The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.422 สังหารให้สิ้น
EP.422 สังหารให้สิ้น
เมืองซิงเจว๋มั่งคั่งมาก และมีบ้านเรือนหลายหลังที่ไม่ถูกเผา ดังนั้นทหารกองทัพมังกรผงาดเกือบห้าพันนายจึงเข้าไปพักในวิหารศักดิ์สิทธิ์ สมาพันธ์โอสถ ร้านศาสตราวุธ และอาคารอื่นๆ ในเมือง หลังจากทานอาหารมื้อใหญ่ พวกเขาก็แยกย้ายพักผ่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่สมาพันธ์โอสถของเมืองซิงเจว๋รีบเข้ามาดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เสียงฝนผสมปนเปกับเสียงร้องระงมของทหารในค่ำคืนที่มืดมิด
หลินมู่อวี่พักอาศัยอยู่ในวิหาร หัวหน้าใต้เท้าสาขาเมืองซิงเจว๋ได้เตรียมห้องผู้นำวิหารให้แก่เขา เนื่องจากสำหรับสมาชิกวิหารทั่วแผ่นดิน หลินมู่อวี่มีตำแหน่งที่สูงส่งมาก ไม่เพียงเป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพจักรวรรดิ แต่ยังเป็นผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
หลินมู่อวี่ถือกระบี่เล่มยาวในอ้อมแขนพร้อมเอนกายลงบนฟูกและหลับตาลงช้าๆ เขาไม่รู้ว่าหลับใหลไปนานเพียงใด จู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านผู้นำหลับไปนานเท่าใดแล้ว?”
ทหารรักษาการณ์ของกองทัพมังกรผงาดด้านนอกตอบ “ราวสองชั่วโมง สาวน้อย เจ้ามีสิ่งใดหรือ?”
“ใต้เท้าสั่งให้ข้ามารับใช้ท่านผู้นำวิหาร เช่นนั้น…ข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่”
“อืม”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากนอนหลับไปสี่ชั่วโมง ปราณยุทธ์ในร่างกายฟื้นฟูเกือบถึงขึ้นสูงสุด ยิ่งระดับพลังยุทธ์มากเพียงใด ก็จะยิ่งต้องการเวลาพักผ่อนน้อยลงเท่านั้น เขาวางกระบี่ลงข้างกายพร้อมกล่าวว่า “ทหาร ถือตะเกียงนำหญิงสาวผู้นั้นเขามา”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ”
ทหารถือตะเกียงและเปิดประตูเดินเข้ามา ส่วนหญิงสาวสวมเสื้อสีเหลืองพร้อมอ่างน้ำ “ท่านผู้นำวิหาร จื่อหลัวมาเพื่อช่วยท่านชำระล้างร่างกายเจ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็น” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ข้าทำเองได้”
เขาวักน้ำขึ้นล้างหน้าก่อนจะเอ่ยถาม “จื่อหลัว เจ้ามาจากวิหารด้วยหรือ?”
“เจ้าค่ะ”
จื่อหลัวกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านผู้นำ พ่อแม่ของจื่อหลัวเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อน ใต้เท้าวิหารศักดิ์สิทธิ์จึงรับจื่อหลัวเข้ามาและขอให้ทำงานบ้านภายในเล็กน้อย”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “เท่าที่ข้ารู้ กฎข้อที่หนึ่งของวิหารศักดิ์สิทธิ์คือไม่ยอมรับสตรี”
จื่อหลัวกล่าวตอบอย่างตื่นตระหนก “จื่อหลัวขอเข้าไปในวิหารเอง ใต้เท้าเพียงสงสารที่ข้าลำบาก เช่นนั้นโปรดอย่าตำหนิใต้เท้าเลยเจ้าค่ะ…”
“อย่ากังวลไป ข้าจะไม่ตำหนิเขา” หลินมู่อวี่เช็ดหน้าพร้อมกล่าวว่า “ทุกเมืองในมณฑลหลิงหนานตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของจักรวรรดิอี้เหอ ข้าจึงไม่ใช่ผู้ปกครองวิหารศักดิ์สิทธิ์ในมณฑลหลิงหนานอีกต่อไป และไม่มีสิทธิ์ทวงถามกฎใหม่ของวิหารด้วย อย่ากังวลไปเลย”
จื่อหลัวกล่าว “ทะ…ท่านผู้นำช่างใจดีเหลือเกิน”
“อืม”
หลังหลินมู่อวี่ล้างหน้าเสร็จ เขาสวมชุดเกราะพร้อมคว้ากระบี่วิญญาณมังกรขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถิด”
“ท่านผู้นำจะไปไหนหรือเจ้าคะ?” จื่อหลัวตะลึง
“ค่ายทหาร”
หลินมู่อวี่ไม่กล่าวสิ่งใดมาก ก่อนจะเดินออกไปและทิ้งนางไว้เบื้องหลัง
จื่อหลัวยืนนิ่งพร้อมกัดริมฝีปากขณะเฝ้ามองแผ่นหลังหลินมู่อวี่เดินจากไปบนทางเดิน ราวกับมีกวางตัวน้อยวิ่งชนหัวใจจนเจ็บร้าว หลินมู่อวี่ในฐานะหนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนเป็นดั่งบุรุษในฝันของเหล่าเด็กสาว กระนั้นเขากลับไม่แม้แต่จะมองนางเลย บางทีภายในใจของจื่อหลัวคงไม่ต้องการสิ่งใดมาก ราวกับเขาเป็นเสมือนของขวัญจากสรวงสวรรค์
และนางคงจดจำชายผู้นี้ไปชั่วชีวิต...
