(WN) Love Comedy Manga ni Haitte shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru - ตอนที่ 30
เด็กสาวผู้มีนามว่า โทโจวอิน คาโอริ ได้รับการยอมรับในฐานะลูกคุณหนูจากผู้คนโดยรอบ
กระทั่งตัวเธอเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
เธออาศัยในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารระดับที่ปถุชนคนธรรมดาคงจินตนาการไม่ออก ได้รับการดูเเลเเละถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าเมดกับพ่อบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
รูปร่างหน้าตาของเธอทั้งสวยสง่าน่ารักน่าเอ็นดู ครอบครองมันสมองอันฉลาดหลักเเหลม ทักษะทางกีฬาก็โดดเด่นไม่เเพ้ใคร
มนุษย์ที่พระเจ้าประทานพรมาให้เเทบทุกอย่างตั้งเเต่เกิด นั่นล่ะคือ โทโจวอิน คาโอริ
เพียงเเต่… พระเจ้าองค์นั้นได้พรากบุคคลผู้เป็นมารดาจากเธอไปด้วย
ชั่ววินาทีนับเเต่เธอถือกําเนิดมาเเม่ของเธอก็ได้จากไปเสียเเล้ว เธอจึงเติบโตโดยที่ไม่เคยเห็นใบหน้าของผู้เป็นเเม่เเม้สักครั้ง
เเน่นอนว่ามีรูปถ่ายหรือวิดีโอเก็บไว้อยู่ เเต่ด้วยความที่เเม่ของเธอเสียไปก่อนที่เธอจะจําความได้ เธอเลยไม่มีความทรงจําเกี่ยวกับมารดาเเม้เเต่น้อย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเธอจะไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้นเสียทีเดียว ส่วนนึงคงเป็นเพราะเหล่าเมดกับพ่อบ้านทั้งหลายที่คอยดูเเลเอาใจใส่เธออย่างอ่อนโยนเเละทําหน้าที่เเทนมารดาของเธอ
ถึงอย่างนั้น… เธอก็ไม่เคยรู้จักกับความอบอุ่นหรือความรักอันไร้เงื่อนไขของเเม่อยู่ดี
เเม้เมดกับพ่อบ้านจะปฏิบัติกับเธออย่างใจดีก็จริง เเต่ถึงพูดให้ดูสวยหรูเพียงใดพวกเขาก็เป็นเเค่คนรับใช้ที่ตระกูลโทโจวอินจ้างมาเท่านั้น
อะไรอย่างการได้กินข้าวกล่องทํามือกับครอบครัวในงานเเข่งขันกีฬาระดับประถมน่ะ เธอไม่เคยประสบมันสักครั้ง
ระหว่างที่เด็กคนอื่นต่างรับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน เธอได้เเต่นั่งตัวคนเดียวบนผ้าปูปิคนิคอันกว้างขวางพร้อมรับประทานข้าวกล่องสุดหรูหราที่เหล่าเมดเตรียมไว้ให้ ในขณะที่มีคุณปู่พ่อบ้านคอยดูเเลอยู่ห่างๆไปด้วย
ในเวลาเเบบนั้น– บุคคลเดียวที่มักจะคอยทานอาหารร่วมกันกับเธอคือ ชิเกโมโตะ ยูอิจิ
[สุดยอด! น่ากินจัง! นี่ๆให้ชั้นกินด้วยคนได้ไหม!]
[คะ.. ค่ะ ดะ.. ได้อยู่เเล้ว! จงรับประทานด้วยความทราบซึ้งซะเถอะ]
[ขอบใจนะ! จะทานเเล้วนะคร้าบ!]
