถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ลูกศรปักลงบนเป้าและกำแพงอย่างรุนแรงด้วยพลังที่น่าตกตะลึง
“เข้าไปดูกัน” เฟิงจี้สิงกล่าว
“อืม”
หลินมู่อวี่ก้าวออกไปด้านหน้าเป้ายิงพร้อมดึงลูกศรออกมา ตัวลูกศรทำจากเหล็กทั้งหมดและมีความคมมาก มันเจาะทะลุเป้าฝังลึกในเนื้อไม้ราวยี่สิบเซนติเมตร โอวหยางเฮ่อกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “อาวุธนี้จะกลายเป็นพลธนูที่เก่งที่สุดในจักรวรรดิ”
“ไม่เสมอไป”
หลินมู่อวี่ได้เห็นทักษะการยิงธนูของเว่ยโฉวแล้ว เขาสามารถยิงลูกศรไกลกว่าสองร้อยเมตรและเจาะทะลุเป้าได้เช่นกัน หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมส่งเสียงร้องและตวัดกระบี่ออกไป “ฉึก!” เป้าธนูไม้ถูกตัดลึกเข้าไปสี่สิบเซนติเมตรทันที
“ท่านหลินมู่อวี่…” โอวหยางเฮ่อมองด้วยความประหลาดใจ
หลินมู่อวี่กล่าว “ข้าได้เผชิญหน้ากับอสูรเกราะมาแล้ว จึงเข้าใจความแข็งแกร่งและความทนทานของเกราะพวกมันดี พลังที่ท่านเห็นเมื่อครู่สามารถตัดเกราะของปีศาจได้ ดังนั้นหากกล่องลูกศรไม่สามารถยิงเป้าหมายได้ลึกถึงสี่สิบเซนติเมตร มันจะไม่สามารถเจาะเกราะของพวกมันได้เลย แทบไม่ต้องพูดถึงว่าจะยิงทะลุร่างกายและปล่อยพิษร้ายถึงแก่ชีวิต”
โอวหยางเฮ่อขมวดคิ้ว “นั่นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก...”
ขณะเดียวกันฉินจื่อหลิงด้านหลังพลันกล่าวออก “ท่านโอวหยาง ขอเวลาข้าอีกหน่อยเถิด ข้าน้อยมั่นใจว่าจะพัฒนากล่องลูกศรตามความต้องการของผู้บัญชาการหลินได้ อีกทั้ง…ช่างหลอมของเรายังมีเหลือเพียงพอสำหรับการพัฒนาอาวุธ ตราบใดที่พวกเขามีทักษะมากพอ ข้าเชื่อว่าเราจะสามารถยิงทะลุเกราะหนาของปีศาจได้อย่างแน่นอน!”
โอวหยางเฮ่อกล่าวด้วยความปีติ “ข้าเชื่อว่าจื่อหลิงทำได้!”
“ข้าน้อยจะออกไปเดี๋ยวนี้” ฉินจื่อหลิงตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
หลินมู่อวี่ยิ้ม “หากจื่อหลิงสามารถพัฒนากล่องลูกศรให้เป็นอาวุธสังหารอสูรเกราะได้จริง ข้าจะเสนอชื่อเจ้าต่อฉินอินให้เป็นหัวหน้าหน่วยสรรพาวุธ”
ฉินจื่อหลิงกล่าวด้วยความยินดี “ขอบคุณขอรับผู้บัญชาการหลิน จื่อหลิงจะทำให้ดีที่สุด!”