…
ภายในจัตุรัสของวิหาร ทหารกองทัพมังกรผงาดกำลังเตรียมพร้อม หน่วยวิญญาณอัคนีทำอาหารขณะที่กลิ่นน้ำซุปหอมกรุ่นลอยอบอวล เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้าไป เหล่าทหารพลันประสานหมัดด้วยความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “อาหารวันนี้คงจะอร่อยมาก”
“ใช่ขอรับ ท่านเจ้าเมืองได้ส่งเนื้อวัวและเนื้อแกะจำนวนมากมาให้เมื่อคืน แต่…” เฝิงสี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ตามที่หน่วยสอดแนมกล่าว มีกองทัพปรากฏตัวทางใต้ของเมืองซิงเจว๋ ดูเหมือนว่าจะเป็นกองทัพของจักรวรรดิอี้เหอจากกำแพงเหล็ก พวกมันจะมาถึงที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมง”
“โอ้? พวกมันมีจำนวนเท่าใด?”
“เป็นทหารม้าราวสามพันนายขอรับ” เว่ยโฉวยิ้ม “เป้าหมายของพวกมันคือเมืองซิงเจว๋ เราจะสามารถเอาชนะพวกมันได้หรือไม่?”
“เหตุใดจึงไม่ได้?” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “จงรับคำสั่ง รีบกินและเตรียมตัวเพื่อออกไปรบ”
“ขอรับ!”
หลังทานอาหารเสร็จ หลินมู่อวี่พาเว่ยโฉวและคนอื่นๆ ควบม้าออกไปบนถนนในเมือง หากศัตรูมีเพียงสามพันคน เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
ฝนหยุดตกแล้ว ทำให้อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นโคลนและใบไม้ หลินมู่อวี่นำนายพลอาวุโสของกองทัพหลายสิบนายขึ้นไปบนเนินดินนอกเมือง ทักษะชีพจรวิญญาณสัมผัสได้ถึงกองทหารม้าของอีกฝ่ายจากระยะไกล นกสีขาวบินโฉบบนฟากฟ้า พวกมันคงเป็นนกสอดแนมของจักรวรรดิอี้เหอ
เว่ยโฉวยกคันศรและยิงออกไป
“จะทำอย่างไรดี?” ฉินเหยียนถือหอกและกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่ เราจะพึ่งพากำแพงเมือง หรือ…จะนำทหารออกจากเมืองเพื่อโจมตีในป่า?”
“รอก่อน ข้าอยากรู้ว่ามันคือผู้ใด”
“ขอรับ”
ไม่นาน หน่วยสอดแนมกองทัพมังกรผงาดก็ควบม้าเข้ามาพร้อมประสานหมัดรายงาน “ท่านผู้บัญชาการ ข้าน้อยเห็นอย่างชัดเจนว่าพวกมันคือกองทัพของกบฏจักรวรรดิอี้เหอ มีแม่ทัพนามว่าซ๋งเชา ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของลู่จ่าว”
“ซ๋งเชา?” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “พวกเจ้ารู้จักชายผู้นี้หรือไม่?”