เธอชอบเขาที่เป็นเเบบนั้นยิ่งกว่าใคร
อย่างยูอิจิคงจะพูดว่าสิ่งที่เขาทําไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เเต่เหนือสิ่งอื่นใดสําหรับคาโอริเธอรู้สึกว่าตัวเองได้รับความรัก
อย่างไรคาโอริก็รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองได้รับพรอยู่ดี
เธอเเทบจะมีทุกอย่างในครอบครองยกเว้นมารดาของตนเพียงผู้เดียว
ถึงอย่างนั้น… ความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อไปได้ไม่สวยนักคือสิ่งที่ทําให้เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้
พวกเขาไม่เชิงว่าไม่สนิทกัน
ไม่สิ… ในทางกลับกันหากพวกเขาไม่สนิทกันอาจจะดีกว่าก็ได้
ทุกๆเดือนเธอจะมีโอกาสได้ทานอาหารกับบิดาเเค่เดือนล่ะครั้ง
รับประทานอาหารกับพ่อซึ่งเป็นถึงประธานของโทโจวอินกรุ๊ปตามลําพังในร้านอาหารอันเเสนหรูหรา
สําหรับตัวคาโอริคงไม่มีเวลาไหนที่ทําให้ประหม่าเฉกเช่นเวลานี้อีกเเล้ว
ตอนนั้นเธอได้สนทนากับพ่ออยู่บ้าง… เเต่พ่อของเธอกลับไม่เคยปฏิบัติกับเธอเหมือนพ่อลูกเลยสักครั้ง
ไม่เเยเเส คํานั้นเเค่คําเดียวสามารถสรุปได้ทั้งหมด
ไม่ใช่ขั้วตรงข้ามของความรักอย่างความรู้สึกเกลียดชังหรอก เเต่เป็นการไม่เเยเเสต่างหาก
พ่อไม่ได้ทั้งรักหรือเกลียดเธอด้วยซํ้า
นั่นคงจะเป็นปมด้อยดั่งคําสาปร้ายที่ฝังรากลงลึกในหัวใจของเธอ
◇ ◇ ◇
วันนั้นคาโอริได้มายังสถานที่ซึ่งเป็นจุดเดทของ ชิเกโมโตะ ยูอิจิ บุคคลอันเป็นที่รัก
เเม้จะเป็นจุดเดทเเต่คนที่ไปเดทกับยูอิจิกลับไม่ใช่เธอเเต่อย่างใด
มันคือสถานที่ซึ่งยูอิจิจะไปเดทกับคนที่เขารัก ฟุจิเสะ ชิโฮะ ต่างหาก
◇ ◇ ◇
<มุมมองของ โทโจวอิน คาโอริ>
เริ่มเเรกฉันได้ไปบ้านของเพื่อนยูอิจิ ฮิซามูระ สึคาสะ ในวันเสาร์เลยนึกว่าพอถึงวันอาทิตย์เขาจะไปเที่ยวเล่นด้วยกันกับฮิซามูระทั้งอย่างนั้นซะอีก
เเต่ท่าทีของพวกเขาดูเเปลกนิดหน่อย ด้วยความสงสัยฉันเลยสะกดรอยตามไป ผลก็ตามที่เห็น
ทีเเรกก็คิดจะเข้าไปขัดขวางในทันทีอยู่หรอก
เเต่ดูเหมือนฝ่ายชวนจะเป็นยูอิจิ ฉันจึงตัดสินใจเฝ้าดูเดทของทั้งคู่ไปก่อนเงียบๆ
ยูอิจิเท่จังเลย~
จะตอนประถมหรือม.ต้น เขาก็เป็นเป้าสนใจของพวกผู้หญิงอยู่ตลอด
ทั้งอย่างนั้นสาเหตุที่ยูอิจิคิดว่าตัวเองไม่เนื้อหอมนั้นเป็นเพราะคาโอริคอยปกป้องเขาจากเหล่าสาวๆที่คลั่งไคล้เขาอยู่เสมอ
เเต่ว่าคราวนี้ไม่ได้มีเด็กผู้หญิงมาชอบยูอิจิ เเต่เป็นยูอิจิเนี่ยสิที่ตกหลุมรักเด็กผู้หญิงคนนึงเข้า
มันเป็นรูปเเบบที่ไม่เคยมีมาก่อนส่งผลให้คาโอริหัวเสียเป็นอย่างมาก
เช่นนั้นฉันก็ทําทุกอย่างมาถึงตอนนี้ด้วยเเนวคิดที่ว่า [ไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะสมกับยูอิจิยิ่งกว่าดิฉันหรอก] มาโดยตลอด
เพื่อไม่ให้เด็กสาวคนอื่นเข้าใกล้เขา ฉันถึงขนาดปล่อยข่าวลือว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับยูอิจิตั้งเเต่สมัยประถมเอย คบกันอยู่เเล้วเอย จนไปถึงขั้นพวกเราทั้งสองเป็นคู่หมั้นกันเลยทีเดียว
เเม้จะรู้สึกอายจนเเทบขาดใจ ฉันก็ลงมือทําไปเเล้ว
ต่อให้เป็นอย่างนั้นยูอิจิก็มาเดทกับยัยฟุจิเสะ ชิโฮะ อยู่ดี
หากเป็นฉันตามปกติคงจะคิดเเค่ [ถึงยังไงดิฉันก็รักยูอิจิมากกว่าคุณอยู่ดี!] จากนั้นก็เข้าไปขวางการเดทล่ะมั้ง
เเต่ว่า… ฉันนึกถึงเรื่องที่ยูอิจิบอกเมื่อวาน
[มันก็ดึกเเล้วด้วย! ป่านนี้ครอบครัวคงจะเป็นห่วงเเล้วใช่ไหมล่ะ!]