ขณะเดียวกันโอวหยางเฮ่อกล่าว “นอกเหนือจากกล่องลูกศร เรายังศึกษาเครื่องยิงตามที่ผู้บัญชาการทั้งสองเคยกล่าว”
“อืม ท่านโอวหยางนำพวกเราไปที”
“ขอรับ”
ฉินจื่อหลิงถือภาพวาดออกไป ขณะที่โอวหยางเฮ่อผู้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมรู้สึกตื่นเต้น หน่วยสรรพาวุธได้รับความนิยมน้อยที่สุดในจักรวรรดิ เนื่องจากจักรพรรดิฉินจิ้นทรงโปรดปรานวิทยายุทธ์ เขาจึงสนับสนุนให้ทหารฝึกการต่อสู้และยิงธนู แต่ไม่ได้สนับสนุนการพัฒนาศาสตราวุธเลย
เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่เป็นสองผู้นำของจักรวรรดิที่มีอำนาจสูงเพียงพอจะทำให้โอวหยางเฮ่อประจบ เขาจึงทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาอาวุธใหม่
เครื่องยิงแบ่งออกเป็นยิงแบบเดี่ยวและยิงแบบต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับกล่องลูกศร ข้อเสียของมันคือใส่ลูกศรได้น้อย แต่ข้อดีคือเคลื่อนย้ายง่ายและน้ำหนักไม่มาก
โอวหยางเฮ่อกล่าวด้วยความภูมิใจ “เครื่องยิงลูกศรนี้สามารถยิงลูกศรทะลุไม้ลึกถึงห้าสิบเซนติเมตร หากอยู่ในระยะใกล้จะสามารถเจาะทะลวงร่างของอสูรเกราะได้ แต่ข้อจำกัดคือต้องการเป็นเป้าที่ใหญ่มากพอ”
หลินมู่อวี่เพียงพยักหน้ารับ
โอวหยางเฮ่อชี้ไปยังอุปกรณ์ที่สูงประมาณสองคนต่อกันพร้อมกล่าวว่า “นี่คือเครื่องยิงในตำนาน มันสามารถยิงหินและลูกศรได้ ซึ่งทรงพลังมาก แต่ต้องใช้คนมากกว่าสิบคนในการควบคุม อีกทั้งความแม่นยำแย่มาก และมีน้ำหนักเยอะไม่เหมาะสมกับการต่อสู้ในสนามรบ”
เฟิงจี้สิงเลียริมฝีปากและเงยหน้าขึ้นมอง “มันดูแข็งแกร่งมากจริงๆ”
ดวงตาหลินมู่อวี่เปล่งประกาย “หากเครื่องยิงนี้ติดตั้งหินแหลมคม มันจะสามารถยิงทะลุเรือรบธรรมดาได้หรือไม่?”
“ได้แน่นอนขอรับ” โอวหยางเฮ่อกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ผู้บัญชาการหลินหมายความว่า…”
“พัฒนาและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อสามารถติดตั้งบนเรือรบของทหารเรือแห่งจักรวรรดิ”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างอารมณ์ดี “พวกปีศาจไม่ได้โง่เขลา ไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องทำศึกกับพวกมันอีกครั้ง และจะกลายเป็นเรื่องยากหากเราไม่พัฒนาอาวุธทางน้ำ”
โอวหยางเฮ่อกล่าว “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ แต่…เงินที่ใช้ในหน่วยสรรพาวุธนั้นดำเนินการล่าช้า อีกทั้งท่านหลานกงและหยุนกงไม่สนใจการพัฒนาอาวุธ ดังนั้นม้วนหนังสือที่ส่งไปจึงถูกเพิกเฉยและไม่เคยส่งถึงองค์จักรพรรดินี”
“นำม้วนหนังสือมา ข้าจะส่งให้ฝ่าบาทโดยตรง” หลินมู่อวี่ยิ้ม
โอวหยางเฮ่อยินดีมาก “ดะ…ได้ขอรับ…ขอบคุณผู้บัญชาการหลิน”
เฟิงจี้สิงด้านข้างเผยยิ้ม “อาอวี่ เรายังต้องไปดื่มคืนนี้”
“หลังจากเข้าพบฉินอินแล้วค่อยไป”
“ตกลง”
………………………………….