เฝิงสี่กล่าว “ข้ารู้เพียงเขาอ่อนประสบการณ์ แต่กลับกล้าหาญและต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม กล่าวกันว่าศึกในเมืองหลันเยี่ยน ทหารใต้บังคับบัญชาของซ๋งเชาได้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อต่อต้านกองทัพเขาเหินและองครักษ์มังกร เป็นที่เลี่ยงลือกันว่าซ๋งเชาโหดเหี้ยมและไร้ปรานี เขาใช้ดาบเหล็กฟาดฟันศีรษะผู้คนหลายพันคนในเมืองหลันเยี่ยน และได้รับฉายาว่าเป็นเทพสังหารแห่งเมืองสายัณห์”
“เทพสังหาร...”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยท่าทีสงบ “ให้กองทัพมังกรผงาดออกจากเมืองและหยุดรอครึ่งทางเพื่อโจมตี ให้ทุกคนนำศรเศวตรมณีทั้งหมดมา ข้าต้องการให้พวกมันล้มตายและบาดเจ็บหนึ่งในสามของกองทัพ ก่อนที่จะเข้ามาใกล้”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
เว่ยโฉวหยักหน้าและเริ่มเขียนสารขนนก ขณะเดียวกันเขาเอ่ยถาม “เราควรนำกล่องลูกศรออกจากเมืองหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ ห้ามให้พวกมันเห็นกล่องลูกศร”
“ขอรับ”
…
ไม่นานทหารม้าชั้นยอดกว่าสี่พันเจ็ดร้อยนายของกองทัพมังกรผงาดก็ปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขา หลินมู่อวี่มองทุกคนพร้อมกล่าวว่า “ข้าจะนำทหารหนึ่งพันเจ็ดร้อยนายออกไปเผชิญหน้าโดยตรง เว่ยโฉวนำทหารหนึ่งพันนายโจมตีทางปีกขวา เฝิงสี่นำทหารหนึ่งพันนายโจมตีทางปีกซ้าย ส่วนฉินเหยียนและฉือเจี้ยนเทานำทหารหนึ่งพันนายซ่อนตัวในป่า เมื่อสงครามเริ่มขึ้น พวกมันจะต้องถอยทัพกลับ จากนั้นเราต้องเข้าล้อมโจมตีจากทุกด้าน ห้ามปล่อยให้พวกกบฏจักรวรรดิอี้เหอเหล่านี้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“ขอรับ!” เหล่านายพลประสานหมัดรับและรีบออกไปทันที
หลินมู่อวี่มองไปยังทหารม้าหนึ่งพันนายเบื้องหลังขณะที่มีภายในหัวใจเต็มไปด้วยคลื่น ในที่สุดเขาก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ยึดเมืองหลันเยี่ยนอีกครั้ง ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ แต่ด้วยฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขาจะต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้
กองทัพรวมตัวกันบนเนินเขา หลังจากผ่านไปหลายสิบนาที เสียงเกือกม้าดังขึ้นในป่าเปิดด้านหน้า ซึ่งมาจากทหารม้าสามพันนายภายใต้ธงรบของจักรวรรดิอี้เหอที่ปลิวไสว ด้านหน้ากองทัพมีนายพลใบหน้าเคร่งขรึมถือดาบเหล็ก ทันใดนั้น! เขายกดาบขึ้นพร้อมจ้องมองหลินมู่อวี่บนเนินเขาและกล่าวว่า “เหล่าพี่น้องโจมตีเดี๋ยวนี้ เอาชนะพวกมันซะ!”
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาเป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่ง และส่งกองทัพออกมาทันทีโดยไม่จัดระเบียบใหม่
หลินมู่อวี่ค่อยยกทวนดอกหลีฮวาขึ้นพร้อมกล่าวว่า “เริ่มสงครามได้!”
ท่าเฉว่ส่งเสียงร้องยาวพร้อมวิ่งลงจากเนินเขา กองทหารม้าเคลื่อนทัพเป็นรูปแบบโจมตี พวกเขาง้างคันศรและยิงออกไป “ฟิ้ว!” ศรเศวตรมณีพุ่งออกไปทะลวงร่างศัตรูจนเลือดสาดกระเซ็นตามดังหลินมู่อวี่คาดการณ์ เขาสามารถสังหารทหารนับร้อยโดยไม่ต้องแตะต้องพวกมัน
ขณะเดียวกันเสียงเกือกม้าดังก้องจากสองข้างของป่าบุกเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากกองทหารที่นำโดยเว่ยโฉวและเฝิงสี่
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!!”
เกิดการปะทะกันอย่างรวดเร็ว และความได้เปรียบตกเป็นของกองทัพมังกรผงาดอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกองทหารม้าหอกโล่อยู่ด้านหน้ากองทัพ ทำให้สามารถบุกทะลวงศัตรูอย่างง่ายดาย ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่ถือทวนพุ่งออกไปด้านหน้าพร้อมตวัดเฉือนอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
“สังหารหลินมู่อวี่!”
สิ้นเสียงตะโกน ทหารผู้กล้าหลายสิบนายพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกัน
หลินมู่อวี่เต็มไปด้วยจิตสังหารพร้อมตวัดทวนอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้น! เขาคำรามก้องเพื่อเรียกโซ่เทวะสีทองพวยพุ่งออกจากพื้นเจาะทะลวงทหารและม้าของจักรวรรดิอี้เหอเข้าด้วยกัน
เลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณ ไม่นานฉินเหยียนและฉือเจี้ยนเทานำทัพออกจากป่าด้านหลังเข้าล้อม ในที่สุดทหารม้าแห่งจักรวรรดิอี้เหอก็ได้รับความพ่ายแพ้
…
“ไอ้สารเลว!”