คําพูดเหล่านั้นเป็นคําที่นึกเป็นห่วงฉันจึงเอ่ยขึ้นมา
เพียงเเต่… ฉันไม่มีพ่อเเม่เเบบนั้นน่ะสิ
ทั้งพ่อ ทั้งเเม่ พวกเขาไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่สุดเเสนเปล่าเปลี่ยวนั่น
ท่านพ่องานยุ่งอยู่ตลอดจนเเทบไม่กลับบ้าน หรือต่อให้กลับมาเขาก็จะเอาเเต่ทํางานในออฟฟิซของตัวเองอยู่ดี
พวกเราได้เจอหน้ากันที่บ้านเเค่ปีล่ะครั้งเอง
กับตัวเองที่เป็นเเบบนี้… คนที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครเเบบนี้ ฉันเริ่มพะวงว่าจริงๆเเล้วตัวเองรัก ชิเกโมโตะ ยูอิจิ เเน่เหรอ?
ถ้างั้นความรักที่ฉันมีให้ยูอิจิมันเป็นเเบบไหนกันล่ะ?
ตัวฉันเติบโตมาโดยไม่เคยรู้จักความรักด้วยซํ้า งั้นความรู้สึกที่โอบกอดเอาไว้นี่ ความรู้สึกที่มีต่อยูอิจินี่ มันคืออะไรกันล่ะ? ฉันไม่มั่นใจขึ้นมา
ตอนที่ยูอิจิไปเดทกับยัยฟุจิเสะ ชิโฮะ พวกเขาดูสนุกสนานกันมาก
ฉันเกิดสงสัยว่าตัวเองจะสามารถทําให้ยูอิจิยิ้มอย่างน่ารักด้วยความบริสุทธิ์ใจเเบบนั้นได้รึเปล่า
เพราะไม่เข้าใจเรื่องนั้น ฉันถึงบังคับตัวเองให้ไปขัดขวางพวกเขาไม่ได้
ขืนเป็นเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆยูอิจิกับยัยฟุจิเสะ ชิโฮะ คงคบกันไม่ผิดเเน่
เเม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตาม…
“อาจจะดีก็ได้นะคะ…”
ฉันพึมพําอะไรเเบบนั้น ก่อนจะช้อนสายตาไปยังที่ที่อยู่ไกลเเสนไกล
ฉันเป็นคนขอปู่ให้ขับรถพามาที่นี่เเละให้เขาอยู่ด้วยกันกับฉันตั้งเเต่เที่ยงวัน
กระทั่งตอนนี้ฉันก็บอกให้เขาไปดูหน่อยว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหนเป็นครั้งสุดท้าย ขณะฉันรออยู่ตรงบริเวณที่สามารถทานอาหารได้อย่างสบายใจเฉิบ
ถึงจะมืดไปหน่อยเนื่องจากอยู่ข้างนอก เเต่เพราะมีหลอดไฟหรือจุดเเสดงไฟติดตั้งอยู่ ทําให้ไม่ได้มืดมิดไปหมดเสียทีเดียว
ท่ามกลางทุกอย่างที่เกิดขึ้น คาโอริรอคอยปู่คนนั้นกลับมาตามลําพัง
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังจึงหันไปมอง
“ปู่ช้าจังเลยนะ… ตายจริง~ ฮิซามูระคุงนี่”
“…สายัณห์สวัสดิ์นะ โทโจวอินซัง”
นึกว่าปู่จะกลับมาคนเดียวซะอีก… ใครจะไปคิดว่า ฮิซามูระ สึคาสะ จะตามมาด้วย
เเน่นอนคาโอริทราบเป็นอย่างดีว่า ฮิซามูระ สึคาสะ กับ ชิมาดะ เซย์ มาสวนสนุกเเห่งนี้เช่นกัน
บางทีทั้งคู่คงคิดจะมาหยุดเมื่อตนเข้าไปขวางล่ะมั้ง
เเต่ตอนนี้… เหตุผลที่สองคนนั้นมาสวนสนุกน่าจะหายไปหมดเเล้ว
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ เเล้วทําไมเธอต้องตามปู่มายังที่ที่ดิฉันอยู่ด้วยล่ะคะ? โอ้! หรือเธอคิดจะมาหยุดฉันเหรอคะ หากเป็นเช่นนั้นไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางหรอกค่ะ”
“…ทําไมถึงไม่มาขวางล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอชอบยูอิจิเหรอ?”
“…นั่นสินะคะ ฉันเริ่มไม่เเน่ใจขึ้นมาเเล้วล่ะ”
ชอบน่ะชอบอยู่เเล้ว
เเต่ไม่เเน่ใจว่าตัวเองได้ชอบเขาอย่างถูกต้องรึเปล่า
น่าสงสัยว่าคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลยอย่างฉัน จะสามารถมอบความรักอย่างถูกต้องให้ยูอิจิได้ไหม
“…ยอมเเพ้ทําไมล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอชอบเขามาตั้งเเต่เด็กรึไง”
“ค่ะ คงงั้น ดิฉันคิดว่าตัวเองชอบเขา เเต่พอลองไตร่ตรองดูดีๆอาจจะไม่ใช่ก็ได้”
“…งั้นเหรอ เธอปอดเเหกขึ้นมาสินะ”
“…อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
“ทําไมต้องกลัวด้วยล่ะ? เธอพูดว่าชอบเขาตั้งขนาดนั้นเลยนี่”
“…เเค่ใจเสาะขึ้นมาเท่านั้นล่ะค่ะ ทั้งๆที่มีผู้หญิงอย่างฉันอยู่เเล้วเเท้ๆ ยูอิจิยังมีหน้าไปชอบผู้หญิงคนอื่นอีก”
“เห สรุปคือเธอยอมรับว่าด้านเสน่ห์ของผู้หญิง ตัวเองเเพ้ราบคาบเลยสินะ”
“…อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรล่ะ”
จวบจนบัดนี้คาโอริคุยโดยหันหน้าไปในทิศทางอื่นตลอด ก่อนที่เธอจะหันไปมองหน้าของฮิซามูระเป็นครั้งเเรก
สีหน้าของฮิซามูระดูจริงจังเป็นอย่างยิ่ง เขามองมาทางคาโอริด้วยเเววตาเคร่งเครียด
“จะไปเข้าใจได้ยังไงล่ะ เเค่ต้นกําเนิดของพวกเราก็ต่างกันเเล้ว เเถมโทโจวอินยังเป็นลูกสาวของบริษัทยักษ์ใหญ่อีกต่างหาก ฉันไม่มีทางรู้หรอกว่าการเป็นคนใหญ่คนโตเเบบนั้น มันรู้สึกยังไง”
“…ค่ะ นั่นสินะคะ”
“เเต่เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของชั้นเหมือนกันนี่”
“…อยากจะพูดอะไรกันเเน่?”
“อะไรอย่างความรู้สึกของอีกฝ่ายเนี่ย ถ้าไม่พูดออกมาให้ชัดก็ไม่มีทางรู้หรอก ฉะนั้นชั้นถึงบอกเซย์จังอยู่ตลอดไงว่าชอบเธอขนาดไหน รวมถึงบอกน้องสาวอย่างริเอะว่าเธอน่ารักด้วย”
“…ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิดว่านายจะพูดอะไร”
“เห้อ~ อุตส่าห์ไม่คิดว่าจะต้องพูดถึงขนาดนี้เเท้ๆเชียว”
เขาละสายตาจากฉันไปครู่หนึ่งจากนั้นฮิซามูระก็ก้มหน้าพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เพราะอย่างงั้นเธอคงไม่เข้าใจความรู้สึกของพ่อตัวเองเลยล่ะสิ”
“หือ!? นายรู้อะไรน่ะ…!”
ฉันไม่เคยบอกเรื่องพ่อกับใครทั้งนั้น
กระทั่งกับยูอิจิก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้ด้วยกันสักครั้ง
“ตอนนี้เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง เเต่โทโจวอินคงไม่เข้าใจความรู้สึกของพ่อตัวเองสินะ”
“…ใช่เเล้ว ไม่เข้าใจเลยล่ะ เเต่ต่อให้ไม่ต้องพ่นออกมาเป็นคําพูด เเค่ท่าทีก็ทําให้รู้เเล้วล่ะ ท่านพ่อน่ะ… คนๆนั้นเขาไม่ได้ชอบหรือเกลียดฉันด้วยซํ้า”
“เหตุผลที่เธอกลัวคงเป็นนั่นล่ะสิ เพราะตัวเองไม่เคยได้รับความรักมาก่อนเลยไม่เเน่ใจว่าความรักที่ตัวเองมอบให้ยูอิจิเป็นความรักจริงๆรึเปล่า”
“…นายทําไมถึง!”