ซ๋งเชากวัดแกว่งดาบอย่างรุนแรงบนโล่ทรงกรวย แต่เขาก็ทำลายมันไม่ได้ จู่ๆ ความหนาวเย็นคืบคลานมาด้านหลังจนต้องรีบหันกลับทันที ก่อนจะพบดวงตาที่โหดเหี้ยมของหลินมู่อวี่ขณะที่ยกฝ่ามือทักทายเขาพร้อมพลังดาราปรากฏ!
“ตูม!”
ดาบของซ๋งเชาถูกทำลายจนสิ้น ก่อนที่ฝ่ามือหลินมู่อวี่จะกระแทกหน้าอกเขาจนเกราะแตก ซ๋งเชากระอักเลือดขณะที่เถาวัลย์น้ำเต้าสีทองพวยพุ่งโอบร่างอย่างรวดเร็วและยกขึ้นพาดบนหลังม้า หลินมู่อวี่พลันกล่าวเสียงดัง “ซ๋งเชาถูกจับแล้ว พวกเจ้ายังจะต่อต้านอีกหรือไม่?”
ใบหน้าซ๋งเชาซีดเผือดพร้อมกระอักเลือด เขากล่าวเสียงดัง “ระ…เราแพ้แล้ว เลิกต่อต้านเถิด…”
กลุ่มทหารจักรวรรดิอี้เหอตกตะลึง ก่อนจะปล่อยอาวุธในมือลงพื้นและยอมจำนนเป็นเชลยศึก
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและจบลงในเวลาเพียงยี่สิบนาที
เว่ยโฉวถือหอกและพูดอย่างเฉยเมย “ปลดอาวุธทั้งหมดพร้อมมัดพวกมันนำกลับไปยังเมืองซิงเจว๋”
…
เหล่าเชลยศึกจำนวนมากของจักรวรรดิอี้เหอเคลื่อนตัวเขามายังเมืองซิงเจว๋ พวกเขาถูกกองทหารมังกรผงาดรายล้อมที่จัตุรัสทางใต้ของเมือง หลินมู่อวี่ยืนบนกำแพงขณะเฝ้ามองกลุ่มเชลยศึกด้วยท่าทางสงบ ซ๋งเชานั่งรวมอยู่ในกลุ่มพร้อมเลือดที่ไหลอาบมุมปาก เขาเงยหน้ามองหลินมู่อวี่พร้อมตะโกนเสียงดัง “หลินมู่อวี่ จักรวรรดิไม่เคยสังหารเชลยศึก ในเมื่อปลดอาวุธพวกเราแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์จัดการพวกเราอีก หากเจ้าเจรจากับท่านแม่ทัพลู่จ่าว เขาจะต้องให้เหรียญทองจำนวนมหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตพวกข้าเป็นแน่ ท่านแม่ทัพมีจิตใจเมตตา เช่นนั้นเจ้าไม่สามารถสังหารพวกเราได้…”
หลินมู่อวี่หันกลับและไม่สนใจซ๋งเชาอีก
เว่ยโฉวด้านข้างกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ ระ…เราไม่ควรสังหารเชลยศึกจักรวรรดิอี้เหอที่นี่ ชาวเมืองซิงเจว๋กำลังเฝ้ามองเราอยู่ ซึ่งอาจมีพวกเขาอยู่ในเชลยศึกเหล่านี้”
เฝิงสี่กล่าวเสริม “ผู้บัญชาการ ในเมื่อปลดอาวุธแล้ว เราไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกมันอีก”
หลินมู่อวี่ก้มหน้าลงไม่กล่าวตอบสิ่งใด
“ท่านผู้บัญชาการ ท่าน…” เว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
เมื่อหลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมพึมพำด้วยดวงตาแดงก่ำ “เว่ยโฉวรู้หรือไม่…คนเหล่านี้ได้เข้าร่วมต่อสู้เพื่อต่อต้านกองทัพเขาเหิน และเป็นกลุ่มคนที่ปลิดชีพพี่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน”
“ท่านผู้บัญชาการ...”
“เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?!” ดวงตาหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยน้ำตาพร้อมกล่าวอย่างสิ้นหวัง “พี่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองหลันเยี่ยน แต่…แต่มีอาวุธกี่ชิ้นที่แทงทะลุร่างของเขาก่อนที่จะตายรู้บ้างหรือไม่? เขา…มีเลือดไหลอาบร่างกายที่บวมเป่ง เจ้ารู้ไหมเว่ยโฉว?!”
หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกจากสองตา ฝ่ามือทั้งสองค่อยๆ ตกลงข้างกาย
“ฆ่าพวกมันซะ…อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
………………………………….