“เรื่องนั้นไว้ทีหลัง งั้นมาลองตรวจสอบให้เเน่ใจกันเถอะว่าพ่อของเธอรักเธอรึเปล่า”
“ห๊ะ…?”
ตรวจสอบว่าพ่อรักฉันไหมเหรอ?
ของพรรค์นั้น คําตอบมันออกมานานเป็นสิบปีเเล้ว
ถึงอย่างนั้นก็เถอะจะใช้วิธีไหนตรวจสอบล่ะ
“มีโทรศัพท์อยู่กับตัวใช่ไหมล่ะ ลองใช้เจ้านั่นโทรหาพ่อเเล้วถามดูสิว่า [รักหนูไหม] น่ะ”
“…นายพูดอะไรของนายห๊ะ”
“เอาเถอะน่า ลองทําดูก่อน จะได้รู้ไงว่าตัวเองได้รับความรักจริงไหม”
“…เห้อ~ ต่อให้ฉันโทรไปตอนนี้จริงๆ ท่านพ่อก็ไม่มีทางรับสายหรอก ไม่เกี่ยวกับว่ารักหรือไม่รัก เเต่เขารับสายไม่ได้ต่างหาก ท่านพ่อของฉันงานยุ่งมาก ตั้งเเต่ตื่นนอนตอนเช้าตรู่จนถึงเวลาเข้านอนเขาก็มีงานเข้ามาอยู่ตลอด ทุกนาที ไม่สิ ทุกสิบวินาทีต่างสําคัญสําหรับเขาทั้งสิ้น”
ประธานของโทโจวอินกรุ๊ปบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก
บิดาของคาโอริผู้เป็นประธานของบริษัทนั้นยุ่งมากจริงๆ เขาคงไม่มีทางรับสายโทรศัพท์ที่มาจากไหนไม่รู้ระหว่างทํางานอย่างเเน่นอน
เพียงรับสายเเค่ไม่กี่นาทีอาจทําให้ต้องชะลอหรือยุติข้อตกลงทางธุรกิจซึ่งน่าจะมีมูลค่าหลายร้อยล้านเยนเลยทีเดียว
“ช่างเถอะ ลองดูสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ต่อให้โทรไม่ติดเธอก็อ้างว่า [เขางานยุ่ง] ได้ด้วย เหมาะสมกับโทโจวอินที่พึ่งพ่ายเเพ้ให้ฟุจิเสะในด้านเสน่ห์จนต้องเเถว่ายูอิจิตาไม่ถึงสุดๆเลยล่ะ”
“…เอาสิ จะเล่นตามนายสักหน่อยละกัน”
หากถูกพูดใส่ขนาดนั้นเเล้วยังปฏิเสธคงเสียชื่อ โทโจวอิน คาโอริ กันพอดี
ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากนั้นจึงเเตะตรงจุดที่เขียนว่า [ท่านพ่อ] ในสมุดรายชื่อที่มีอยู่น้อยนิด
ถ้าเเตะอีกครั้งจะสามารถโทรออกได้ทันที
เเต่มันจะดีเเน่เหรอ?
ขืนเขาอยู่ในประชุมทางธุรกิจที่สําคัญมากๆล่ะก็ กระทั่งเสียงโทรศัพท์อันน้อยนิดก็น่ารําคาญอยู่ดี
เเถมยังกระทันหันสุดๆอีก คงไม่จบเเค่ถูกต่อว่าธรรมดาเเน่ๆ
“เป็นอะไรไปล่ะ? หรือที่เเท้ โทโจวอิน คาโอริ จะเป็นพวกขี้ขลาดงั้นเหรอ?”
“…โทรติดหรือไม่ติด ฉันก็จะทําให้นายเสียใจอยู่ดี เตรียมใจไว้เถอะ”
เมื่อพูดอย่างนั้นจบคาโอริก็ได้เเตะลงไปบนหน้าจอมือถืออีกครั้ง
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นริงโทนของโทรศัพท์ดังกึกก้อง
ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง --เเละเสียงรับสายก็ดังขึ้น
“เอ๊ะ…?”
คาโอริพึมพําโดยไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าหูของตัวเองฝาดไป
[ฮัลโหล มีอะไรรึ? คาโอริ]
ฉันได้ยินเสียงของบิดาดังมาจากอีกฟากของปลายสาย
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides